คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เป็นยากลุ่มสเตียรอยด์ที่สังเคราะห์ขึ้นโดยทำหน้าที่เหมือนกับฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย ยากลุ่มนี้ช่วยลดอาการอักเสบ และมีผลต่อภูมิคุ้มกันของร่างกายหากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น
คอร์ติโคสเตียรอยด์สามารถใช้ได้ในหลายรูปแบบ เช่น ยาเม็ด ยาน้ำ ครีมทาผิวหนัง ยาหยอดตา ยาหยอดหู ยาฉีด หรือยาให้ทางหลอดเลือด เป็นต้น โดยยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่ใช้บ่อยได้แก่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- Cortisone
- Hydrocortisone
- Sterapred (Prednisone)
- Medrol (Methylprednisolone)
- Orapred (Prednisolone)
คอร์ติโคสเตียรอยด์ ใช้รักษาอะไรได้บ้าง?
ปกติแล้ว แพทย์มักใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์รักษาโรคดังต่อไปนี้
- ข้ออักเสบ
- หอบหืด
- ภูมิแพ้
- โรคทางผิวหนัง เช่น ผื่น หรือ ผิวหนังอักเสบ
- โรคภูมิต้านตนเอง เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis: MS) หรือ โรคลูปัส (Lupus)
- โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง (Ulcerative colitis) หรือ โรคโครห์น (Crohn's disease)
- มะเร็ง (Cancer)
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์
การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์สามารถเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อได้ เพราะฉะนั้นจึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้ง หากมีอาการที่บอกถึงการติดเชื้อ เช่น เป็นไข้ เจ็บคอ ไอ และควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งเกี่ยวกับโรคประจำตัวอื่นๆ ก่อนจะเริ่มใช้ยาชนิดนี้ โดยเฉพาะ
- โรคเบาหวาน
- โรคใดๆ เกี่ยวกับดวงตา
- โรคตับ
- โรคไต
- โรคหัวใจ
- ภาวะซึมเศร้า หรือโรคทางจิตใจอื่น ๆ
- โรคกระดูกพรุน
- โรควัณโรค
ผลข้างเคียงจากคอร์ติโคสเตียรอยด์
คอร์ติโคสเตียรอยด์ สามารถให้ผลข้างเคียงที่หลากหลายและแตกต่างกันไปตามขนาดยาที่ได้รับ เช่น
- น้ำหนักเพิ่มขึ้น
- กระหายอาหารหรือน้ำมากขึ้น
- ปัสสาวะบ่อย
- อารมณ์แปรปรวน
- สายตาพร่ามัว
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ทำให้หยุดการเจริญเติบโตในเด็ก (Stunted growth)
- ขนตามร่างกายเพิ่มขึ้น
- สิว
- มีรอยฟกช้ำได้ง่าย
- หน้าบวม
- โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
- ความดันโลหิตสูง
- ทำให้โรคเบาหวานแย่ลง
- กระวนกระวาย กระสับกระส่าย
- ท้องไส้ปั่นป่วน
- มีปัญหาเรื่องการนอน
- ภาวะน้ำคั่งในร่างกาย (Water retention)
- โรคต้อกระจก หรือ ต้อหิน
- การติดเชื้อทางผิวหนังหรือช่องคลอด
อย่างไรก็ตาม ห้ามหยุดใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดอาการถอนยาได้ ซึ่งแพทย์จะปรับขนาดยาลงเพื่อหยุดการรักษาโดยไม่ให้เกิดอาการถอนยา
หากใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เป็นเวลานาน แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีปริมาณโซเดียมน้อยแต่มีโพแทสเซียมมากแทน นอกจากนี้แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานโปรตีนมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับควบคู่กันไปเพื่อป้องกันน้ำหนักเพิ่ม นอกจากนี้ยังต้องระวังการรับประทานเกรปฟรุตทั้งแบบผลและน้ำขณะใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ เนื่องจากผลไม้นี้อาจมีผลต่อการทำงานของยา
หากกำลังตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าอาจจะตั้งครรภ์ ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ เพราะยากลุ่มนี้อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก