เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นของกินเล่นที่มีรสชาติหอมมันอร่อย มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก ปัจจุบันผู้คนนิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย และยังสามารถนำมาใช้เพื่อสุขภาพได้อีกด้วย
ทำความรู้จักมะม่วงหิมพานต์
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (Cashew Nut) มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศบราซิล พบครั้งแรกโดยชาวโปรตุเกส ส่วนที่นำมารับประทานคือเนื้อในของเมล็ดที่ติดอยู่บริเวณปลายผล มีลักษณะคล้ายกับนวมของนักมวย สามารถนำมารับประทานเป็นของว่างหรือนำไปใช้ประกอบอาหารก็ได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
คุณค่าทางโภชนาการ
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม มีพลังงาน 553 กิโลแคลอรี่ มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้
ไขมัน 43.85 กรัม
น้ำตาล 5.91 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 30.19 กรัม
โปรตีน 18.22 กรัม
น้ำ 5.2 กรัม
ไฟเบอร์ 3.3 กรัม
ฟอสฟอรัส 593 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 660 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 6.68 มิลลิกรัม
แคลเซียม 37 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 292 มิลลิกรัม
วิตามินซี 0.5 มิลลิกรัม
วิตามินเค 34.1 ไมโครกรัม
สังกะสี 5.78 มิลลิกรัม
โซเดียม 12 มิลลิกรัม
โฟเลต 25 ไมโครกรัม
สรรพคุณของเม็ดมะม่วงหิมพานต์
สรรพคุณของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีดังต่อไปนี้
- บำรุงหัวใจ เม็ดมะม่วงหิมพานต์จัดเป็นถั่วที่มีกรดโอเลอิกสูง กรดชนิดนี้ช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง ด้วยการลดปริมาณไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด จึงป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดได้อย่างดีเยี่ยม
- ช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น มะม่วงหิมพานต์มีแมกนีเซียมปริมาณมากที่จะช่วยบำรุงและเสริมสร้างกระดูก และยังมีทองแดงที่จะช่วยบำรุงข้อต่อกระดูกต่างๆ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
- บำรุงผิวพรรณ ในเม็ดมะม่วงหิมพานต์อุดมไปด้วยทองแดง ซึ่งทองแดงมีเอนไซม์เป็นจำนวนมาก ที่จะช่วยแปลงสภาพเป็นเมลานินที่ทำหน้าที่ในการบำรุงผิวพรรณ ทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอ และยังช่วยบำรุงเส้นผมให้หนาดกดำ ดูเงางามยิ่งขึ้นอีกด้วย
- ลดความอ้วน กรดไขมันไม่อิ่มตัวในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ช่วยลดไขมันในเลือด ควบคุมระดับน้ำตาล และทำให้รู้สึกอิ่มเร็วกว่าปกติ จึงช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
- บำรุงสายตา ในเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่าซีแซนทิน สารนี้จะถูกดูดซึมเข้าไปยังจอประสาทตา ช่วยปกป้องสายตาจากรังสียูวี และป้องกันจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ
- ลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง สารแอนโทไซยานินที่มีอยู่ในเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะช่วยป้องกันการเกิดเนื้องอกร้าย โดยสารนี้จะเข้าไปหยุดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง
แนวทางการใช้เม็ดมะม่วงหิมพานต์เพื่อสุขภาพ
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สามารถนำมาใช้เพื่อสุขภาพได้อย่างหลากหลาย เช่น
- ใช้รักษาแผลไฟไหม้ ใช้ใบแก่ของมะม่วงหิมพานต์ตำให้ละเอียด แล้วนำมาโปะลงบนแผล จะลดอาการแสบร้อนได้ดี
- รักษาแผลในกระเพาะ นำใบอ่อนของมะม่วงหิมพานต์มาล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำมารับประทานแบบสด ๆ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้
- บรรเทาอาการปวดฟัน เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีกรดอนาร์ดิก ที่สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของโรคฟันผุ แต่กรดชนิดนี้จะออกฤทธิ์เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น เมื่อไรก็ตามที่ปวดฟัน ก็ให้เคี้ยวเม็ดมะม่วงหิมพานต์ จะช่วยลดอาการปวดได้ชั่วคราว
- แก้อาการบวมน้ำ นำเม็ดมะม่วงหิมพานต์มาคั่วและโรยเกลือเล็กน้อยมารับประทานเป็นของว่าง จะช่วยลดอาการบวมน้ำที่เกิดจากโซเดียมได้เป็นอย่างดี
เมนูสุขภาพที่ทำจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์
เม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถนำมาประกอบอาหารได้ ดังนี้
- ข้าวอบสับปะรดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ นำสับปะรดมาผ่าครึ่ง คว้านเอาเนื้อสับปะรดที่อยู่ตรงกลางออกให้หมด สับกระเทียมให้ละเอียด หั่นหอมหัวใหญ่ แคร์รอตและพริกหยวกเตรียมไว้ นำกระทะขึ้นตั้งไฟให้ร้อน ผัดเนยจืด กระเทียมสับ หอมหัวใหญ่จนเริ่มสุก จากนั้นใส่กุ้งสด ปลาหมึก ผัดให้สุกอีกครั้ง เติมน้ำตาล ซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น แคร์รอต และข้าวสวย ไปผัดจนเข้ากัน แล้วใส่ผงกะหรี่ลงไป ผัดจนข้าวเริ่มแห้ง จึงใส่สับปะรด ผัดต่ออีกเล็กน้อยแล้วใส่ต้นหอมลงไปตกแต่ง ตักข้าวใส่ในสับปะรดที่คว้านเนื้อออก แล้วยกขึ้นเสิร์ฟ
- ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ นำไก่มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนำไปคลุกเคล้ากับแป้งสาลี แล้วทอดให้สุกเหลือง ตักขึ้นมาเตรียมไว้ นำกระทะใส่น้ำมันขึ้นตั้งไฟให้ร้อน ใส่กระเทียมสับลงไปผัดให้หอม ใส่เนื้อไก่ทอด หอมหัวใหญ่ เติมน้ำลงไปเล็กน้อย ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย ผงปรุงรส น้ำตาลทราย ผัดจนทุกอย่างเริ่มสุก แล้วใส่น้ำมันงา เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ตามด้วยพริกทอด ผัดจนทุกอย่างเข้ากัน แล้วใส่ต้นหอมลงไปปิดท้าย ตักขึ้นเสิร์ฟ
- นมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ นำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปแช่น้ำเอาไว้ 1 คืน ตักเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่แช่น้ำขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำ แล้วใส่ลงไปในเครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด แล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เอาเฉพาะน้ำนม จากนั้นเทน้ำนมใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด เทใส่แก้ว เติมน้ำผึ้งลงไปตามชอบ ส่วนที่เหลือให้เทใส่ขวดเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บไว้ได้ประมาณ 3 วัน
ข้อควรระวัง
- การรับประทานเม็ดมะม่วงที่เหมาะสม คือวันละ 1 กำมือ เนื่องจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีสารออกซาเลตสูง หากรับประทานมากเกินไป จะทำให้เกิดการสะสมภายในร่างกาย และอาจเกิดเป็นก้อนนิ่วได้
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี ควรงดรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์อย่างเด็ดขาด
ที่มาของข้อมูล
Meenakshi Nagdeve,15 Powerful Benefits Of Cashews (https://www.organicfacts.net/health-benefits/seed-and-nut/health-benefits-of-cashews.html), 2 March 2019
Megan Ware, Health benefits of cashews (https://www.medicalnewstoday.com/articles/309369.php), 18 June 2018
United States Department of Agriculture, Basic Report: 12087, Nuts, cashew nuts, raw (https://ndb.nal.usda.gov/ndb/foods/show/12087), 2018
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ, ถั่ว-เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ต้านโรคฟันผุ (https://www.thaihealth.or.th/Content/6703-ถั่ว-เม็ดมะม่วงหิมพานต์%20ต้านโรคฟันผุ%20.html), 3 ธันวาคม 2550