กีวีมีประโยชน์อะไร?

ผลไม้ลูกเล็กแต่ประโยชน์ไม่เล็กตาม เพราะเปี่ยมด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ
เผยแพร่ครั้งแรก 20 ส.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 29 ส.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที
กีวีมีประโยชน์อะไร?

กีวีจัดเป็นผลไม้เมืองหนาวที่มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ มีวิตามินซีสูง มีคุณสมบัติที่ดีในการต่อต้านความชรา ทำให้สดใส และอ่อนกว่าวัย กีวีเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนลดน้ำหนักและต้องการควบคุมอาหารมาช้านานเพราะนอกจากมีวิตามิ และแร่ธาตุหลายชนิดแล้ว กีวียังเป็นแหล่งของเส้นใยอาหารสูงอีกด้วย

ทำความรู้จักกีวี

"กีวี" หรือ "กีวีฟรุต (Kiwifruit)" เป็นผลไม้มีลักษณะกลมรี ทรงไข่ มีผิวเปลือกที่บาง และมีขนเล็กๆ สีน้ำตาลขึ้นบริเวณรอบเปลือก สีผลภายนอกสีเขียวอมน้ำตาล เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หรือเหลือง ส่วนเนื้อภายในของกีวีเป็นสีเขียวใส หรือเหลืองขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เนื้อผลนุ่มชุ่มฉ่ำน้ำ แถมมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว กีวีมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์คือ เปรี้ยวอมหวาน ในส่วนของแกนกลางผลจะมีเมล็ดสีดำเล็กๆ มากมาย ซึ่งเป็นแหล่งไฟเบอร์ชั้นเยี่ยมนั่นเอง

สารอาหารของกีวีประกอบด้วยอะไรบ้าง

กีวีเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ใยอาหาร หรือไฟเบอร์ วิตามินเค วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมงกานีส สังกะสี 

กีวีเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีและไฟเบอร์สูง การรับประทานกีวี 1 ลูกจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีมากถึงร้อยละ 155 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน เมื่อเทียบกับส้ม 1  ลูก กีวีจะมีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 74%  อีกทั้งยังมีไฟเบอร์มากกว่าแอปเปิลและส้ม ถึง 25 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่า กีวีอุดมไปด้วยวิตามินอีโดยเฉพาะกีวีสีทอง 

ประโยชน์ของกีวี

1. ช่วยลดความดันโลหิต 

กีวีมีโพแทสเซียมซึ่งเป็นแร่ธาตุส่วนสำคัญในการช่วยลดความดันโลหิต ควบคุมของเหลวที่อยู่ในเซลล์ การรับประทานกีวีจึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดความดันโลหิตลงได้ นอกจากนี้กีวียังมีเพคติน (Pectin) ที่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดมีความสมดุลขึ้น เพิ่มคอเลสเตอรอลชนิด HDL (คอเลสเตอรอลดี) และลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด 

2. ช่วยลดน้ำหนัก 

สำหรับใครที่กำลังกังวลกับน้ำหนักตัวอยู่ การรับประทานกีวีเป็นประจำช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงได้ เนื่องจากกีวี 1 ผลให้พลังงานเพียงแค่ 55 กิโลแคลอรี่เท่านั้น อีกทั้งกีวียังเป็นแหล่งของไฟเบอร์ชั้นดี เมื่อรับประทานเข้าไปจะรู้สึกอิ่มเร็วทำให้ความอยากรับประทานอาหารในแต่ละมื้อลดน้อยลงนั่นเอง

3. บำรุงสายตา 

ในกีวีมีสารลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา ทำให้ดวงตากระจ่างใส การมองเห็นดีขึ้น และห่างไกลจากโรคประสาทตาเสื่อมมากขึ้น

4. ชะลอความแก่ 

การรับประทานกีวีเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยต้านความแก่ชราได้ เนื่องจากในกีวีมีวิตามินอี วิตามินซีปริมาณสูง และมีไขมันต่ำ จึงสามารถลดการเสื่อมของอวัยวะภายใน ทำให้ริ้วรอยลดลง ทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ป้องกันรอยหมองคล้ำ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ลดอาการภูมิแพ้ รวมถึงอาการอักเสบ และทำหน้าที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เป็นอย่างดี

5. ช่วยบำรุงครรภ์ 

กีวีมีโฟเลต หรือวิตามินบี 9 ปริมาณสูงมาก ทั้งนี้โฟเลตเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างสารพันธุกรรมจำเป็นต่อทารกและคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างสูง เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นคุณแม่ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์จึงควรรับประทานอาหารที่มีโฟเลตเป็นประจำทั้งก่อนและในระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์ หากรับประทานกีวีเป็นประจำ ย่อมทำให้เซลล์เม็ดเลือดมีสุขภาพดีและส่งผลทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสอีกด้วย

6. ป้องกันโรคหวัด ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส

ในกีวี 1 ผล จะอุดมไปด้วยวิตามินซีในปริมาณสูงถึง 161 มิลลิกรัม หากรับประทานกีวีวันละ 2 ผล ย่อมช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีให้แก่ร่างกายได้อย่างเพียงพอ ประโยชน์ของวิตามินซีก็จะช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ส่งผลช่วยในการป้องกันไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ การติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ รวมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี จึงทำให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น

7. แก้ปัญหาท้องผูก 

กีวีอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารสูงซึ่งจะช่วยเพิ่มกากใยอาหารได้ ใครที่มีปัญหาท้องผูกอยู่บ่อยๆ แนะนำให้รับประทานกีวีวันละ 2-3 ผล หรือจะดื่มน้ำกีวีปั่นก็ได้เพราะกีวีจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารและกระตุ้นการลำเลียงอาหารภายในลำไส้ ซึ่งมีผลช่วยแก้อาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี

ข้อควรระวัง

  • สำหรับหญิงตั้งครรภ์ แม้ว่ากีวีเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับการรับประทานในช่วงตั้งครรภ์ แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อให้ปลอดภัยต่อร่างกาย
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่าย การรับประทานกีวีอาจมีผลทำให้เลือดเกิดการแข็งตัวช้าลง โดยจะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกีวี หรือรับประทานในปริมาณที่ไม่มากเกินไป 
  • สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกีวีก่อนเข้าผ่าตัดอย่างน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพราะกีวีจะทำให้เลือดแข็งตัวช้า อาจมีผลทำให้เลือดไหลออกมามากในระหว่างที่ผ่าตัดได้
  • ผู้ที่มีปัญหาแพ้กีวี และผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีความใกล้เคียงกัน เช่น ข้าวสาลี งา อะโวคาโด มะเดื่อฝรั่ง ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกีวีและผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากกีวี เพราะอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ขึ้นได้ เช่น  หายใจไม่ออก อาเจียน มีผื่นคันขึ้นตามตัว 
  • เกิดอาการแสบปาก แสบคอ แสบลิ้น คล้ายกับเวลารับประทานสับปะรดได้ เนื่องจากทั้งสองชนิดเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์โปรติเอส (protease) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ย่อยโปรตีน

ไอเดียการรับประทานกีวีเพื่อสุขภาพ

กีวีเป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย มีทั้งสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเนื่องจากเป็นแหล่งของไฟเบอร์ และเหมาะกับผู้ที่ต้องการคงความอ่อนเยาว์เอาไว้เพราะมีวิตามินซีสูงช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส หลายคนจึงนิยมนำกีวีมาประยุกต์รับประทานกับเมนูอาหารต่างๆ มากมาย เรามีเมนูที่น่าสนใจมาให้ลองทำดังนี้

1. น้ำกีวีปั่น

ให้เตรียมส่วนประกอบ ได้แก่ 

  • ผลกีวี 
  • น้ำองุ่น 
  • น้ำเขียวเข้มข้น 
  • น้ำแข็ง 

นำกีวีมาปอกเปลือกเหลือแต่เนื้อแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในโถปั่น ปั่นให้ละเอียด จากนั้นใส่น้ำแข็งลงไป เสร็จแล้วรินใส่แก้ว ตกแต่งด้วยกีวีสไลด์ให้ดูสวยงาม เพียงแค่นี้ก็ได้น้ำกีวีแสนอร่อยเอาไว้ดื่มเพิ่มความสดชื่นแล้ว

2.พุดดิ้งเมล็ดเจียกีวี

เตรียมส่วนผสม ได้แก่ 

  • เมล็ดเจีย 
  • กีวี 
  • กลิ่นวานิลลา 
  • นมอัลมอนด์ 
  • เกล็ดมะพร้าวอบ 
  • เมเปิลไซรัป 
  • เบอร์รี่สด 

ผสมเมล็ดเจียกับนมอัลมอนด์เข้าด้วยกัน เติมเมเปิลไซรัปและกลิ่นวานิลลาลงไปผสมจนเข้ากันดี ปิดด้วยพลาสติก แล้วนำเข้าตู้เย็นทิ้งไว้ 4–5 ชั่วโมง จนส่วนผสมกลายเป็นเนื้อพุดดิ้ง จากนั้นให้นำกีวีลงไปปั่นในโถปั่นจนละเอียด แล้วนำกีวีปั่นมาผสมกับพุดดิ้งให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน เทส่วนผสมพุดดิ้งลงในแก้ว แต่งหน้าด้วยเกล็ดมะพร้าวและเบอร์รี่สด 

3.กีวีฟรุตสลัด

เตรียมส่วนผสม ได้แก่

  • กีวี 
  • สับปะรด 
  • มะม่วงสุก 
  • สตรอว์เบอร์รี 
  • ใบมินต์สับ 
  • ฝักวานิลลา 
  • น้ำตาลทราย 

สำหรับวิธีทำฟรุตสลัด ให้ทำถ้วยกีวีด้วยการตัดส่วนบน และส่วนล่างของเปลือกกีวีออกเล็กน้อย ใช้ช้อนคว้านเอาเนื้อตรงกลางของกีวี จากนั้นนำไปวางบนแผ่นผ้า ผสมส่วนผสมของผลไม้ทั้งหมดและใบมินต์เข้าด้วยกัน กรีดฝักวานิลลาออกตามแนวยาว แล้วกรีดเมล็ดออกจากฝัก จากนั้นนำไปใส่ลงในส่วนผสมฟรุตสลัด ผสมเบาๆ จนเข้ากัน เติมน้ำตาลลงไปตามใจชอบ แล้วตักลงไปใส่ในถ้วยกีวีที่เตรียมไว้

4.ไอศกรีมแท่งกีวีเมล็ดเจีย

ให้เตรียมส่วนผสมได้แก่ 

  • กีวี 
  • นมมะพร้าว 
  • นมถั่วเหลือง 
  • เมล็ดเจีย 
  • น้ำเชื่อม หรือน้ำผึ้ง 

ผสมนมมะพร้าว นมถั่วเหลือง เมล็ดเจีย และน้ำเชื่อมเข้าด้วยกัน ปรุงรสตามใจชอบ จากนั้นใส่กีวีสไลด์ลงไปในตัวพิมพ์ไอศกรีมโดยใช้หลังช้อนกดให้แน่น ตักส่วนผสมของเหลวลงไปในพิมพ์ เสียบไม้ไอศกรีมลงไปในตัวพิมพ์ นำไปแช่เย็นทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง แล้วนำออกมาเสิร์ฟ เพียงแค่นี้คุณก็ได้ไอศกรีมกีวีรสชาติแสนอร่อยเอาไว้รับประทานยามว่างแล้ว

นอกจากนี้กีวียังสามารถนำมาประยุกต์เป็นเมนูต่างๆ ได้มากมาย เช่น ตำผลไม้รวมรับประทานคู่กับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เป็นต้น จะเห็นได้ว่า กีวีแม้จะเป็นผลไม้ลูกเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งวิตามินซีและไฟเบอร์ชั้นดี กีวีจึงเป็นผลไม้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก 


4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, กีวี......ผลไม้มากคุณค่า (http://www.medplant.mahidol.ac.th/document/Actinidia_deliciosa.pdf)
Megan Ware, Kiwifruit: Health benefits and nutritional information (https://www.medicalnewstoday.com/articles/271232.php)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)