อาการเจ็บป่วยอย่างหนึ่งที่สามารถเป็นกันได้บ่อย โดยเฉพาะช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว โดยอาการที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยทุกราย คือ อาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ ซึ่งบางครั้งอาการก็อาจรุนแรง และต่อเนื่องยาวนาน จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
ดังนั้นคุณจึงควรมาทำความรู้จักสาเหตุ และแนวทางรักษาตัวเองเบื้องต้น เช่น หายารูปแบบสเปรย์หรือยารับประทาน เพื่อให้อาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอบรรเทาลงหรือกระทั่งหายไป
ตรวจ รักษา หู คอ จมูก วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 854 บาท ลดสูงสุด 54%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
โดยหลักแล้ว อาการเจ็บคอมักเกิดขึ้นจาก 3 สาเหตุหลัก ดังนี้
1. อาการเจ็บคอที่เกิดจากเชื้อไวรัส
อาการเจ็บคอกว่า 90% เกิดขึ้นจากสาเหตุนี้ เช่น ไวรัสก่อโรคหวัด โรคไข้หวัดใหญ่ ผู้ป่วยมักมีอาการของโรคหวัดร่วมกับอาการเจ็บคอ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม ไอ มีไข้อ่อนๆ อ่อนเพลีย
การติดเชื้อไวรัสที่ก่อโรคไข้หวัดใหญ่มักมีอาการรุนแรงกว่าเชื้อก่อโรคหวัดธรรมดา ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่จึงมักมีไข้สูง และปวดกล้ามเนื้อร่วมด้วย อาการเจ็บคอที่เกิดจากเชื้อไวรัสนั้นไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ แต่ส่วนมากจะหายได้เองภายใน 7-10 วัน โดยไม่ต้องใช้ยา
2. อาการเจ็บคอที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
อาการเจ็บคอที่เกิดจากสาเหตุนี้พบได้ไม่บ่อยนัก โดยเชื้อแบคทีเรียก่อโรค คือ เชื้อสเตรปโตคอกคัส ไพโอจีเนส (Streptococcus Pyogenes) หรือที่เรียกว่า สเตรปโตคอกคัสกลุ่มเอ
เชื้อนี้สามารถแพร่กระจายผ่านละอองน้ำลายจากผู้ที่ติดเชื้อ ไปสู่บุคคลอื่นผ่านการไอ จาม การรับประทานอาหารร่วมกัน หรือการได้รับเชื้อจากการสัมผัสเข้าสู่ร่างกายผ่านตา จมูก ปาก
อาการของผู้ป่วยที่เจ็บคอจากสาเหตุนี้จะเริ่มแสดงหลังจากได้รับเชื้อแล้วประมาณ 5 วัน อีกทั้งการติดเชื้อในเด็กยังสามารถพบได้บ่อยกว่าในผู้ใหญ่ด้วย โดยผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากแบคทีเรียอาจมีไข้ ปวดศีรษะ ไม่อยากอาหาร แต่จะไม่แสดงอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคหวัด เช่น น้ำมูกไหล ไอ เสียงแหบ
ตรวจ รักษา หู คอ จมูก วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 854 บาท ลดสูงสุด 54%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
3. อาการเจ็บคอจากทอนซิลอักเสบ
ปกติแล้วต่อมทอนซิลจะมีหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย แต่เมื่อต่อมทอนซิลเกิดการติดเชื้อขึ้นซะเอง จึงอาจเป็นสาเหตุให้ต่อมทอนซิลอักเสบ และนำไปสู่การปวด หรือเจ็บคอรุนแรง ผู้ป่วยบางรายอาจเจ็บคอมากขนาดที่กลืนน้ำลายไม่ได้ทีเดียว
นอกจากนี้ อาการเจ็บคอยังอาจเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บบางอย่าง เช่น โรคกรดไหลย้อน ซึ่งมีสาเหตุจากน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนคืนสู่หลอดอาหารอีกครั้ง อาการที่มักเกิดร่วมด้วยในผู้ป่วยกรดไหลย้อน ได้แก่ แสบร้อนกลางอก เสียงแหบ รู้สึกมีรสเปรี้ยวจากกรด หรือรสขมจากน้ำดีในปาก
นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ก็มีส่วนทำให้การเจ็บคอกำเริบขึ้นได้ รวมถึงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคือง และการอักเสบในลำคอ อากาศแห้ง การใช้เสียงมากจนลำคออักเสบ
วิธีสังเกตอาการว่า อาการเจ็บคอเกิดมาจากไวรัส หรือแบคทีเรีย
เมื่อมีอาการเจ็บคอ หรือกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ ผู้ป่วยสามารถสังเกตได้ด้วยตนเองว่า อาการเจ็บคอที่เป็นอยู่นี้เกิดจากสาเหตุใด
โดยจุดสังเกตที่ชัดเจน คือ หากเป็นอาการเจ็บคอจากเชื้อแบคทีเรีย จะสามารถสังเกตเห็นจุดหนองบริเวณต่อมทอนซิล และอาจเกิดฝ้าที่ลิ้น ซึ่งหากเจ็บคอจากไวรัสจะไม่มีอาการเหล่านี้
ยาบรรเทาอาการเจ็บคอ
ยังไม่มีการคิดค้นยารับประทานที่ใช้บรรเทาอาการเจ็บคอโดยเฉพาะออกมา และโดยปกติอาการเจ็บคอจะสามารถหายได้เอง
ตรวจ รักษา หู คอ จมูก วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 854 บาท ลดสูงสุด 54%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
นอกจากนี้ อย่างที่กล่าวไว้ว่า การเจ็บคอนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ การรักษานั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าเป็นการเจ็บคอที่เกิดขึ้นจากสาเหตุใด ส่วนใหญ่การรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ ดังนี้
1. ยารับประทานบรรเทาอาการปวด
ได้แก่ พาราเซตามอล (Paracetamol) แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) และนาพรอกเซน (Naproxen)
2. ยาอมแก้เจ็บคอ
นิยมใช้บรรเทาอาการเนื่องจากหาซื้อได้ง่าย มีการผสมตัวยาที่หลากหลาย ได้แก่
- ตัวยาที่ออกฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ในปริมาณไม่สูงนัก ใช้เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บและปวด เช่น เบนโซเคน (Benzocaine)
- ตัวยาที่มีฤทธิ์แก้ปวด ลดการอักเสบ เช่น เฟอร์บิโพรเฟน (Flurbiprofen) เบนซิดามีน ไฮโดรคลอไรด์ (Benzydamine Hydrochloride) ซึ่งเป็นตัวยาในกลุ่มต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID)
- ตัวยาฆ่าเชื้อ เพื่อทำความสะอาดช่องปากและลำคอ เช่น เอมิลเมแทครีซอล (Amylmetacresol) เบนซิลแอลกอฮอล์ (Benzyl Alcohol) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ด้วย
การอมยาอมเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอหรือกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอนั้น ควรศึกษาปริมาณและวิธีใช้จากฉลากบนซอง ไม่ควรอมโดยไม่จำกัดปริมาณ เพราะมีโอกาสที่จะได้รับยาเกินขนาด และทำให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ได้ เช่น ทำให้เกิดการระคายเคือง หรือเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
3. ยาในกลุ่มสเปรย์
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มที่มีการผสมตัวยาต้านการอักเสบ ได้แก่ เบนซิดามีน ไฮโดรคลอไรด์ (Benzydamine Hydrochloride) เช่น ดิฟแฟลม (Difflam)
- กลุ่มที่ผสมสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น คาร์โมไมล์ เปปเปอร์มินต์ ยูคาลิปตัส ที่ให้ฤทธิ์เย็น เช่น คามิโลซาน โพรพอลิส
และในปัจจุบันมีการวางจำหน่ายสเปรย์โพวิโดน-ไอโอดีน (Povidone iodine) สำหรับใช้พ่นบรรเทาอาการเจ็บคอ ซึ่งตัวยามีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ
อย่างไรก็ตาม ไอโอดีนสเปรย์ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่มีปัญหาไทรอยด์ และไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากปริมาณไอโอดีนที่ร่างกายรับมากเกินไปจะรบกวนการสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมไทรอยด์ เป็นผลให้ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติได้
4. ยาปฏิชีวนะ
ใช้เฉพาะในกรณีที่การเจ็บคอนั้นเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งตัวอย่างยาปฏิชีวนะ จะได้แก่ เพนนิซิลลิน วี (Penicillin V) อะมอกซีซิลลิน (Amoxicillin)
แต่ในกรณีผู้ป่วยแพ้ยากลุ่มอะมอกซีซิลลิน ให้ใช้ยาเซฟาเลกซิน (Cephalexin) อะซิโทรมัยซิน (Azithromycin) คลาริโธรมัยซิน (Clarithromycin) คลินดามันซิน (Clindamycin)
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรพบแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพื่อรับการวินิจฉัยสาเหตุของอาการเจ็บคอที่ถูกต้อง และได้รับยาตรงตามอาการ ไม่ควรให้ซื้อยาปฏิชีวนะมาใช้ด้วยตนเอง
เพราะหากที่จริงเจ็บคอจากเชื้อไวรัส การใช้ยาปฏิชีวนะจะไม่มีประโยชน์ ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเชื้อดื้อยาได้ด้วย
เมื่อใดควรไปพบแพทย์
คุณควรพบแพทย์หากว่ามีอาการเจ็บคอ รวมถึงกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอนานเกินกว่า 7-10 วัน หรือมีอาการเสียงแหบนานกว่า 3 สัปดาห์ หรือรักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรียด้วยยาปฏิชีวนะแล้วไม่ได้ผล
ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพทั้งผู้หญิง และผู้ชายทุกวัย เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android