กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

Bromelain (โบรมีเลน)

เผยแพร่ครั้งแรก 27 ม.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 21 ก.พ. 2019 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที

ข้อมูลภาพรวมของโบรมีเลน

โบรมีเลน (Bromelain) คือเอนไซม์ที่พบในน้ำสัปปะรดและหน่อสัปปะรดที่สามารถนำไปทำยาได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

โบรมีเลนถูกใช้เพื่อลดอาการบวม (อักเสบ) โดยเฉพาะที่จมูกและโพรงจมูกหลังจากการผ่าตัดหรือการบาดเจ็บ อีกทั้งยังถูกใช้รักษาโรคไข้ละอองฟาง (hay fever), รักษาภาวะที่ลำไส้ใหญ่ที่รวมทั้งอาการบวมและแผลที่ลำไส้ใหญ่ (ulcerative colitis), กำจัดเนื้อเยื่อที่เสียหายและตายจากการถูกเผา (การเล็มแผล (debridement)), ป้องกันการสะสมกันของน้ำในปอด (ปอดบวมน้ำ (pulmonary edema)), คลายกล้ามเนื้อ, กระตุ้นการรัดตัวของกล้ามเนื้อ, ชะลอลิ่มเลือด, เร่งกระบวนการดูดซึมยาปฏิชีวนะ, ป้องกันมะเร็ง, ร่นระยะเวลาการคลอดบุตร, และช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมัน

โบรมีเลนยังถูกใช้เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ซึ่งได้มีรายงานและหลักฐานมาแย้งว่าโบรมีเลนไม่ได้มีประโยชน์เช่นนี้แต่อย่างใด

โบรมีเลนออกฤทธิ์อย่างไร?

โบรมีเลนอาจทำให้ร่างกายผลิตสารที่ช่วยต่อสู้กับความเจ็บปวดและอาการบวม (อักเสบ) อีกทั้งโบรมีเลนยังประกอบด้วยสารเคมีที่เข้ารบกวนการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกและชะลอการเกิดลิ่มเลือดอีกด้วย

วิธีใช้และประสิทธิภาพของโบรมีเลน

ภาวะที่โบรมีเลนอาจไม่สามารถรักษาได้

  • อาการปวดกล้ามเนื้อ (myalgia) หลังการออกกำลังกาย การกินโบรมีเลนทันทีหลังการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงไม่อาจชะลอการเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อได้และไม่มีผลต่อความเจ็บปวด, ความยืดหยุ่น, หรือความอ่อนล้าของกระดูกที่เกิดขึ้นได้

ภาวะที่ยังคงขาดหลักฐานว่าใช้โบรมีเลนรักษาได้หรือไม่

  • แผลไหม้รุนแรง งานวิจัยพบว่าการทาเจลที่มีส่วนประกอบของเอนไซม์โบรมีเลนก่อนปิดแผลจะช่วยกำจัดเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออกจากแผลไหม้ระดับสองและสามได้
  • ปวดเข่า งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่าการกินโบรมีเลนอาจช่วยลดอาการปวดเข่าชนิดไม่รุนแรงได้
  • arthritis' target='_blank'>ข้อเสื่อม (Osteoarthritis) การกินโบรมีเลนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยอาการปวดจากข้ออักเสบได้ แต่หากกินร่วมกับ trypsin, และ rutin อาจจะช่วยลดอาการปวดจากข้อเสื่อมได้เทียบเท่ากับการใช้ยาต้านอักเสบ diclofenac อาหารเสริมอีกตัวที่ชื่อ devil's claw กับ turmeric เองก็อาจสามารถลดอาการปวดจากข้อเสื่อมได้เช่นกัน (ทั้งสองมีส่วนประกอบของโบรมีเลนอยู่)
  • ภาวะผิวหนังที่เรียกว่า pityriasis lichenoides chronica (PLC) งานวิจัยพบว่าโบรมีเลนสามารถรักษาอาการจาก PLC ได้
  • ความเจ็บปวดหลังการทำฟัน งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการกินโบรมีเลนหลังถอนฟันคุดจะช่วยลดอาการบวมและความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังมีรายงานว่าการทานโบรมีเลนพร้อมกับยาสเตียรอยด์ก็สามารถลดความเจ็บปวดและอาการบวมได้ดีกว่าการใช้ยาสเตียรอยด์เพียงอย่างเดียว กระนั้นข้อมูลจากงานวิจัยนอกเหนือจากนี้ไม่พบประโยชน์ใด ๆ ในประเด็นนี้
  • ความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด งานวิจัยพบว่าการกินโบรมีเลนอาจช่วยลดความเจ็บปวดและอาการบวมหลังผ่าตัดได้ อีกทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของโบรมีเลนและสารอื่น ๆ (Tenosan, Agave) ก็อาจจะช่วยลดอาการปวดหัวไหล่หลังการผ่าตัดได้ แต่ไม่อาจช่วยฟื้นฟูการทำงานของไหล่แต่อย่างใด
  • โรคข้อต่ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่โบรมีเลนสามารถลดอาการข้อบวมของผู้ป่วยโรคข้อต่ออักเสบรูมาตอยด์ได้ อย่างไรก็ตามผลการวิจัยนี้ยังคงนับว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่
  • ไซนัสอักเสบ (Sinusitis) งานวิจัยพบว่าการกินโบรมีเลนพร้อมกับยาหดหลอดเลือด (decongestants), ยาต้านฮิสตามีน (antihistamines), หรือยาปฏิชีวนะ (antibiotics) สามารถช่วยลดอาการบวมในโพรงจมูกได้ อย่างไรก็ตามผลการวิจัยนี้ยังคงนับว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่
  • เอ็นบาดเจ็บ (tendinopathy) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการกินอาหารเสริมที่มีโบรมีเลนสามารถช่วยการทำงานและความเจ็บปวดของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่เส้นเอ็นอคิลเลสได้ 
  • โรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล (Ulcerative colitis) งานวิจัยพบว่าโบรมีเลนสามารถบรรเทาอาการของโรคลำไส้ใหญ่ชนิดเป็นแผลได้หากผู้ป่วยมีอาการไม่ดีขึ้นหลังได้รับการรักษาตามปรกติแล้วก็ตาม
  • ภาวะระบบทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ (Urinary tract infections (UTIs)) มีรายงานกล่าวว่าการกินโบรมีเลนร่วมกับ trypsin ไม่ส่งผลต่อภาวะติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะแต่อย่างใด
  • ไข้ละอองฟาง (Hay fever)
  • เพิ่มการดูดซับยาปฏิชีวนะ 
  • การอักเสบ
  • ป้องกันมะเร็ง
  • ลดระยะเวลาการคลอด
  • ภาวะสุขภาพอื่น

จำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานให้มากขึ้นเพื่อให้ข้อมูลด้านประสิทธิผลของโบรมีเลนเพิ่มเติม

ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของโบรมีเลน

โบรมีเลนมีความปลอดภัยกับผู้ใช้ส่วนมากเมื่อกินเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสม โบรมีเลนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างเช่น หัวใจเต้นเร็ว ท้องร่วงและปวดท้องกับลำไส้ ประจำเดือนมีปัญหา อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้กับบางคนอีกด้วย โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ (allergies) ชนิดอื่น ๆ อยู่ก่อน หากคุณเป็นภูมิแพ้ ควรตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของคุณก่อนใช้โบรมีเลน

คำเตือนและข้อควรระวังเป็นพิเศษ:

สตรีมีครรภ์และแม่ที่ต้องให้นมบุตร: ณ ขณะนี้ยังคงขาดแคลนข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความปลอดภัยจากการใช้โบรมีเลนในกลุ่มผู้หญิงที่ต้องให้นมบุตรกับผู้มีครรภ์ ดังนั้นผู้ที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าวควรเลี่ยงใช้ยาชนิดนี้เพื่อความปลอดภัย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ภูมิแพ้: หากคุณเป็นภูมิแพ้สับปะรด, ยางไม้, ข้าวสาลี, เซลารี, ปาเปน (papain), แครอท, เฟนเนล (fennel), เกสรไซเปรส, หรือเกสรจากหญ้า คุณอาจจะมีอาการแพ้โบรมีเลนได้เช่นกัน

การผ่าตัด: โบรมีเลนอาจทำให้คุณมีความเสี่ยงต่อการเลือดออกระหว่างและหลังจากผ่าตัดได้ ควรหยุดใช้โบรมีเลนก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์

การใช้โบรมีเลนร่วมกับยาชนิดอื่น

ควรใช้โบรมีเลนร่วมกับยาเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง

  • ยาปฏิชีวนะ Amoxicillin กับโบรมีเลน

การกินโบรมีเลนจะเพิ่มปริมาณ amoxicillin ในร่างกายขึ้น อีกทั้งการกินโบรมีเลนพร้อมกับ amoxicillin จะเพิ่มฤทธิ์ของยาขึ้นและทำให้เกิดผลข้างเคียงจาก amoxicillin มากขึ้น

  • ยาปฏิชีวนะ Tetracycline กับโบรมีเลน

โบรมีเลนที่กินเข้าไปจะเพิ่มปริมาณยาปฏิชีวนะ กลุ่ม tetracyclines ที่ร่างกายดูดซึม โดยยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ demeclocycline, minocycline, และ tetracycline

  • ยาชะลอการเกิดลิ่มเลือด (Anticoagulant / Antiplatelet drugs) กับโบรมีเลน

โบรมีเลนอาจชะลอกระบวนการเกิดลิ่มเลือดขึ้น ทำให้การกินโบรมีเลนพร้อมยากลุ่มนี้จะทำให้คุณเลือดออกและฟกช้ำง่ายขึ้น ตัวอย่างยาที่ชะลอการเกิดลิ่มมีดังนี้ aspirin, clopidogrel (Plavix), diclofenac (Voltaren, Cataflam, others), ibuprofen (Advil, Motrin, others), naproxen (Anaprox, Naprosyn, others), dalteparin (Fragmin), enoxaparin (Lovenox), heparin, warfarin (Coumadin), และอื่น ๆ

ปริมาณยาที่ใช้

ปริมาณหรือขนาดยาที่ใช้ดังต่อไปนี้ได้ถูกศึกษาจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

รับประทาน:

  • สำหรับข้อเสื่อม: ผลิตภัณฑ์ยารวมที่มี rutin 100 mg, trypsin 48 mg, และโบรมีเลน 90 mg ควรถูกให้เป็นยาแผง 2 ชุดที่ต้องใช้ 3 ครั้งต่อวัน

2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Rachel Nall, Does bromelain have any health benefits? (https://www.medicalnewstoday.com/articles/323783.php), 23 November 2018
BROMELAIN (https://www.webmd.com/vitamins...), 20 February 2019

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน ผู้อ่านไม่ควรเลือกใช้ยาเองจากการอ่านบทความ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง เพราะแต่ละท่านอาจมีสาเหตุของโรค โรคประจำตัว และประวัติการรักษาที่ต่างกัน ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)