August 17, 2019 12:03
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
กรณีประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจเกิดได้ตากสาเหตุหลายอย่างครับ
>>แต่ก่อนจะวินิจฉัยอาการเลือดออกผิดปกติใดๆ ขอให้คนไข้ ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเองก้อนนะครับ หากคนไข้มีความเสี่ยงกับการตั้งครรภ์ครับ
>>หากคนไข้มีความเสี่ยงกับการตั้งครรภ์ เนื่องจากการวินิจฉัยและรักษา จะแตกต่างออกไปค่อนข้างมากจากผู้ที่ไม่ตั้งครรภ์ครับ
ตัวอย่างเช่น
- การใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาคุมกำเนิด เช่น ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน การฝังยาคุมกำเนิดช่วงแรกๆ หรือการฉีดยาคุมกำเนิด หรือยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคทางจิตเวช เป็นต้น
- โรคทางระบบสืบพันธ์บางชนิด เช่น ถุงน้ำรังไข่ ( PCOS) อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ หรือ กระปริบกระปรอยได้
- ภาวะ ฮอร์โมน ไม่ปกติ ซึ่งมีหลายชนิด ได้แก่ ฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งจะต้องมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใจสั่น กินจุ น้ำหนักลด หรือ ฮอร์โมนจากรังไข่ผิดปกติ อาจทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่มา หรือมาแบบกระปริบกระปรอย เป็นต้นครับ
- เนื้องอก เช่น เนื้องอกในมดลูก [myoma ] เป็นต้น กรณีนี้อย่าเพิ่งกังวลใจนะครับ แนะนำให้ตรวจก่อนครับ
ถ้าคนไข้มีอาการต่างๆที่ผิดปกติดังที่กล่าวไป แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
อนึ่ง การทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่ง และออกกำลังกาย จะช่วยให้สมดุลฮอร์โมนดีและทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ อาจตะเป็นเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
สำหรับการที่มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ จะมีสาเหตุต่างๆ เช่น
1.การติดเชื้อที่ปากมดลูก อุ้งเชิงกราน
2.มีติ่งเนื่อที่มดลูก
3.มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก
4.การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
5.เนื้องอกมดลูก
6.ภาวะเนื้อเยื่อมดลูกเจริญผิดตำแหน่ง เป็นต้นครับ เบื้องต้นแนะนำว่าควรไปตรวจความผิดปกติต่างๆที่โรงพยาบาลอีกทีครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ลักษณะของประจำเดือนที่ปกติจะเป็นดังนี้ครับ
- มาห่างกันอย่างสม่ำเสมอรอบละ 21-35 วัน
- มาติดต่อกันครั้งละ 3-7 วัน
- ใช้ผ้าอนามัยวันละ 2-3 แผ่น
- ลักษณะเป็นเลือดเก่าสีคล้ำ
ถ้าหากมีเลือดออกผิดปกติมาจากช่องคลอดเร็วเกินไปก็อาจเป็นเลือดออกจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ประจำเดือนได้ครับ เช่น
- มีระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- เนื้องอกมดลูก
- มีติ่งเนื้อหรือมะเร็งที่ปากมดลูก
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาผิดปกตินั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น ก้อนเนื้อที่มดลูก ซีสต์ที่รังไข่ เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก การใช้ยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนอื่นๆ ภาวะอ้วน เป็นต้น
ฉะนั้นหากประจำเดือนยังมามากผิดปกติ มีอาการปวดประจำเดือน ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อรับการรักษาและตรวจภายในเพิ่มเติมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนค่ะ กินแต่ยาแก้แพ้กับยาลดไข้เพราะเป็นหวัดนิดหน่อย วันนี้จะเดินทางแล้วเลยไปหาหมอไม่ได้น่ะค่ะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหากเลือดไม่ได้ออกมาในปริมาณมากก็อาจไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการในทันทีครับ แต่หมอก็แนะนำให้หาเวลาในช่วง 1-2 วันหลังจากนี้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกผิดปกติก่อนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
ถ้าไม่สามารถไปตรวจได้จะไม่สามารถบอกรายละเอียด ได้ว่า เกิดจากอะไร และควรรักษาอย่างไร ครับ
การที่มีเลือดออกผิดปกติควรหาเวลาไปตรวจครับ ถ้าไม่สะดวกตรวจในไทยเพราะต้องเดินทาง ก็ลองไปตรวจกับแพทย์ที่ต่างประเทศต่อไปครับ เพื่อหาสาเหตุของการที่เลือดออกผิดปกติต่อไปครับ แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายอยู่บ้างครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
พิมพกา ชวนะเวสน์ (สูตินรีแพทย์)
ประจำเดือนปกติ จะมีลักษณะดังนี้ค่ะ
1. มาสม่ำเสมอ ทุก 24-35 วัน โดยส่วนใหญ่ จะมาทุก 28 - 30 วันค่ะ
2. มาครั้งละ 3-7 วันค่ะ
3. ใช้ผ้าอนามัย วันละ ประมาณ 2-3 แผ่นค่ะ
4. มีอาการปวดท้องน้อยได้เล็กน้อย ช่วงวันแรกๆ ไม่ปวดรุนแรง
ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ โดยสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อย คือ เกิดจากภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรังค่ะ เมื่อไข่ไม่ตก เมนส์ก็ไม่มา บางครั้งมีเศษของเยื่อบุโพรงมดลูกหลุดออกมา (แต่ไม่ใช่ประจำเดือน) ก็จะมีลักษณะเป็นเลือดออกกระปริยกระปรอย หรือเป็นเลือดสีดำๆได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นแค่สาเหตุที่พบส่วนใหญ่นะคะ การจะรู้ได้แน่นอน ต้องได้รับการตรวจภายใน ตรวจอัลตราซาวด์ หรือบางรายตรวจเลือดร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุก่อนค่ะ และรักษาตามสาเหตุ
บางสาเหตุ อย่างไข่ไม่ตกเรื้อรัง ใช้การรักษาด้วยยาฮอร์โมนได้ค่ะ แต่บางสาเหตู อาจต้องตรวจเพิ่มเติม และรักษามากกว่านั้น
เพราะฉะนั้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ณัฐชยา รอดแป้น (พญ.)
สวัสดีค่ะ
โดยปกติรอบประจำเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 24-35 วัน ปริมาณเลือดที่ออกระหว่างมีประจำเดือนจะอยู่ในช่วงประมาณ 30 ซีซี ถ้ามากกว่า 80 ซีซีต้องหาเหตุ และจำนวนวันที่เป็นประจำเดือนจะอยู่ที่ 4-6 วันถ้าน้อยกว่า 2 วันหรือมากกว่า 7 วันต้องหาเหตุ ถ้าผิดไปจากนี้ต้องตั้งข้อสังเกตว่าใช่ประจำเดือนหรือไม่ หรือเป็นเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดจากสาเหตุอื่นๆ และถ้ามีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้คุมกำเนิด ควรตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์ด้วยค่ะ ส่วนถ้าเป็นเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจำเดือน เหตุที่พบบ่อยคือ ผลข้างเคียงของการใช้ยาฉีด/ยาฝังคุมกำเนิด เน้องอกมดลูก ความเครียด ไทรอยด์ผิดปกติเป็นต้นค่ะ แนะนำพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจโดยละเอียดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
ประจำเดือนปกติ มีระยะห่าง 21-35 วันได้ครับ และแต่ละรอบ มีได้3-7วันครับ
ถ้ามานอกจากนี้ อาจจะเป็นเลือดออกผิดปกติ ช่องคลอดได้ครับ เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น ภาวะเครียด, การผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด, เริ่มมีประจำเดือนหรือใกล้หมดประจำเดือน, ติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ปากมดลูก อุ้งเชิงกราน, กินยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมน จนกระทั่ง มะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูก ,ภาวะแทรกซ้อนการตั้งครรภ์ เป็นต้นครับ
แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ และอาจตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจภายใน ป้ายน้ำ/ตกขาวทางช่องคลอดไปตรวจ ตรวจเลือด ตรวจอัลตราซาวน์ หรือขูดมดลูกไปตรวจถ้าจำเป็นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ประจำเดือนมาไวกว่าปกติสองอาทิตย์มาสองครั้งแล้วค่ะ มีาการปวดท้องนิดหน่อยตามปกติและปวดหลังค่ะ (เคยเป็นก้นกบอักเสบเลยไม่ทรายว่าเกี่ยวกันไหม) ไม่มั่นใจว่าใช่ประจำเดือนไหมแต่กำลังจะไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศประมาณ 1 ปี จะเป็นอะไรหลายแรงไหมคะ กังวลมากเลยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)