การมีเพศสัมพันธ์นับว่าเป็นความสุข หรือการแสดงความรักที่คู่สมรสพึงมี หรือควรกระทำให้แก่กัน หากเพศสัมพันธ์จบด้วยความสุข ผ่อนคลาย และหายเครียดทั้งสองฝ่ายนั่นย่อมเป็นผลดี แต่ถ้า "มีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก" ย่อมไม่ใช่เรื่องที่สุขสมอีกต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่น่ากังวลและนิ่งนอนใจไม่ได้จนต้องหาสาเหตุเพื่อทราบให้แน่ชัดแล้วรับการรักษาต่อไป
การมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก พบได้บ่อยแค่ไหน?
การมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์สามารถเกิดกับผู้หญิงประมาณ 10% และพบว่า 50% ของผู้หญิงที่เป็นจะมีอาการดีขึ้น ส่วนโอกาสที่จะเป็นโรคร้ายอย่างเช่นโรคมะเร็งมักมีความเสี่ยงตามอายุ โดยพบว่าอายุ 20 – 24 ปี จะมีความเสี่ยงน้อยคือ 1 : 44,000 คน แต่จะมีความเสี่ยงมากขึ้นคืออายุ 45 – 54 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นคือ 1 : 2,400 คน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สาเหตุของมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก คืออะไร?
- เยื่อพรหมจรรย์ขาด
ผู้หญิงบางคนที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอาจพบว่า เยื่อพรหมจรรย์มีการฉีกขาดจนทำให้เลือดออกได้ ในสภาพปกติควรมีเลือดเพียงเล็กน้อยที่สามารถหยุดได้เอง ไม่รู้สึกเจ็บมาก และใช้เวลาแค่ 1 – 2 วันเท่านั้น หากมีปริมาณเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์เป็นจำนวนมากและเป็นก้อน อาจเกิดจากการฉีกขาดของช่องคลอดจะต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
- ผนังช่องคลอดฉีกขาด หรือถลอก
อาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์อย่างรุนแรง หรือใช้เวลานาน รวมถึงความไม่พร้อมของฝ่ายหญิงที่ฝ่ายชายเล้าโลมไม่เพียงพอทำให้ผู้หญิงมีน้ำหล่อลื่นน้อย หรือเกิดจากความไม่สมดุลของอวัยวะเพศทั้งสองฝ่าย เมื่อมีเพศสัมพันธ์ก็จะเกิดการถลอกเป็นแผลและมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่มักจะมีปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น
มักมีอาการตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย มีกลิ่นเหม็น มีอาการคันในช่องคลอด ปวดหน่วงที่บริเวณท้องน้อย ซึ่งอาการอักเสบที่พบได้บ่อยคือ การติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือเชื้อพยาธิ รวมถึงเกี่ยวข้องกับสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในช่องคลอด เช่น ห่วงอนามัย เป็นต้น
- มีเนื้องอก หรือเป็นมะเร็ง
บริเวณภายในโพรงมดลูกบางช่วงของรอบเดือนอาจมีการปลิ้นออกมา ทำให้เกิดการถูกกระแทก หรือเสียดสีขณะมีเพศสัมพันธ์จนมีเลือดออกมาได้ หรือมีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก แม้ว่า ติ่งเนื้อที่ว่าจะเป็นเนื้อชนิดดีก็สามารถทำให้เกิดเลือดออกได้เช่นกัน ในรายที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก เนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็งจะมีความเปราะบาง เมื่อได้รับการกระทบกระเทือนจะมีเลือดออกมา กรณีนี้มักมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออกเกือบทุกครั้ง ต้องรีบไปพบแพทย์
- มีตุ่มหรือแผลที่ปากช่องคลอด เช่น หูดหงอนไก่ เริม ฝี หรือเชื้อรา
โรคเหล่านี้มักก่อให้เกิดอาการระคายเคือง รู้สึกคัน และเจ็บปวด ตามมาด้วยอาการมีเพศสัมพันธ์แล้วเลือดออก
- เลือดประจำเดือนค้าง
เกิดขึ้นได้ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์หลังประจำเดือนหมดใหม่ๆ 1 – 2 วัน ทำให้เลือดประจำเดือนที่ตกค้างออกตามมาได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ช่องคลอดแห้งและมีน้ำหล่อลื่นน้อย
พบได้ในสตรีวัยทองเพราะช่วงวัยนี้จะมีปริมาณฮอร์โมนเพศลดลงจึงทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ช่องคลอดได้ง่าย และยังเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้ยาลดฮอร์โมน หรือการใช้สารเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ด้วย
เช่น ฉีดยาคุม กินยาคุม หรือฝังยาคุม เมื่อมีการกระทบกระเทือนก็จะทำให้มีเลือดออกมากะปริบกะปรอยได้ โดยเป็นเลือดเก่าที่มีสีแดงคล้ำ แต่ไม่มีอาการเจ็บ
- เลือดออกผิดปกติ
มักเกิดขึ้นกับวัยรุ่นในระยะปีแรกๆ ของการมีประจำเดือน อาจพบการมีเลือดออกไม่ตรงรอบประจำเดือน หรือออกกระปริบกะปรอย หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ก็อาจพบว่า มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ได้เช่นกัน
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีเลือดออกตามมาทุกครั้งไม่ใช่เรื่องปกติที่ควรเกิดขึ้น หากเป็นเช่นนี้จะต้องไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี เพราะการมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้เกิดจากการฉีกขาดของพรหมจรรย์ หรือเป็นเลือดของประจำเดือน อาจเป็นสัญญาณถึงความเสี่ยงต่อโรคร้ายแฝงอยู่ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีนั่นเอง
ดูแพ็กเกจตรวจภายใน มะเร็งปากมดลูก และรังไข่ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android