มีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่ 25 ครับ ใช้ถุงยาง รอบเดือนของแฟน 10/01/62 12/02/62 16/03/62 18/04/62 26/5/62 26/6/62 ตอนนี้แฟนรู้สึกเหมือนเมนส์จะมาแต่ยังไม่มา มีตกขาว ปวดหลัง เจ็บหน้าอก และสิวขึ้น แบบนี้คืออาการของคนที่เมนส์มาใช่ไหมครับ หรืออาการคนท้อง ตอนนี้ผมให้ยาคุมฉุกเฉินไป เราตัดสินใจจะรอให้เมนส์มาภายใน 72 หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ก่อนที่จะให้แฟนทานยาคุมครับ แบบนี้ควรจะทานเลยหรือว่ารอให้เมนส์มาครับ อาการแบบนี้คือเมนส์มาใช่ไหมครับ

สวัสดีครับ
สำหรับการใช้ถุงยางอนามัย มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ หากใช้ไม่ถูกวิธี การใช้ถุงยางอนามัยมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 2-18% ครับ ขึ้นกับการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องหรือไม่ กล่าวคือ ไม่ควรนำอวัยวะเพศชายสอดใส่ในอวัยวะเพศหญิงก่อนสวมถุงยางครับเนื่องจากในน้ำหล่อลื่นเพศชาย อาจมีตัวอสุจิปนเปื้อนอยู่ครับ และถุงยางอนามัย ต้องไม่รั่ว ไม่ฉีกขาดครับ
ถ้าใช้อย่างถูกต้องโอกาสการตั้งครรภ์เหลือเพียงประมาณ2%ครับ
ดังนั้น ถ้าคนไข้ใช้อย่างถุกต้อง ถุงยางไม่รั่ว ไม่ขาด โอกาสการตั้งครรภฺ จึงน้อยมากๆ คนไข้สบายใจได้ครับ

**อาการสิวขึ้น คัดตึงเค้านม อาจเกิดจากอาการก่อนมีประจำเดือนหรือ ผลจากยาคุมกำเนิดได้ครับ

โดยปกติ รอบเดือนของเรา จะคลาดเคลื่อนอยู่ระหว่าง 21-35 วัน (บวกลบเจ็ดวันจากรอบก่อนๆ ) อยู่แล้วครับ ถ้ายังอยู่ในช่วงนี้ ก็ยังถือว่าปกติครับ แต่ถ้ามีความเครียด วิตกกังวล ซึ่งเกิดขึ้นได้ในคนทั่วไป ก็อาจทำให้คลาดเคลื่อนไปได้อีกครับ
ในกรณีประจำเดือนไม่มาตามปกติ หรือ ประจำเดือนขาดไป
-ถ้าคนไข้มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การใช้ถุงยางอนามัย หรือการคุมกำเนิดวิธีอื่นๆไม่ถูกต้อง หรือ ผิดพลาด เช่น ถุงยางอนามัยรั่วซึม หรือ การหลั่งนอก ก็อาจตั้งครรภ์ได้ เบื้องต้นแนะนำว่า ให้ตรวจการตั้งครรภ์ก่อนนะครับ โดยการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะด้วยตนเอง สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
(การตรวจนั้น ต้องตรวจถุกต้องตามคำแนะนำและระยะเวลาที่เหมาะสมด้วยนะครับจึงจะเชื่อถือได้ครับ)

-ถ้าคนไข้ไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เลยหรือตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์. ปัจจัยที่จะทำให้ประจำเดือนที่เคยมา แล้วไม่มา หรือผิดปกติ มีหลายอย่างครับ ตัวอย่าง เช่น
1.ความเครียด การอดอาหารนานๆ และการออกกำลังกายอยางหักโหมมากเกินไป ทำให้ประจำเดือนขาดได้ครับ พบได้บ่อยที่สุด
2.การใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาคุมกำเนิด แบบฉีด หรือยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคทางจิตเวช
3.โรคทางระบบสืบพันธ์บางชนิด เช่น ถุงน้ำรังไข่ ( PCOS) อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ หรือ การ ติดเชื้อ ทางเพศสัมพันธ์ อาจมำให้มีอาการปวดท้อง หรือ ตกขาว ที่ผิดปกติได้ ซึ่ง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย

4.ฮอร์โมน ไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งจะต้องทีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใจสั่น กินจุ น้ำหนักลด หรือ ฮอร์โมนจากรังไข่ผิดปกติ อาจทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่มา หรือมาแบบกระปริบกระปรอย เป็นต้นครับ
5. โรคทางการกินที่ผิดปกติ (anorexia) ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง หากอดอาหาร หรือทานอาหารไม่ถูกวิธีนานๆ จะทำให้ขาดประจำเดือนได้ครับ

ถ้าคนไข้มีอาการต่างๆที่ผิดปกติดังที่กล่าวไป แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
หากประจำเดือนมาล่าช้ากว่าปกติ และไม่ได้เป็นมาติดต่อกันนานเกิน 3 ครั้ง ก็ให้รอดูอาการก่อนได้ครับ หากเกิน 3 เดือนประจำเดือนไม่มา แนะนำให้ไปตรวจร่างกาย และตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
อนึ่ง การทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่ง และออกกำลังกาย จะช่วยให้สมดุลฮอร์โมนดีและทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอครับ

สวัสดีครับ
ถ้าหากในการมีเพศสัมพันธ์ได้ใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องแล้วก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ ในกรณีนี้จึงไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มอีกเนื่องจากนอกจากจะไม่ทำให้โอกาสตั้งครรภ์ลดลงแล้ว ยังจะทำให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรรอสังเกตประจำเดือนดูก่อน ถ้าประจำเดือนมีการขาดหายไปนานก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

สวัสดีครับ ถ้าก่อนหน้านี้ไม้ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีใดเลย การมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้คุมกำเนิดด้วยยาคุมฉุกเฉินคนับ สามาถกินได้ภายใน 72 ชั่วโมงครับ ประสิทธิภาพ จะประมาณ 80%ครับ และหลังกินยาคุมกำเนิดไป จะทำให้ประจำเดือนเปลี่ยนแปลงได้ครับ คือ ประจำเดือนอาจจะมา ภายหลังกินยาคุมฉุกเฉินไปประมาณ 7 วันครับ

สวัสดีค่ะ หากมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน ขณะมีเพศสัมพันธ์ถุงยางอนามัยไม่ขาด ไม่รั่ว หรือ ไม่หลุดขณะมีเพศสัมพันธ์ก็ไม่จำเป็นต้องทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ โอกาสที่จะตั้งครรภ์น้อยค่ะ แต่หากถุงยางอนามัยมีการขาดหรือรั่ว แนะนำให้ทานยาคุมฉุกเฉินทันทีหรือเร็วที่สุดค่ะ อาการเจ็บหน้าอก สิวขึ้น อาจเป็นอาการนำของการมีประจำเดือนได้ค่ะ แต่ก็ไม่แน่นอนเสมอไปค่ะ

หากใช้ถูกต้อง โอกาสการตั้งครรภ์น้อยมากๆ แนะนำให้รอประจำเดือนมาก่อนได้ครับ

ถ้าใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยอย่างถูกต้องแล้วก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินอีกครับ

สำหรับการใช้ถุงยางอย่างถูกตัองและตรวจแล้วว่าไม่รั่ว ก็สามารถคุ้มกำเนิดได้ครับ ไม่จำเป็นต้องกินยาคุมฉุกเฉินครับ

อาการข้างต้นอาจเป็นอาการนำก่อนที่ประจำเดือนจะมาได้ และไม่ใช่อาการที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำให้รอสังเกตประจำเดือนต่อไปก่อน ยังไม่ต้องกังวลครับ

โดยปกติแล้วคนที่จะมีประจำเดือน เข้าใกล้รอบเดือนจะมีอาการคัดตึงของเต้านม อารมย์ แปรปรวนได้ครับ และตกขาวใสๆได้ครับ

แนะนำว่า ยังไม่ต้องทานก็ได้ครับ หากใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องครับ

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีผลช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีนี้ครับ จึงไม่จำเป็นต้องรับประทานครับ

ถ้าประจำเดือน ไม่มาแล้วไม่ตั้งครรภ์
สาเหตุอื่นที่ทำให้ประจำเดือนไม่มามีดังนี้ครับ เช่น

1.ความผิดปกติที่ธาลามัส เช่น มีการทำงานของฮอร์โมนบางอย่างทำงานผิดปกติ หรือ เนื้องอก ซึ่งธาลามัสเป็นตัวควรคุม การทำงานของฮอร์โมนต่างๆครับ ถ้าทำงานผิดปกติจะส่งผลต่อต่อมใต้สมองได้ครับ

2.ความผิดปกติที่ต่อมใต้สมอง เช่น ผลิตฮอร์โมนที่ชื่อ prolactin มากไป จะทำให้มีน้ำนม เวลามีน้ำนม จะไม่มีประจำเดือน ครับ ซึ่งโรคนี้ต้องไปตรวจกับอายุรแพทย์เพื่อทำการ x ray คอมพิวเตอร์ สมองครับ

3.ความผิดปกติที่รังไข่ เช่น ถุงน้ำในรังไข่ จะมีประจำเดือนมาไม่ปกติ มาบ้างไม่มาบ้าง เพราะว่าในบ้างเดือนไข่ก็จะไม่ตก กลายเป็นถุงน้ำในรังไข่ ซึ่งพบได้บ่อยในเพศหญิงโรคนี้จะตรวจต้องไปตรวจกับ สูตินารีแพทย์ ครับ

4.ความผิดปกติที่ฮอร์โมนจากร่างกายตัวอื่นๆ เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ หรือไทรอยด์ต่ำ ซึ่งฮอร์โมนไทรอยด์ ต่ำไป สูงไป ก็จะทำให้ ประจำเดือนไม่มาได้ครับ เป็นต้นครับ

5.ความเครียด และ น้ำหนักตัวที่มากอาจจะทำให้ประจำเดือนผิดปกติได้ครับ

เพราะฉะนั้นแนะนำให้ไปโรงพยาบาลตรวจหาโรคเพิ่มเติมดีกว่าครับ การที่ประจำเดือนไม่มามีหลายสาเหตุมากครับ