รวมถึงแหล่งจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ศัตรู ข้อมูลเกี่ยวกับอาการเป็นพิษและสัญญาณเตือนว่ารับประทานแร่ธาตุเหล่านี้มากไป ตลอดจนคำแนะนำที่น่าสนใจต่างๆมากมายสามารถอ่านต่อได้ที่นี่
1. แมงกานีส
ข้อเท็จจริง
- ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ที่จำเป็นต่อกระบวนการนำไบโอติน บี 1 และวิตามินซีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
- มีความจำเป็นต่อโครงสร้างของกระดูก
- มีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม (มก.)
- มีความสำคัญต่อการสร้างไทรอกซิน ฮอร์โมนหลักของต่อมไทรอยด์
- มีความสำคัญต่อกระบวนการย่อยและนำอาหารมาใช้ให้เป็นประโยชน์
- ไม่มีขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันอย่างเป็นทางการ แต่สถาบันวิจัยแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา แนะนำให้รับประทาน 2-5 มก. สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป
- มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์และระบบประสาท
แมงกานีสดีต่อร่างกายคุณอย่างไร
- ช่วยลดอาการอ่อนล้า
- มีส่วนช่วยในกระบวนการตอบสนองของกล้ามเนื้อ
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน
- ช่วยให้ความจำดีขึ้น
- ลดอาการหงุดหงิดง่าย
โรคจากการขาดแมงกานีส
ภาวะเดินเซ
แหล่งแมงกานีสจากธรรมชาติที่ดีที่สุด
ซีเรียลแบบโฮลเกรน ถั่ว ผักใบเขียว ถั่วลันเตา หัวบีต
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
พบมากในผลิตภัณฑ์วิตามินรวมและแร่ธาตุ ในขนาด 1-9 มก.
อาการเป็นพิษและสัญญาณเตือนว่ารับประทานมากไป
พบได้น้อยมาก นอกจากได้รับแมงกานีสปริมาณมากจากแหล่งอุตสาหกรรม
ศัตรูของแมงกานีส
การรับประทานแคลเซียมและฟอสฟอรัสปริมาณมาก จะยับยั้งการดูดซึมได้ เช่นเดียวกับเส้นใยอาหารและกรดไฟติกในรำข้าวและถั่ว
คำแนะนำส่วนตัว
- หากคุณมีอาการมึนศีรษะบ่อยๆ อาจลองพยามรับประทานแมงกานีสจากอาหารต่างๆ ให้มากขึ้น
- ผมขอแนะนำให้ผู้ที่มักมีอาการใจลอย หรือมีปัญหาด้านความจำ รับประทานแร่ธาตุนี้ให้เพียงพอ
- ผู้ที่ดื่มนมหรือบริโภคเนื้อสัตว์เป็นปริมาณมาก ควรรับประทานแมงกานีสให้มากขึ้น
2. โมลิบดีนัม
ข้อเท็จจริง
- ช่วยในกระบวนการเผาผลาญอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมัน เป็นส่วนสำคัญของเอนไซม์ที่ทำหน้าที่นำธาตุเหล็กมาใช้
- ไม่มีขนาดที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน แต่ประมาณการว่าการรับประทาน 75-250 มคก. น่าจะเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์
โมลิบดีนัมดีต่อร่างกายคุณอย่างไร
- ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
- ส่งเสริมให้สุขภาพดีขึ้นโดยรวม
โรคจากการขาดโมลิบดีนัม
ยังไม่พบ
แหล่งจากธรรมชาติที่ดีที่สุด
ผักใบเขียวเข้ม ธัญพืชไม่ขัดสี พืชฝักตระกูลถั่ว
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป
อาการเป็นพิษและสัญญาณเตือนว่ารับประทานมากไป
พบได้น้อยมาก แต่ขนาด 5-10 มก. ต่อวันอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
คำแนะนำเกี่ยวกับโมลิบดีนัม
แม้โมลิบดีนัมจะสำคัญต่อร่างกายของคุณก็ตาม แต่โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานเสริมอีก นอกเสียจากว่าอาหารทุกประเภทที่คุณรับประทานปลูกมาจากดินที่ขาดแร่ธาตุ
3. ฟอสฟอรัส
ข้อเท็จจริง
- พบได้ในทุกเซลล์ของร่างกายเรา วิตามินดีและแคลเซียมมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของฟอสฟอรัส
- อัตราส่วนของแคลเซียมต่อฟอสฟอรัสควรเท่ากับ 2:1 เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ (ควรรับประทานแคลเซียมเป็นสองเท่าของฟอสฟอรัส)
- เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางเคมีของร่างกายเราในเกือบทุกส่วน
- มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อโครงสร้างของกระดูกและฟัน
- ไนอะซินจะไม่สามารถถูกดูดซึมได้หากขาดฟอสฟอรัส
- มีความสำคัญต่อการทำงานที่เป็นปกติสม่ำเสมอของหัวใจ
- สำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของไต
- ร่างกายจำเป็นต้องใช้ในกระบวนการส่งต่อสัญญาณประสาท
- ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับผู้ใหญ่คือ 800-1,200 มก. หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรจะต้องการมากกว่านี้
- แร่ธาตุนี้ดีต่อร่างกายคุณอย่างไร
- ช่วยในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
- ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานและกระปรี้กระเปร่า เนื่องจากมันมีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและแป้ง
- บรรเทาอาการปวดจากข้ออักเสบ
- ส่งเสริมสุขภาพเหงือกและฟัน
โรคจากการขาดฟอสฟอรัส
โรคกระดูกอ่อนในเด็ก เหงือกอักเสบ
แหล่งจากธรรมชาติที่ดีที่สุด
ปลา สัตว์ปีก เนื้อสัตว์ ธัญพืชไม่ขัดสี ไข่ ถั่ว เมล็ดพืช
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
โบนมีล (Bonemeal) เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติที่มีฟอสฟอรัสสูง (ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการเติมวิตามินดีลงไป เพื่อให้ดูดซึมได้ดีขึ้นหรือไม่ และที่สำคัญคือ ต้องไม่มีสารตะกั่วเจือปน!)
อาการเป็นพิษและสัญญาณเตือนว่ารับประทานมากไป
ยังไม่พบว่ามีอันตรายต่อร่างกาย
ศัตรูของฟอสฟอรัส
การรับประทานธาตุเหล็ก อะลูมิเนียม และแมกนีเซียมมากเกินไป อาจทำให้ฟอสฟอรัสด้อยประสิทธิภาพลงได้
คำแนะนำ
- หากคุณรับประทานฟอสฟอรัสมากเกิน จะทำให้แร่ธาตุในร่างกายเสียสมดุล และยังส่งผลให้ระดับแคลเซียมลดลงด้วย โดยทั่วไปอาหารที่เรารับประทาน มีฟอสฟอรัสสูงอยู่แล้ว เนื่องจากฟอสฟอรัสมีอยู่ในอาหารตามธรรมชาติเกือบทุกชนิด ดังนั้น แนวโน้มที่เราจะขาดแคลเซียมจึงพบได้บ่อย คุณควรระวังในประเด็นนี้ และพยายามปรับการรับประทานอาหารให้เหมาะสม
- หากคุณอายุมากกว่าสี่สิบปี คุณควรรับประทานเนื้อสัตว์ในแต่ละวันให้น้อยลง และพยายามรับประทานผักใบเขียวหรือดื่มนมแทน เนื่องจากว่า เมื่อคนเราอายุเกินสี่สิบปี ไตจะไม่สามารถขับฟอสฟอรัสออกได้ดีเท่าที่ควร จึงส่งผลให้แคลเซียมต่ำได้ ระมัดระวังในการรับประทานอาหารสำเร็จรูปที่มีการเติมฟอสเฟตเพื่อกันเสีย และอย่าลืมนับเป็นส่วนหนึ่งของฟอสฟอรัสที่คุณรับประทานด้วย
หากคุณเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์และอยากอ่านเกี่ยวกับหัวข้อนี้เพิ่มเติม สามารถสนับสนุน ดร.เอิร์ล มินเดลล์ (ผู้แต่ง) พญ. ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (แปล) ได้โดยการซื้อหนังสือวิตามินไบเบิล