August 31, 2019 19:47
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
การวินิจฉัยปวดหัว ควรต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกายจากเเพทย์ครับ เนื่องจากปวดหัวมีได้หลายโรคมาก บางครั้งมีสาเหตุซ่อนอยู่ บางครั้งก็ไม่มีสาเหตุ
.............
1. การปวดหัวที่ไม่ได้มีพยาธิสภาพซ่อนอยู่ พวกนี้มักไม่ได้อันตราย
เเต่จะรำคาญ รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น
- ไมเกรน พวกนี้มักจะปวดหัวข้างเดียว(หรือสองข้างก็ได้)เเบบตุ้บๆเหมืนชีพจรเต้นได้ มีคลื่นไส้อาเจียน อาจมีอาการนำ เช่นเห็นเเสงวาบ ได้ยินเสียงผิดปกติ
- ปวดหัวเเบบTension จะปวดเหมือนมีอะไรมารัดหัว หนักหัว ปวดขมับได้ครับ
- หรือเส้นเลือดบริเวณขมับอักเสบ พวกนี้ปวดตุ้บๆที่ขมับได้ เเต่มักเกิดในคนอายุเยอะ มีอาการร่วมเช่นปวดกรมเวลาเคี้ยว ตาดับมองไม่เห็นบางครั้ง เห็นภาพซ้อน ไข้ต่ำๆครับ
- ปวดเส้นประสาทใบหน้า พวกนี้จะปวดเเปล๊บๆ ปวดเเสบร้อน ตามเเนวเส้นประสาท ตามหน้าผาก ตามกราม
- ปวดหัวเเบบCluster จะปวดทั่ว มักมีอาการเช่นคัดจมูก น้ำตาไหลร่วมด้วย
- อื่นๆเช่น ปวดกล้ามเนื้อเเล้วร้าวมาหัว เช่น Myofascial pain syndrome พวกนี้จะเกิดในคนนั่งทำงานออฟฟิซ อาการคือจะมีปวดคอปวดบ่าปวดท้ายทอย ร้าวมาศรีษะได้
ซึ่งกรณีนี้ ควรพบเเพทย์สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู พิจารณาฝังเข็มครับ (Dry needling)
- ปวดหัวจากการใช้สายตามาก สายตาล้า มีสายตาสั้นอยู่เดิม
............
หรือสาเหตุจากโรคอื่นๆเช่น ไซนัสอักเสบ บางทีมีไข้ เช่นพวกไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ก็มีปวดหัวทั่วๆได้
............
พวกนี้กินยาจะพอบรรเทาได้ครับ หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
ถ้าอาการเป็นเเบบกลุ่มนี้หาเวลาไปพบเเพทย์ครับ
............
2.แต่ถ้า มีอาการเช่น ปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งวันหลังๆยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อย มีไข้สูง มีเเขนขาอ่อนเเรงยกไม่ขึ้นมีปากเบี้ยวหน้าเบี้ยว
หรือปวดมากจนทนไม่ไหวเลยใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้ หรือมีประวัติศรีษะกระเเทกรุนเเรงมาก่อน
พวกนี้ต้องไปพบเเพทย์ทันทีครับ อาจมีพยาธิสภาพซ่อนอยู่ เช่น เนื้องอกในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเลือดออกในสมองเป็นต้นครับ
............
เบื้องต้นถ้าไม่ได้มีอาการอันตราย ลองซื้อยา Paracetamol มารับประทาน ถ้ายังไม่หาย ปวดไม่ทุเลา เเนะนำ หาเวลาไปพบเเพทย์ครับ
ยาอีกกลุ่มที่พอใช้ได้ เเละสามารถซื้อได้จากร้านขายยา คือยากลุ่มNSAID เช่น Ibuprofen Naproxen Etoricoxib Celecoxib แต่ต้องระวัง คือห้ามใช้ยากลุ่มนี้กับผู้ป่วยที่สงสัยภาวะไข้เลือดออกครับ อาการคือ ไข้ ปวดหัวทั่วๆ ปวดกระบอกตา ปวดตัว คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร เป็นต้นครับ
ถ้าสงสัยไข้เลือดออกเเนะนำให้พบเเพทย์ เเละกินยาParacetamol จะปลอดภัยกว่าครับ
ถ้ามีอาการเเพ้ยา เช่น ปากบวม ผื่นลอก หายใจลำบาก ให้พบเเพทย์ทันทีครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
ถ้าคนไข้มีอาการปวดศีรษะ รบกวนการนอน เช่น ตื่นขึ้นมาเพราะปวดศีรษะ, ปวดแบบไม่เคยปวดมาก่อน, มีคลื่นไส้อาเจียน ตาพร่ามัวร่วมด้วย, ชัก สับสน ชา แขนขาอ่อนแรง, มีไข้, ภูมิคุ้มกันต่ำ หรืออายุมากกว่า50ปี
แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจแยกโรคปวดศีรษะแบบรุนแรงก่อนครับ เช่น อาการปวดศีรษะที่เป็นมากตอนนอน อาจเป็นจากโรคที่ทำให้ความดันในกระโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการเวียนหัวและปวดหัว ต้องได้รับการซักประวัติอย่างละเอียด เกี่ยวกับลักษณะการปวดเพิ่มเติม อาการร่วมกับปวดหัว เช่น ตามัว อาเจียน แขนขาอ่อนแรง การเห็นแสงสิบวับ เป็นต้น รวมถึงต้องตรวจร่างกายทางระบบประสาทอย่างละเอียดด้วยครับ จึงตะสามารถวินิจฉัยและรักษาได้อยาางเหมาะสมครับ
ตัวอย่างโรคเกี่ยวกับการปวดหัว ที่สามารถเป็นได้ ได้แก่
-โรคไมเกรน (migrain) คือ โรคชนิดหนึ่งซึ่งยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่น่าเชื่อได้ว่าอาจมีจุดกำเนิดจากก้านสมองที่ทำงานผิดปกติ หรือเกิดจากภาวะที่สารเคมีในสมองไม่สมดุล ส่งผลให้หลอดเลือดมีความไวต่อการกระตุ้นมากเป็นพิเศษกล่าวคือ มีการหด และขยายตัวของหลอดเลือดอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศรีษะได้
โดยลักษณะอาการปวดศรีษะจะมีลักษณะ ปวดบริเวณขมับโดยอาจจะปวดข้างเดียว หรือทั้งสองข้างก็ได้ บางกรณีอาจมีการปวดวนกันไป และมักจะปวดข้างเดิมอยู่ซ้ำ ๆ
ส่วนอีกบริเวณหนึ่งที่พบมาก ได้แก่ บริเวณเบ้าตา ลักษณะของการปวด ก็มักจะปวดตุ้บๆ ตามจังหวะของชีพจร ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
การรักษาโดยการกินยาลดอาการปวด การกินยาป้องกันไม่ให้หลอดเลือดหดและขยายตัวซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเกิดขึ้น
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคกำเริบซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เช่นความเครียด บางคนเจออาการร้อนหรือที่ๆแสงสว่างมากๆก็กระตุ้นได้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดืมที่มีคาเฟอีนครับ
—อย่างที่สองที่นึกถึงได้ คือ การติดเชื้อโดยเฉพาะ การติดเชื้อที่ระบบทางดินหายใจส่วนบน เช่น ไซนัสอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้มีอาการปวดศรีษะ บางรายอาจมีอาการปวดบริเวณใบหน้า ปวดรอบเบ้าตา อาจมีน้ำมุกสีเขียวผิดปกติ คัดจมูก มาก หรือบางคนอาจมีการได้กลิ่นลดลงได้ครับ เป็นต้น
การรักษาคือ การให้ยาฆ่าเชื้อ และการล้างจมูกบ่อยๆ
-Tension headache เป็นการปวดศรีษะชนิดหนึ่ง ที่พบได้บ่อยที่สุด วินิจฉัยโดยอาศัยลักษณะ อาการปวดโดยมักจะปวดตื้อๆ บีบๆเริ่มจากบริเวณท้ายทอยร้าวไปขมับ สองข้าง
บางครั้งอาจจะกดเจ็บบริเวณหนังศรีษะร่วมด้วย มักมีสาเหตุเกิดจากความเครียด การทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอครับ
-cluster headache เป็นการปวดหัวอีกแบบหนึ่ง ที่คนไข้ จะมีอาการปวดหัวมากๆ จะข้างเดียว หรือสองข้างก็ได้ ลักษณะคือ จะปวดรอบตาก่อน และอาจกระจายไปปวดที่อื่นๆของใบหน้าและศรีษะ คนไข้บางคนอาจปวดมากจนน้ำตาไหล เหงื่อไหล บางคนอาจปวดจนตื่นมากลางคืนครับ ระยะเวลาของช่วงที่ปวดแตกต่างกัน อาจปวดได้นานเป็นช่วงๆ ช่วงละ 30-90 นาที ยาวนาน6-12 สัปดาห์ครับ
สาเหตุของการปวดหัวชนิดนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดครับ
การรักษาเบื้องต้น ได้แก่ การทานยาแก้ปวด งดดื่มแอลกอฮอล์ ( เพราะบางตำราเชื่อว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของอาการปวดได้) การให้ยาโดยแพทย์ มักเป็นยากลุ่ม triptans หรือ การให้ออกซิเจน จะช่วยบรรเทาอาการได้ครับ
อย่างไรก็ตาม โรคปวดศรีษะ มีมากมายหลากหลาย ต้องอาศัยการซักประวัติและการตรวจร่างกายทางระบบระสาทอย่างละเอียดครับ
ซึ่งการรักษาก็ขึ้นกับว่าวินิจฉัยเป็นโรคอะไรครับ หากไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นนั้นเข้าได้กับอาการที่กล่าวทางด้านต้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจและวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีอาการเหล่านี้ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษครับ
1.ปวดมาก ปวดตลอดเวลาไม่มีช่วงที่หายสนิทเลย
2.ปวดจนสะดุ้งตื่น ขึ้นมากลางดึก หลังจากที่หลับไปแล้ว
3.มีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่นชักเกร็งกระตุก คลื่นไส้ มีอาเจียนพุ่ง หนังตาตก แขนขาอ่อนแรงหรือชาเป็นต้น
4.มีไข้
5.มีอุบัติเหตุกระทบกระแทกศรีษะ
5.มีโรคประจำตัวบางอย่างเช่น มะเร็งชนิดต่างๆ โรคเลือด โรคติดเชื้อ HIV เป็นต้น
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
นอนแล้วปวดหัว นอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมานั่งถึงจะหายปวด บ้างครั้งก่อจะมีอาการคลื่นไส้
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)