Furosemide เป็นยาในกลุ่มยาขับปัสสาวะ ชื่อทางการค้าที่เป็นที่รู้จักคือ Lasix โดยบริษัท Sanofi Aventis กลไกการออกฤทธิ์ของยา คือ ออกฤทธิ์ยับยั้งการดูดกลับของโซเดียมและคลอไรด์ที่บริเวณลูปออฟเฮนเล (Loop of Henle) ส่วนขาขึ้น (Loop of henle เป็นท่อยาวที่เป็นทางผ่านของปัสสาวะในหน่วยไต มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการเกิดการดูดกลับและขับออกของสารในปัสสาวะเมื่อปัสสาวะเดินทางผ่านท่อนี้) เพิ่มการขับออกของโพแทสเซียมและแอมโมเนีย ลดการขับออกของกรดยูริก เพิ่มการทำงานของเรนนิน (Renin) นอร์อีพิเนปฟรีน (Norepinephrine) และ อาร์จีนิน-วาโซเพรสซิน (argenine-vasopressin) (ฮอรโมนทั้งสามชนิดนี้ในระบบ Renin-Angiotensin-Aldosterone system ของร่างกาย ทั้งสามเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความดันโลหิต ของเหลว และสมดุลอิเล็กโทรไลต์ โดยฮอร์โมนทั้งสามจะถูกกระตุ้นให้ทำงานเมื่อร่างกายมีความดันโลหิตต่ำ เมื่อกระตุ้นแล้วร่างกายจะถูกตอบสนองผ่านกลไกที่ไต ต่อมหมวกไต ต่อมใต้สมอง หลอดเลือด เพื่อให้ความดันร่างกายกลับเข้าสู่ระดับปกติ) ในกระแสเลือด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขับออกของปัสสาวะ
Furosemide จัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย ตามการจำแนกโดยคณะกรรมการอาหารและยา มีจำหน่ายเฉพาะร้านยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรชั้นหนึ่งควบคุมการขายยา ต้องมีการจัดทำบัญชียาอันตราย และสำหรับบุคคลทั่วไปเภสัชกรสามารถจำหน่ายยาและให้คำแนะนำในการใช้ยาได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพฯ รูปแบบยาที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- รูปแบบยาฉีด ความแรง 10 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร / 20 มิลลิกรัมต่อ 2 มิลลิลิตร / 250 มิลลิกรัมต่อ 25 มิลลิลิตร
- รูปแบบยาเม็ด ขนาด 40 มิลลิกรัม และแบบ High dose ขนาด 500 มิลลิกรัม
ข้อบ่งใช้ของยา Furosemide
โรคที่เป็นข้อบ่งใช้ของยานี้ ได้แก่
- ภาวะปอดบวมน้ำเฉียบพลัน (acute pulmonary edema)
- ภาวะบวมน้ำ (edema) ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจล้มเหลว
- โรคความดันโลหิตสูง
ขนาดและวิธีการใช้ยา Furosemide
Furosemide มีขนาดและวิธีการใช้ตามข้อบ่งใช้ ดังนี้
- ภาวะปอดบวมน้ำเฉียบพลัน การใช้ยาในรูปแบบยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 40 มิลลิกรัมโดยฉีดเข้าหลอดเลือดดำอย่างช้าๆ 1-2 นาที หากไม่มีการตอบสนองที่น่าพอใจใน 1 ชั่วโมง อาจให้ยาเพิ่มในขนาด 80 มิลลิกรัมโดยฉีดเข้าหลอดเลือดดำอย่างช้าๆ 1-2 นาทีได้
- ภาวะบวมน้ำ (edema) ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจล้มเหลว การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาดยาเริ่มต้น วันละ 40 มิลลิกรัม โดยแบ่งรับประทานตามความเห็นสมควรของแพทย์ อาจลดขนาดยาได้เหลือวันละ 20 มิลลิกรัม หรือรับประทาน 40 มิลลิกรัม วันเว้นวัน ตามความเห็นสมควรของแพทย์ ในผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจเห็นสมควรให้มีการใช้ยาขนาด 80 มิลลิกรัมต่อวัน หรือมากกว่านี้ได้
- ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ ขนาดยาเริ่มต้น วันละ 20 มิลลิกรัม แพทย์อาจเห็นสมควรให้ค่อยๆเพิ่มขนาดยาขึ้นไปได้ตามความเหมาะสม
- ภาวะบวมน้ำ (edema) ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจล้มเหลว การใช้ยาในรูปแบบยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำอย่างช้าๆ หรือฉีดเข้ากล้าม
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 20-50 มิลลิกรัม สามารถให้ขนาดยาเพิ่มอีก 20 มิลลิกรัมได้ในทุก 2 ชั่วโมงตามความเหมาะสมและการตอบสนองของผู้ป่วย ขนาดยาที่สูงกว่า 50 มิลลิกรัมควรให้ยาผ่านทางหลอดเลือดดำโดยการฉีดช้า ขนาดยาสูงสุดคือ 1500 มิลลิกรัมต่อวัน
- ขนาดการใช้ยาในเด็ก ขนาด 0.5 – 1.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมต่อวัน ขนาดยาสูงสุดคือ 20 มิลลิกรัมต่อวัน
- โรคความดันโลหิตสูง การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ วันละ 40-80 มิลลิกรัม สามารถใช้เป็นยาเดี่ยวหรือร่วมกับยารักษาความดันโลหิตสูงกลุ่มอื่นได้
ข้อควรระวังในการใช้ Furosemide
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีการแพ้ยา Furosemide และยาในกลุ่มซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamide)
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ปัสสาวะไม่ได้ หรือผู้ป่วยไตวาย
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรค Addison’s ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของต่อมหมวกไตที่ลดลงกว่าปกติ ส่งผลต่อการสร้างฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตที่ลดลง ทำให้ร่างกายมีการทำงานที่ผิดปกติ เป็นการขาดฮอร์โมนโดยเฉพาะฮอร์โมนในกลุ่ม glucocorticoid ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการใช้พลังงานและภูมิคุ้มกันของร่างาย และฮอรโมนกลุ่ม mineralocorticoid ซึ่งเกี่ยวข้องกับสมดุลเกลือแร่ของร่างกาย
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีภาวะของเหลวในร่างกายต่ำ หรืออยู่ในภาวะขาดน้ำ
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ควระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคตับแข็ง
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเกาท์
- ควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคตับ โรคไต
- ควรระวังการใชยาในผู้ป่วยสูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร
- ยามีความเสี่ยงทำให้ความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็ว
- ยาในรูปแบบยาฉีด สามารถเกิดพิษต่อหู (หูหนวก) ได้ หากให้ยาเร็วเกินไป
ผลข้างเคียงของการใช้ Furosemide
- ระดับโซเดียมในกระแสเลือดต่ำ ภาวะเลือดเป็นด่างจากการลดลงของคลอไรด์ในกระสแเลือด ระดับโพแทสเซียมในกระแสเลือดต่ำ ปวดศีรษะ ง่วงซึม เกร็งกล้ามเนื้อ ตะคริว ความดันโลหิตต่ำ ปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำ อ่อนเพลีย ภาวะของเหลวในร่างกายต่ำ ภาวะขาดน้ำ
- กรดยูริกในกระแสเลือดสูง ได้ยินเสียงในหู
- อาการแพ้ยาชนิด Anaphylaxis หรือ SJS ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อสารเคมี ยา หรือการติดเชื้ออย่างรุนแรง อาการแสดง ได้แก่ มีไข้ เจ็บปวดบริเวณผิวหนัง เป็นผื่นแดงทั่วตามร่างกาย มีตุ่มน้ำบริเวณผิวหนังและตามเยื่อบุ เช่น ช่องปาก จมูก ตา อวัยวะเพศ มีการลอกของผิวหนังหลังจากเกิดตุ่มน้ำ
- ยามีผลข้างเคียงต่อการเพิ่มของเอนไซม์ตับ คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ในกระแสเลือด
- ยามีผลข้างเคียงต่อความสามารถการได้ยิน ทั้งแบบสูญเสียการได้ยินชั่วคราวและถาวร
- ผลข้างเคียงที่รุนแรงถึงชีวิต ได้แก่ หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง
ข้อควรทราบอื่นๆของยา Furosemide
- ยาถูกจัดอยู่ในกลุ่ม category C ตามดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ (Pregnancy Safety Index) ควรใช้ยานี้เฉพาะเมื่อแพทย์มีความเห็นว่า ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากยามากกว่าความเสี่ยงรุนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์
- ควรรับประทานยาในขณะท้องว่าง หรือรับประทานก่อนอาหาร โดยกลืนยาทั้งเม็ด และดื่มน้ำตาม หากรับประทานยาขณะท้องว่างแล้วเกิดผลข้างเคียงที่รบกวนการใช้ยา อาจให้รับประทานยาร่วมกับอาหารได้
- หากผู้ป่วยใช้ยาแล้วเกิดผลข้างเคียงต่อการได้ยิน อาจเกิดจากขนาดยาที่ได้รับสูงเกินไป ควรปรึกษาแพทย์ถึงผลข้างเคียงดังกล่าว เพื่อป้องกันการการสูญเสียการได้ยินอย่างถาวร
- ยานี้แนะนำให้เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 15-30 องศาเซลเซียส เก็บให้พ้นจากแสงแดด