อาการท้องเสีย เป็นอาการที่หลายคนคงไม่อยากเผชิญกันทั้งนั้น เพราะคุณจะต้องวิ่งเข้าออกห้องน้ำเป็นว่าเล่น ยิ่งถ้าท้องเสียในระหว่างเดินทางล่ะก็ คุณยิ่งลำบากหนักกว่าเดิมแน่
และหากมีอาการอาเจียน หรือเวียนหัวร่วมด้วย มันคงเป็นอาการท้องเสียที่ทรมานหนักกว่าเดิม และนำไปสู่คำถามยอดนิยม คือ ต้องกินยาท้องเสียแบบไหนจึงจะหาย กินอย่างไรให้ปลอดภัย แล้วในระหว่างท้องเสียเราสามารถรับประทานอาหารอะไรได้บ้าง
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ท้องเสีย เป็นกลไกหนึ่งของร่างกาย ในการจัดการกับความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร โดยการขับอาหารที่ผิดปกตินั้นออกจากร่างกายให้เร็วกว่าปกติ
อาการท้องเสียที่พบบ่อย คือ การถ่ายบ่อย ถ่ายเหลว ปวดท้อง ปวดบิด ถ่ายปนมูกเลือด ท้องอืด โดยท้องเสียเฉียบพลันนั้นอาจเกิดได้นานถึง 2 สัปดาห์ และอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ
สาเหตุการท้องเสีย
- การติดเชื้อไวรัส
- การติดเชื้อแบคทีเรีย
- การติดเชื้อโปรโตซัว
- การติดเชื้อพยาธิ
- อาหารเป็นพิษ
- การเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะ
- อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
- การแพ้ยาและอาหารบางชนิด
- โรคลำไส้อักเสบ
- โรคต่อมไทรอยด์
ท้องเสียจากการติดเชื้อนั้นเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก และมักเกิดจากเชื้อไวรัส รองลงมาคือ การติดเชื้อแบคทีเรีย
นอกจากนี้ หากคุณเดินทางไปยังบริเวณที่มีน้ำปนเปื้อนเชื้อโรคแล้วบริโภคน้ำนั้นเข้าไป ก็อาจท้องเสียได้ รวมทั้งอาจได้รับเชื้อแบคทีเรียจากอาหารที่ปรุง หรือจัดเก็บไม่เหมาะสม สามารถทำให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษได้
มาดูกันว่า มีวิธีแก้ท้องเสียได้อย่างไรบ้าง
วิธีแก้ท้องเสีย
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ และจำกัดการดื่มเครื่องดื่มบางชนิด
- เมื่อมีอาการท้องเสียการดื่มน้ำนั้นสำคัญมาก เพราะการขาดน้ำจากท้องเสียนั้นอาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ระหว่างที่เด็กเล็กมีอาการท้องเสียควรให้รับประทานนมตามปกติ ร่วมกับการดื่มน้ำเกลือแร่สำหรับเด็ก และให้ดื่มน้ำบ่อยๆ
- งานวิจัยพบว่า ในผู้ใหญ่ที่มีอาการท้องเสียเล็กน้อยนั้น การดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับน้ำเกลือที่ใช้รักษาอาการขาดน้ำในผู้ที่ท้องเสีย
2. รับประทานอาหารที่มีจุลินทรีย์มีชีวิต
จุลินทรีย์ที่มีชีวิต หรือโปรไบโอติกส์ (Probiotics) นั้นเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยปรับสภาพแวดล้อมในทางเดินอาหารให้ดีต่อสุขภาพ และสามารถช่วยแก้ท้องเสียได้ จุลินทรีย์เหล่านี้สามารถพบได้ในอาหารบางชนิด เช่น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ชีส
- น้ำบีทรูทสีแดง (Beet kvass)
- ชีสสด (Cottage cheese)
- ช็อกโกแลตแบบเข้ม
- มะกอกสีเขียว
- คีเฟอร์ (Kefir)
- กิมจิ
- ชาหมักคอมบุชา (Kombucha)
- ซาวเคราท์ (Sauerkraut)
- มิโซะ
- ถั่วเน่าญี่ปุ่น (Natto)
- แตงกวาดอง
- ขนมปังเปรี้ยว หรือขนมปังที่ทำจากยีสต์ธรรมชาติ (Sourdough bread)
- เทมเป้ (Tempeh)
- โยเกิร์ต
- โปรไบโอติกส์ในแบบผง หรือเม็ด
อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการท้องเสีย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยก่อนที่จะรับประทานจุลินทรีย์เพื่อช่วยบรรเทาอาการ
ยาแก้ท้องเสีย
คุณสามารถรับประทานยาแก้ท้องเสียเหล่านี้เพื่อบรรเทาอาการ หรือแก้ท้องเสียแบบฉับพลันได้ หากมีอาการท้องเสียไม่รุนแรง และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
- Bismuth subsalicylate (Pepto-Bismol และ Kaopectate)
- Loperamide (Imodium)
ถึงแม้ว่ายาแก้ท้องเสียเหล่านี้จะสามารถบรรเทาอาการ หรือแก้ท้องเสียได้แต่ก็ไม่ได้รักษาที่สาเหตุ หากคุณมีอาการท้องเสียเรื้อรังไม่ควรใช้ยาแก้ท้องเสียเหล่านี้โดยที่แพทย์ไม่ได้สั่งจ่าย
โดยอาการท้องเสียเรื้อรังนั้น คือ การมีอาการท้องเสียนานกว่า 14 วัน ซึ่งมักจะมีสาเหตุไม่เหมือนกับอาการท้องเสียแบบฉับพลัน
คุณควรระมัดระวังเด็กที่มีอาการท้องเสียเป็นพิเศษ เพราะเด็กอาจเกิดอาการขาดน้ำจากท้องเสียจนเป็นอันตราย และอาการนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วในเด็กเล็ก
การขาดน้ำอย่างรุนแรงนั้นอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และไม่แนะนำให้ซื้อยาแก้ท้องเสียรับประทานเอง แต่ควรพาไปพบแพทย์จะดีกว่า สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 3 เดือนซึ่งมีอาการท้องเสียควรรับไปพบแพทย์ทันที
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หากคุณมีอาการท้องเสียที่เป็นเลือด มีไข้ มีอาการนานกว่า 7 วัน ปัสสาวะออกลดลง เวียนหัว ปวดท้องรุนแรง หรือท้องเสียมากขึ้นควรไปพบแพทย์โดยเร็ว
อาหารที่ควรรับประทาน
อาจจะฟังดูแปลกๆ ที่จะรับประทานอาหารในระหว่างที่ท้องเสีย แต่การรับประทานอาหารบางชนิดอาจจะช่วยบรรเทาอาการ แก้ท้องเสีย และทำให้ได้รับสารอาหารเพียงพอ
ผู้ที่มีอาการท้องเสียควรรับประทานอาหารในกลุ่ม BRAT (Bananas, Rice, Applesauce, Toast) ซึ่งมีเส้นใยอาหารต่ำ และจะช่วยให้อุจจาระเป็นก้อน อาหารในกลุ่มนี้ประกอบด้วย
- กล้วย
- ข้าวขาว
- ซอสแอปเปิ้ล
- ขนมปัง
อาหารอื่นๆ ที่รับประทานได้ระหว่างที่มีอาการ เช่น
- ข้าวโอ๊ต
- มันฝรั่งต้ม หรืออบ (ปอกเปลือก)
- ไก่อบแบบไม่มีหนัง
- ซุปไก่ (ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย)
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารทอด และมันในระหว่างที่มีอาการท้องเสีย และควรจำกัดปริมาณอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง เช่น ผัก และผลไม้ เพราะอาจทำให้ท้องอืดได้ หรือเครื่องดื่มบางชนิดที่ทำให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้น อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงประกอบด้วย
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นม น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ เพราะอาจทำให้อาการนั้นแย่ลง
- สารให้ความหวานเทียม (พบในหมากฝรั่ง น้ำอัดลมที่ไม่มีน้ำตาล และสารให้ความหวานแทนน้ำตาล
- ถั่ว
- เบอร์รี่
- บร็อคโคลี่
- กะหล่ำปลี
- ดอกกะหล่ำ
- ถั่วลูกไก่
- ข้าวโพด
- ไอศครีม
- ผักใบเขียว
- นม
- พริกไทย
- พรุน
หากบรรเทาอาการ หรือแก้ท้องเสียด้วยวิธีต่างๆ แล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น อุจจาระมีมูกปน คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส อ่อนเพลียมาก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ยิ่งในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ยิ่งต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะจะเกิดอาการแทรกซ้อนภายหลังได้
ดูแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ และภาวะแพ้ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android