ประโยชน์ของพริกหยวก ไอเดียการกินการใช้พริกหยวกเพื่อสุขภาพ และข้อควรระวัง

เผยแพร่ครั้งแรก 27 พ.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 6 นาที
ประโยชน์ของพริกหยวก ไอเดียการกินการใช้พริกหยวกเพื่อสุขภาพ และข้อควรระวัง

พริกหยวกเป็นพริกที่มีรสชาติเผ็ดน้อย มีสีสันสวยงาม ในพริกหยวกนั้นมีสารอาหารและแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกายหลายอย่าง แถมยังสามารถนำมากินนำมาใช้ได้หลากหลายวิธีอีกด้วย ซึ่งวันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับพริกหยวกมาให้คุณได้ทำความเข้าใจกัน เอาเป็นว่าไปทำความรู้จักกับพริกหยวกกันเลย

รู้จักพริกหยวก

พริกหยวก (Bell pepper) มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาเขตร้อน เป็นไม้ล้มลุก สามารถปลูกได้ทั่วไปในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน โดยพริกหยวกจะมีลักษณะใหญ่กว่าพริกขี้หนู และพริกชี้ฟ้า มีความเผ็ดน้อยกว่าพริกทั้งสองชนิด ผลอ่อนจะมีสีเขียวอ่อน เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง ภายในมีเมล็ดอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารอย่างครบถ้วนที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

คุณค่าทางโภชนาการ

พริกหยวก 100 กรัม มีพลังงาน 27 กิโลแคลอรี่ ประกอบไปด้วยโปรตีน 1.7 กรัม น้ำตาล 1.9 กรัม วิตามินเอ 340 IU วิตามินซี 82.7 มิลลิกรัม ใยอาหาร 3.4 กรัม ไขมัน 0.5 กรัม ฟอสฟอรัส 32 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 256 มิลลิกรัม คาร์โบไฮเดรต 5.3 กรัม วิตามินบี1 0.1 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.1 มิลลิกรัม วิตามินบี 3 1.2 มิลลิกรัม วิตามินบี 5 0.3 มิลลิกรัม และสังกะสี 0.3 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของพริกหยวก

ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูงมาก จึงทำให้พริกหยวกมีประโยชน์มากมายอย่างคาดไม่ถึง โดยประโยชน์ของพริกหยวกก็มีดังนี้

1.ลดน้ำมูก ทำให้หายใจโล่งขึ้น

ในพริกหยวกมีสารแคปไซซิน มีสรรพคุณช่วยลดน้ำมูก ลดปริมาณสารที่ขัดขวางระบบหายใจ ทำให้หายใจโล่งขึ้น อีกทั้งในพริกหยวกยังมีสารเบต้าแคโรทีน ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อในเยื้อบุบริเวณปาก จมูก และลำคอได้อีกด้วย

2.ลดการอุดตันของเส้นเลือด

การทานพริกหยวกเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจล้มเหลว โดยพริกหยวกจะทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และยังมีสารเบต้าแคโรทีน ที่จะทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น พร้อมเพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังของหลอดเลือดได้เช่นกัน

3.ขจัดไขมันเลว

การทานพริกหยวกเป็นประจำ จะทำให้ระดับไขมันเลวในร่างกายลดลง และช่วยสร้างไขมันดีเพื่อนำเข้าไปแทนที่ไขมันชนิดเลวอีกด้วย ซึ่งก็ส่งผลดีต่อสุขภาพในหลายด้าน

4.บรรเทาอาการปวดฟัน

ในคนที่มีอาการปวดฟันบ่อยๆ การทานพริกหยวกก็จะช่วยลดอาการปวดฟันได้ เพราะสารแคปไซซินที่มีอยู่ในพริกหยวก จะทำให้ปลายประสาทที่รับความรู้สึกเกิดการรับรู้ช้าลง จึงไม่รู้สึกปวดนั่นเอง โดยทั้งนี้หากทานเป็นประจำก็จะช่วยป้องกันอาการปวดฟันและการอักเสบของเหงือกได้เป็นอย่างดี

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

5.ช่วยให้อารมณ์สดใส  

การทานพริกหยวกจะช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมามากขึ้น โดยสารตัวนี้จะทำให้เกิดการผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด และช่วยให้มีอารมณ์ดี แจ่มใส ร่าเริงขึ้นมาได้

6.บำรุงสุขภาพผู้ป่วยเบาหวาน

พริกหยวกดีต่อสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวาน เพราะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงสามารถบรรเทาอาการป่วยของผู้ที่เป็นเบาหวานได้ นอกจากนี้ในคนปกติเมื่อทานเป็นประจำ ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นมาทานพริกหยวกให้มากขึ้น เพื่อสุขภาพกันดีกว่า

7.กระตุ้นภูมิคุ้มกัน

การทานพริกหยวกเป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย และช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอีกด้วย โดยเฉพาะในคนที่ร่างกายอ่อนแอ ป่วยบ่อย หลังจากทานพริกหยวกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว จะรู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

8.ช่วยขับลม

พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยขับลม บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ แต่ก็ไม่ควรทานมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารได้เช่นกัน

9.ทำให้เจริญอาหาร

สำหรับคนที่ทานอาหารได้น้อย การทานพริกหยวกจะช่วยให้เจริญอาหารมากขึ้น เพราะพริกหยวกจะทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีกว่าเดิม จึงช่วยให้ทานอาหารได้มากขึ้นนั่นเอง

10.ลดความเสื่อมของเซลล์

พริกหยวกเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินซีสูง ช่วยลดการเสื่อมของเซลล์ ลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งได้ ดังนั้นในคนที่ทานพริกหยวกเป็นประจำ จึงมักจะมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย และไม่แก่เร็วอีกด้วย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

11.ลดความดันโลหิต

การทานพริกหยวกเป็นประจำ ก็จะช่วยลดระดับความดันโลหิตได้เหมือนกัน นั่นก็เพราะพริกหยวกมีสรรพคุณในการช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังหลอดเลือด จึงสามารถรองรับแรงดันที่เกิดขึ้นได้ดี และไม่ทำให้เกิดปัญหาความดันโลหิตสูง โดยผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว การทานพริกหยวกจะช่วยลดระดับความดันให้ต่ำลงและอยู่ในระดับที่คงที่ได้

12.แก้กามโรค

พริกหยวกสามารถนำมากินเพื่อรักษากามโรคได้ โดยนำมากินควบคู่ไปกับการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ จะทำให้อาการป่วยดีขึ้น และหายเป็นปกติได้ในที่สุด

13.ป้องกันโรคหัวใจ

หัวใจ เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายที่จะต้องให้ความใส่ใจเป็นหลัก โดยการทานพริกหยวก ก็จะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจได้ เพราะพริกหยวกจะช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น หัวใจมีการสูบฉีดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงไม่ทำให้เป็นโรคหัวใจได้ง่าย นอกจากนี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจด้วยเช่นกัน

14.บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน

การทานพริกหยวกจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ และช่วยลดอาการเวียนหัวที่มาพร้อมกับการคลื่นไส้ อาเจียนได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นหากมีอาการแบบนี้ ลองหาพริกหยวกมาทานกันดู รับรองว่าช่วยได้อย่างแน่นอน แถมยังช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า และบรรเทาอาการเหนื่อยล้าได้ดีอีกด้วย

ไอเดียการใช้พริกหยวกเพื่อสุขภาพ

พริกหยวกนอกจากจะมีประโยชน์อย่างมากมายแล้ว ก็สามารถนำมาใช้เพื่อสุขภาพได้หลากหลายไอเดียเหมือนกัน โดยมีไอเดียในการนำพริกหยวกมาใช้เพื่อสุขภาพดังต่อไปนี้

1.บรรเทาอาการปวด

ในพริกหยวกมีสารแคปไซซิน ที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดตามกล้ามเนื้อ ตามเอ็น ข้อต่อ และบรรเทาอาการปวดของโรคเก๊าได้อย่างดีเยี่ยม โดยจะนำพริกหยวกมาทำเป็นยาดอกเหล้าพริก จากนั้นนำมาผสมกับขี้ผึ้ง และใช้ถูนวดบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อยเป็นประจำ ก็จะช่วยลดอาการปวดได้เป็นอย่างดี

2.ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์

พริกหยวกสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์ได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าอาหารได้เป็นอย่างดี และยังมีประโยชน์ช่วยในการเจริญเติบโตของสัตว์ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นลองนำพริกหยวกมาทำเป็นส่วนประกอบในอาหารให้กับสัตว์เลี้ยงของคุณกันดู แล้วคุณจะพบว่าช่วยลดค่าอาหารได้เยอะจริงๆ

3.ใช้ในการไล่แมลงศัตรูพืช

ในคนที่ปลูกพืชผัก ทำสวน และต้องเจอกับปัญหาแมลงศัตรูพืชมากวนใจ ก็สามารถใช้พริกหยวกในการไล่แมลงศัตรูพืชได้เหมือนกัน ด้วยการนำมาสกัดผสมกับน้ำ นำน้ำที่ได้มาฉีดลงบนพืชผักหรือต้นไม้ที่ไม่ต้องการให้มีแมลงศัตรูพืชมาเกาะ เพียงเท่านี้ก็ไล่แมลงได้แล้ว

ไอเดียการกินพริกหยวกเพื่อสุขภาพ

พริกหยวกมีรสชาติเผ็ดน้อย มีสีสันสดใส ทำให้เจริญอาหาร นิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร ช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอมน่าทาน และมีคุณประโยชน์มากยิ่งขึ้น โดยขอแนะนำไอเดียการกินพริกหยวกดังต่อไปนี้

1.ไก่ผัดพริกหยวก

เมนูพริกหยวกเพื่อสุขภาพ ที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์อย่างครบครัน โดยวิธีทำ ให้ซอยอกไก่เตรียมไว้ สับกระเทียม ซอยพริกหยวก นำกระทะขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงไป ใส่กระเทียมลงไปผัดให้หอม ตามด้วยเนื้อไก่ ปรุงรสด้วยซอส ซีอิ๊วขาว รสดี น้ำตาล ผัดจนไก่สุก ยกขึ้นเสิร์ฟทานกับข้าวสวยร้อนๆ ได้เลย

2.พริกหยวกยัดไส้หมูสับ

เมนูที่ทำง่ายมาก แถมอร่อยจนต้องยกนิ้วให้ โดยวิธีทำ ให้โขลกกระเทียม พริกไทย และรากผักชีรวมกัน จากนั้นนำพริกหยวกไปกรีดตามแนวยาว เอาเนื้อข้างในออกให้หมด นำหมูสับไปผสมกับ กระเทียม รากผักชี ใส่เกลือ น้ำมันงา ซีอิ๊วขาว ผงปรุงรส น้ำตาลทราย ผสมจนทุกอย่างจนเข้ากันดีแล้ว นำหมูสับยัดไส้เข้าไปในพริกจนเต็ม ตามด้วยผสมแป้งกับน้ำ ใส่ไข่ลงไป ผสมจนทุกอย่างเข้ากันดีแล้ว นำพริกลงไปชุบแป้ง แล้วนำลงไปทอดในกระทะให้กรอบจนสุก ใช้ไฟอ่อน ตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มไก่หรือซอสพริกก็ได้

3.ข้าวผัดทูน่าพริกหยวก

อีกหนึ่งเมนูที่จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด โดยวิธีทำ ให้หั่นพริกขี้หนู เห็ดหอม พริกหยวก ผ่ามะเขือเทศเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไป นำข้าวลงไปผัด ใส่พริกหยวก เห็ดหอม มะเขือเทศ ใส่ทูน่าตามลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาล น้ำมันหอย ผงปรุงรส ตักขึ้นเสิร์ฟ

4.แจ่วพริกหยวก

สำหรับเมนูนี้ก็อร่อยและมีประโยชน์ไม่แพ้เมนูอื่นเลยทีเดียว โดยวิธีทำ ให้นำพริกหยวกมาหั่น นำกระเทียม หอมแดง ใส่ลงไปย่างในกระทะ ใส่พริกหยวกและพริกขี้หนูตามลงไป ย่างจนทุกอย่างเริ่มหอม ตักขึ้นมาใส่ครกตำให้ละเอียดตามความชอบ เมื่อได้ที่แล้วปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา น้ำปลาร้าต้มสุก ใส่ผงนัวคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักขึ้นเสิร์ฟทานกับข้าวสวยร้อน ๆ

5.พริกหยวกผัดเปรี้ยวหวาน

สำหรับเมนูนี้ก็จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะอุดมไปด้วยประโยชน์อย่างครบครัน และมีรสชาติที่อร่อยมากอีกด้วย โดยให้นำกระเทียมประมาณ 10 กลีบ มาสับแล้วนำไปผัดกับน้ำมันจนหอม ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนสุก จากนั้นให้ใส่สับปะรด หอมใหญ่ มะเขือเทศ แตงกวา ต้นหอมและพริกหยวกลงไป ผัดจนผักสุก ก็ให้ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศ เกลือป่น และน้ำตาลทรายตามชอบ เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นก็ปิดไฟ ตักใส่จานพร้อมทานได้เลย รับรองว่าอร่อยโดนใจใครหลายคนอย่างแน่นอน

ข้อควรระวัง

แม้ว่าพริกหยวกจะมีรสชาติเผ็ดไม่มากเท่ากับพริกขี้หนู แต่หากทานมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารและมีอาการปวดแสบในท้องได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นควรทานในปริมาณพอเหมาะ และไม่ควรทานในขณะที่ท้องว่างอย่างเด็ดขาด

พริกหยวกเป็นพริกที่มีรสชาติเผ็ดน้อย มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและมากไปด้วยประโยชน์ จึงเหมาะที่จะนำมากินเพื่อสุขภาพเป็นที่สุด เพราะฉะนั้นมาจัดเตรียมเมนูในหนึ่งวันของคุณ ให้มีพริกหยวกเป็นส่วนประกอบกันด้วยดีกว่า แล้วคุณจะได้รับประโยชน์จากพริกหยวกแบบจัดเต็ม พร้อมมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Red Bell Pepper: Calories, Carbs, and Health Benefits. Verywell Fit. (https://www.verywellfit.com/bell-pepper-nutrition-facts-calories-and-health-benefits-4119789)
Eating Peppers: Ingredients, Benefits, and Prep Tips. WebMD. (https://www.webmd.com/diet/peppers-health-benefits#1)
Bell Peppers 101: Nutrition Facts and Health Benefits. Healthline. (https://www.healthline.com/nutrition/foods/bell-peppers)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)