น้ำมันตับปลา (Cod liver oil) คือ น้ำมันที่ได้จากการรับประทานตับปลาคอด หรือจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ซึ่งมีประโยชน์มากมายในการรักษาโรคหลายอย่าง เช่น
- ภาวะไขมันในเลือดสูง
- ภาวะแทรกซ้อนทางไตในผู้ป่วยเบาหวาน
- ความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจ
- ข้อเสื่อม (Osteoarthritis)
- โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองที่เรียกว่าโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Systemic lupus erythematosus (SLE))
- ภาวะติดเชื้อภายในหูชั้นกลาง (Otitis media)
ประโยชน์ของน้ำมันตับปลา
น้ำมันตับปลาประกอบด้วยกรดไขมันที่ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ช่วยลดอาการเจ็บปวด และอาการบวมได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังพบว่ามีวิตามินเอ (Vitamin A) และวิตามินดี (Vitamin D) อีกด้วย
ตรวจตับวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 65%
ตรวจตับ วันนี้ เปรียบเทียบราคา / ประหยัดกว่า / ผ่อน 0% ได้ / แอดมินพร้อมให้บริการ กดที่นี่
ภาวะที่น้ำมันตับปลามักจะมีประสิทธิภาพ
- ลดระดับไขมันในเลือดที่เรียกว่า "ไตรกลีเซอไรด์" การรับประทานน้ำมันตับปลาอาจช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ 20-50 % ในกลุ่มผู้ที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์สูง
ภาวะที่อาจใช้น้ำมันตับปลาได้
- ความดันโลหิตสูง น้ำมันตับปลาอาจมีผลช่วยต่อความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัว และความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัวได้เล็กน้อย
- โรคไตในผู้เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 การรับประทานน้ำมันตับปลาอาจช่วยลดภาวะโปรตีนรั่วทางปัสสาวะของผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนของโรคไตจากโรคเบาหวาน
ผลข้างเคียง และความปลอดภัยของน้ำมันตับปลา
สำหรับผู้ใหญ่ และเด็กส่วนมากจะสามารถรับประทานได้ค่อนข้างปลอดภัย โดยอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบ้าง เช่น ท้องอืด มีกลิ่นปาก แสบร้อนกลางอก ถ่ายเหลว และคลื่นไส้ โดยการรับประทานพร้อมอาหารมักจะช่วยลดผลข้างเคียงข้างต้นได้
การรับประทานน้ำมันตับปลาในปริมาณมากอาจเกิดอันตราย เพราะทำให้เลือดไม่แข็งตัว ซึ่งเพิ่มโอกาสการเกิดภาวะเลือดออกในอวัยวะต่างๆ ได้มากขึ้น หรือมีอาการเลือดหยุดยากหากเกิดบาดแผล
อีกทั้งการรับประทานที่มากเกินไปอาจทำให้ระดับวิตามินเอ และวิตามินดีในร่างกายมากเกินไปเช่นกัน
คำเตือนและข้อควรระวังเป็นพิเศษ
- สตรีมีครรภ์ และแม่ที่ต้องให้นมบุตร คนกลุ่มนี้สามารถรับประทานน้ำมันตับปลาได้ หากรับประทานในปริมาณที่ไม่เกินกว่าคำแนะนำ และได้รับวิตามินเอ และวิตามินดีที่เพียงพอในแต่ละวัน
น้ำมันตับปลาอาจจะไม่ปลอดภัยหากรับประทานเข้าไปในปริมาณมาก ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือต้องให้นมบุตรไม่ควรรับประทานน้ำมันตับปลาที่มีวิตามินเอมากกว่า 3,000 ไมโครกรัม และวิตามินดีมากกว่า 100 ไมโครกรัม - ผู้ป่วยโรคเบาหวาน น้ำมันตับปลาอาจเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้ แต่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง น้ำมันตับปลาสามารถลดระดับความดันเลือดได้ และอาจทำให้ความดันตกลงมากเกิน หากรับประทานร่วมกับยาควบคุมความดันโลหิตสูง ดังนั้นหากคุณต้องใช้ยาควบคุมความดันโลหิตสูง ควรรับประทานน้ำมันตับปลาด้วยความระมัดระวัง
การใช้น้ำมันตับปลาร่วมกับยาชนิดอื่น
ควรใช้น้ำมันตับปลาร่วมกับยาเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง
- ยาสำหรับความดันโลหิตสูง (Antihypertensive drugs)
น้ำมันตับปลาสามารถลดระดับความดันเลือดได้และอาจทำให้ตกลงมากเกินหากทานร่วมกับยาความดัน โดยยาควบคุมความดันมีตัวอย่างดังนี้ Captopril (Capoten), Enalapril (Vasotec), losartan (Cozaar), valsartan (Diovan), diltiazem (Cardizem), Amlodipine (Norvasc), Hydrochlorothiazide (HydroDiuril), Furosemide (Lasix) และอื่นๆ
- ยายับยั้งการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulant / Antiplatelet drugs)
น้ำมันตับปลาสามารถชะลอการเกิดลิ่มเลือดได้ ดังนั้นการรับประทานน้ำมันตับปลาร่วมกับยาชะลอการเกิดลิ่มเลือดจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยฟกช้ำหรือเลือดออกได้ โดยยาที่ชะลอการเกิดลิ่มมีตัวอย่างดังนี้ Aspirin, Clopidogrel (Plavix), Diclofenac (Voltaren, Cataflam, others), Ibuprofen (Advil, Motrin, others), Naproxen (Anaprox, Naprosyn, others), Dalteparin (Fragmin), Enoxaparin (Lovenox), Heparin, Warfarin (Coumadin) และอื่นๆ
ปริมาณการใช้น้ำมันตับปลา
การรับประทานน้ำมันตับปลาช่วงเช้าหลังมื้ออาหารจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างแหล่งพลังงานที่ดีต่อสุขภาพ
- สำหรับลดระดับไตรกลีเซอไรด์ น้ำมันตับปลา 20 มิลลิลิตรต่อวัน
- สำหรับระดับความดันโลหิต น้ำมันตับปลา 20 มิลลิลิตรต่อวัน
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android