ประโยชน์ของน้ำมันปาล์ม ไอเดียการกินการใช้เพื่อสุขภาพ และข้อควรระวัง

เผยแพร่ครั้งแรก 15 ส.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 6 นาที
ประโยชน์ของน้ำมันปาล์ม ไอเดียการกินการใช้เพื่อสุขภาพ และข้อควรระวัง

น้ำมันปาล์ม (Palm oil) เป็นอีกหนึ่งน้ำมันประกอบอาหาร ซึ่งเป็นที่รู้จักในบ้านเรามาอย่างยาวนาน น้ำมันปาล์มเป็นน้ำมันบริสุทธิ์ มีสีเหลืองใส อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารหลายอย่าง และยังมีราคาที่ไม่แพงอีกด้วย โดยน้ำมันปาล์มที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ ได้แก่ น้ำมันปาล์ม ซึ่งสกัดได้จากส่วนเปลือกสดของปาล์มน้ำมัน และน้ำมันเมล็ดในปาล์มที่สกัดได้จากเมล็ดในของผลปาล์มน้ำมัน โดยน้ำมันปาล์มสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะผัดหรือทอดซึ่งทำให้อาหารอร่อยได้อย่างลงตัว

คุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันปาล์ม

น้ำมันปาล์มถือว่าเป็นหนึ่งวัตถุดิบอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงกับน้ำมันพืชอื่นๆ คือ น้ำมันปาล์มในจำนวน 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงานทั้งหมด 40 แคลอรี ซึ่งเป็นไขมันทั้งหมด 4.5 กรัม ประกอบไปด้วยไขมันอิ่มตัว 0.7 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 2.6 กรัม และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 1 กรัม โดยพบว่าไม่มีไขมันทรานเลยแม้แต่น้อย นอจกากนี้ น้ำมันปาล์มยังอุดมไปด้วยวิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค ถือว่าเป็นน้ำมันจากธรรมชาติอีกชนิดที่มีคุณค่าทางอาหารดีพอสมควร

ประโยชน์ของน้ำมันปาล์ม

น้ำมันปาล์มถือว่าเป็นน้ำมันพืชที่ถูกใช้สำหรับประกอบอาหารและงานอุตสาหกรรมต่างๆ มาอย่างยาวนาน ซึ่งประโยชน์ของน้ำมันปาล์มที่มีต่อร่างกายนั้นมีด้วยกันหลายอย่าง ได้แก่

  1. ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดน้ำมันปาล์มประกอบไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวที่มีความสมดุลกันอย่างดี จึงมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดไม่ให้สูงจนเกินไป
  2. ลดอาการป่วยของโรคทางเดินหายใจต่างๆน้ำมันปาล์มเป็นน้ำมันพืชอีกหนึ่งชนิดที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนช่วยลดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ป้องกันโรคมะเร็งโพรงจมูก ลดอาการผนังเยื่อจมูกอักเสบ และทำให้ระบบหายใจต่างๆ ดีขึ้นอีกด้วย
  3. ช่วยกำจัดเชื้อโรคในกระเพาะอาหารภายในน้ำมันปาล์มประกอบไปด้วยสารที่เรียกโทโคฟิรอล ซึ่งสามารถพบได้ในกลุ่มไขมันที่มีวิตามินอีจำนวนมากบางชนิด โดยมีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือกำจัดสารพิษต่างๆ ได้ ดังนั้น เมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกายจึงมีส่วนช่วยกำจัดแบคทีเรียภายในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ได้นั่นเอง
  4. ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ดีขึ้นนอกจากน้ำมันปาล์มจะอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิดแล้ว ก็ยังมีคุณสมบัติพิเศษโดยช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินจากอาหารต่างๆ ได้ดีขึ้น และช่วยทำให้ระบบการทำงานของร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น

ไอเดียการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อสุขภาพและความงาม

  1. ใช้บำรุงผิวหน้า ด้วยความที่น้ำมันปาล์มมีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวได้เป็นอย่างดี เราจึงสามารถนำน้ำมันปาล์มเล็กน้อยมานวดบนใบหน้าเบาๆ ก่อนนอนได้ โดนนวดให้ทั่วใบหน้า 10 – 20 นาที และเช็ดออกด้วยผ้าสะอาด ทำเป็นประจำจะช่วยให้ริ้วรอยบนใบหน้าจางลง ผิวจะกลับมาชุ่มชื้นและหมดปัญหาผิวแห้งตกสะเก็ด ผิวหน้าจะอ่อนเยาว์เปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น
  2. บำรุงขนตาให้สวยเงางาม หลายคนที่เกิดปัญหาขนตาหลุดร่วง และดูไม่ยาวเอาเสียเลย คุณสามารถนำน้ำมันปาล์มมาเป็นตัวช่วยในการดูแลขนตาให้สวยเงางามขึ้นได้ เนื่องจากภายในน้ำมันมีส่วนผสมของกรดไขมันโอเมก้า วิตามินอี วิตามินเอ และวิตามินดี ที่สามารถช่วยเปลี่ยนขนตาที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงและเงางามมากยิ่งขึ้นได้ โดยการใช้น้ำมันปาล์มเล็กน้อยมานวดที่บริเวณเปลือกตาอย่างเบามือเป็นประจำทุกวัน ผ่านไป 1 อาทิตย์ จะเห็นได้ถึงการเปลี่ยนของขนตาที่ยาวและสวยเงางามยิ่งขึ้น
  3. นำมาทำสบู่ น้ำมันปาล์มถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สามารถนำมาผลิตสบู่ได้ เนื่องจากน้ำมันปาล์มมีวิตามินอีที่มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี กรดไขมันไม่อิ่มตัวจะทำให้สามารรถกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด และยังดูแลผิวให้เนียนนุ่มได้อีกด้วย
  4. บำรุงผมให้แข็งแรง น้ำมันปาล์มมีวิตามินเอและวิตามินอีที่มีคุณสมบัติช่วยดูแลเส้นผมและหนังศีรษะได้ สำหรับใครที่มีปัญหาผมร่วง ผมไม่แข็งแรง หนังศีรษะแห้ง หรือมีรังแค สามารถนำน้ำมันปาล์มมาชโลมหนังศีรษะและเส้นผม ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที จากนั้นสระผมให้สะอาด สุขภาพผมและหนังศีรษะจะกลับมาแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ไอเดียการกินน้ำมันปาล์มเพื่อสุขภาพ

อย่างที่ทราบกันดีว่าเราสามารถนำน้ำมันปาล์มมาใช้ทำเมนูอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผัดหรือทอด ซึ่งเราก็มีไอเดียการนำมาใช้ประกอบเมนูอาหารเพื่อสุขภาพมาฝาก ดังนี้

1.ข้าวหน้าไก่นุ่ม

สำหรับเมนูนี้มีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เริ่มจากนำเนื้อไก่มาหั่นเป็นฃิ้นเล็กๆ หรือลูกเต๋า จากนั้นนำมาหมักด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา แป้งข้าวโพด และพริกไทย โดยให้นวดที่เนื้อไก่เบาๆ และจึงนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 30 นาที เมื่อหมักครบแล้วนำไก่ที่หมักไว้ทิ้งให้หายเย็น ตั้งกระทะโดยใช้ไฟกลางและเทน้ำมันปาล์มลงไป ทอดไก่ให้สุกกรอบนอกนุ่มในและพักไว้ นำหม้อเล็กมาตั้งไฟและใส่น้ำซุปต้มจนเดือด นำไก่ แครอท ต้นหอม และพริกชี้ฟ้าลงหม้อ พร้อมปรุงรสด้วยซอสปรุงรสและน้ำตาลเล็กน้อย ปิดไฟพร้อมตักทานกับข้าวสวยร้อนๆ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

2.ไข่พระอาทิตย์

เมนูอาหารที่เรียกว่าเป็นพระกระยาเสวยทรงโปรดในรัชกาลที่ 9 ที่เราสามารถนำมาทำได้ง่ายๆ เริ่มต้นด้วยการเตรียมวัตถุดิบอย่างไข่ไก่ 3 ฟอง, ข้าวสวย, ซีอิ๊ว 1 ช้อนชา และน้ำมันปาล์ม เสร็จแล้วเรามาเริ่มด้วยการตอกไข่ลงในถ้วยที่เตรียมไว้ ใส่ข้าวสวยซึ่งควรจะเป็นข้าวเย็นจะดีที่สุด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วและตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นมาเตรียมกระทะโดนใช้ไฟปานกลางและใส่น้ำมันปาล์มลงไปให้พอท่วมไข่ที่เราเตรียมไว้ เมื่อเดือดนำไข่ลงไปทอดให้เป็นลักษณะวงกลมโดยรอให้ด้านหนึ่งสุกก่อนจึงค่อยพลิกมาอีกหนึ่งด้าน เมื่อสุกครบทั้ง 2 ดานแล้วให้ยกมาสะเด็ดน้ำมันเป็นอันเสร็จ คุณจะได้ประโยชน์จากไข่ ข้าว และน้ำมันปาล์ม ซึ่งมีทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย

3.กรอบเค็ม

เมนูกรอบเค็มเป็นขนมที่มีรสชาติดีและมีขั้นตอนการทำไม่ยากนัก เริ่มแรกให้นำแป้งสาลีเอนกประสงค์ตราว่าว 1 1/4 ถ้วยตวง และแป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วยตวงมาผสมเข้าด้วยกัน เติมส่วนผสมอย่างไข่แดง 1 ฟอง, น้ำปูนใส 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันถั่วเหลือง 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้น นวดให้นุ่มจนกลายเป็นแป้งโดว์และนำแป้งมาคลึงให้กลายเป็นแผ่นบางๆ ประมาณ 1 – 2 มิลลิเมตร เมื่อบางได้ขนาดแล้วให้ทำการกดตัดเป็นรูปข้าวหลามตัด แยกออกเป็นชิ้นและนำไปทอดในกระทะที่ใส่น้ำมันปาล์มด้วยความร้อนไฟกลาง ทอดจนเหลืองกรอบให้ตักขึ้นและพักจนสะเด็ดน้ำมันดี

มาถึงส่วนของตัวเคลือบด้านนอกให้นำรากผักชี พริกไทย กระเทียม มาโขลกให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมนี้ลงไปผัดให้หอม พร้อมปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลเล็กน้อย เมื่อผัดไปเรื่อยๆ จะเริ่มเปลี่ยนไปจนมีความข้นขึ้น ให้เราเคี่ยวจนละลายเข้ากันดีและพักไฟให้อุ่นลง เพื่อนำไปคลุกกับแป้งที่เตรียมไว้ในตอนแรก เพียงเท่านี้กรอบเค็มแสนอร่อยก็พร้อมทานในยามว่างแล้ว

4.กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา

เตรียมกะหล่ำปลี โดยการนำมาแกะออกเป็นใบๆ ล้างให้สะอาด และซับน้ำออกจนแห้ง จากนั้นตั้งกระทะให้ร้อนด้วยไฟแรง ใส่น้ำมันปาล์มลงไป นำใบกระหล่ำปลีลงไปทอดให้ด้านนอกของใบเกรียมเล็กน้อย ยกขึ้นอย่างรวดเร็ว เทน้ำมันออก และใส่เครื่องปรุงน้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมันหอย และใส่กะหล่ำปลีที่ผัดก่อนหน้าลงไปอีกครั้ง ผัดให้เข้ากันเล็กน้อยตักขึ้นพร้อมรับประทาน ถือเป็นเมนูที่สามารถทำได้ง่ายๆ และอย่างได้ประโยชน์จากผักอีกด้วย

5.โรตีกล้วยหอมราดน้ำผึ้ง

โรตีถือเป็นเมนูของหวานสุดโปรดของใครหลายคน โดยเมนูนี้เราจะนำโรตีทอดธรรมดามาปรับเปลี่ยนให้มีประโยชน์และสารอาหารมากยิ่งขึ้น เริ่มกันที่นำกล้วยหอม 4 ผลมาหั่นเป็นแว่นบางๆ เตรียมแป้งด้วยการนำเอาแป้งทอดกรอบ 100 กรัม แป้งข้าวจ้าว 200 กรัม มาผสมในถ้วยและเติมน้ำลงไป 1 ถ้วยตวง เมื่อเนื้อแป้งเข้ากันดีแล้ว ให้เติมน้ำตาล 1/2 ช้อนชา คนจนส่วนผสมเข้ากันดี มาเตรียมกระทะใส่น้ำมันปาล์มลงไปและรอให้น้ำมันร้อน จากนั้นให้ใส่กล้วยลงไปในถ้วยผสมและเทส่วนผสมลงไปในกระทะ ทอดให้แป้งโรตีสุกเหลืองกำลังดีจึงยกขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันและซับน้ำมันออกให้เรียบร้อย ราดด้วยน้ำผึ้งเป็นอันพร้อมเสิร์ฟรับประทาน

ข้อควรระวัง

  1. ไม่ควรบริโภคในปริมาณมากจนเกินไป เนื่องจากจำนวนของไขมันอิ่มตัวที่มีอยู่ปริมาณมากในน้ำมันปาล์ม ซึ่งหากรับประทานมากจนเกินไปอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคหัวใจ คอเลสเตอรอลสูง ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคภูมิแพ้ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ และยังส่งผลต่อผนังลำไส้ ทำให้ไม่สามารถลำเลียงอาหารหรือน้ำได้อย่างสะดวก จนเป็นสาเหตุให้เกิดอาการขาดน้ำได้ โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่ดื่มน้ำน้อย และยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนได้อีกด้วย
  2. ตรวจสอบวันหมดอายุทุกครั้ง ก่อนนำน้ำมันปาล์มมาใช้ควรตรวจสอบว่าน้ำมันขึ้นไขหรือไม่ มีกลิ่นเหม็นหืนหรือไม่ และภาชนะยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ เพื่อป้องกันการซื้อน้ำมันปาล์มที่หมดอายุแล้วมาใช้ ซึ่งจะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ แก่ร่างกาย แต่อาจจะก่อให้เกิดโทษอย่างไม่รู้ตัวได้นั่นเอง

ปัจจุบันน้ำมันปาล์มถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากจะได้น้ำมันมาใช้เพื่อประกอบอาหารเป็นหลัก โดยแนะนำว่าควรเลือกน้ำมันปาล์มที่ไม่มีกลิ่น ไม่มีตะกอน มีสีเหลืองพอดีไม่เข้มหรืออ่อนจนเกินไป ไม่มีโลหะหนักหรือสารปนเปื้อนใดๆ และควรหลีกเลี่ยงการทำอาหารประเภททอดที่จะต้องใช้น้ำมันบ่อยเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำมันในปริมาณที่ไม่เหมาะสม เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ตามมา เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณสามารถนำน้ำมันปาล์มมาใช้ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นแล้ว


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Is Palm Oil Bad for You? Here's What Nutritionists Say. Health.com. (https://www.health.com/food/palm-oil)
Palm Oil:Uses, Side Effects, Dosage, Interactions & Health Benefits. eMedicineHealth. (https://www.emedicinehealth.com/palm_oil/vitamins-supplements.htm)
Palm Oil: Uses, Side Effects, Interactions, Dosage, and Warning. WebMD. (https://www.webmd.com/vitamins/ai/ingredientmono-1139/palm-oil)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
วิตามินอี(โทโคฟีรอล/โทโคไทรอีนอล)
วิตามินอี(โทโคฟีรอล/โทโคไทรอีนอล)

อ่านข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับวิตามินอี (โทโคฟีรอล/โทโคไทรอีนอล) วิตามินชนิดนี้ดีต่อร่างกายคุณอย่างไรและโรคที่เกิดขึ้นหากขาดวิตามินชนิดนี้ รวมถึงแหล่งจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ศัตรูของวิตามินอี ที่สำคัญคืออาการเป็นพิษและสัญญาณเตือนว่ารับประทานมากไป ตลอดจนรวมทั้งคำแนะนำที่น่าสนใจต่างๆมากมาย สามารถอ่านต่อได้ที่นี่

อ่านเพิ่ม