April 22, 2017 18:34
ตอบโดย
วลีรักษ์ จันทร (พว.)
ฝี คือ ก้อนสีแดงกดเจ็บที่มีใจกลางเป็นเชื้อโรคกับเซลล์ที่ตายแล้ว
ฝีเกิดขึ้นได้ทุกที่ในร่างกายค่ะ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่ชั้นใต้ผิวหนัง รอบก้น ใบหน้า ลำคอ รักแร้ และขาหนีบ ตามรูขุมขนต่างๆ
สาเหตุการเกิดฝี มาจากการติดเชื้อที่บริเวณผิวหนัง ของเชื้อแบคทีเรีย “สแตฟฟิโลคอคคัส”ซึ่งสามารถเกิดที่บริเวณใดก็ได้ แต่มักจะเกิดตามบริเวณก้นรวมถึงการรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ หรือการเสียดสีกับเสื้อผ้าปกติแล้วแผลจะแตกและหายเองในเวลา 2 – 3 สัปดาห์
การดูแลรักษา คือ ใช้สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่มีไตรโคลซาน หรือเฮ็กซาคลอโรฟินเป็นส่วนผสมก็จะสามารถช่วยขจัดเชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังออกไปได้หรืออาจจะกินยาแก้อักเสบควบคู่ไปด้วยก็ได้ิฝีไม่ว่าจะเกิดที่ใดก็ตามก็เป็นกลไกของร่างกายค่ะ ในการควบคุมให้เชื้อโรคอยู่ในขอบเขต ไม่ให้แพร่กระจายจึงมีการสร้างผนังหุ้มรอบเชื้อโรคไว้
ปัญหาของฝีคือ ยาฆ่าเชื้อมักจะเข้าไปฆ่าเชื้อข้างในฝีไม่ได้ วิธีการเดียวก็คือทำให้เชื้อโรคและเซลล์ข้างในที่ตายแล้วออกมา ซึ่งแพทย์จะมีวิธีการผ่าฝีเพื่อเอาเชื้อโรคข้างในออกมาค่ะ
ฝีสามารถเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ครับ สมอง ตับ ม้าม ปอด ใต้ผิวหนัง ไต เกิดได้หมดค่ะ
สาเหตุของฝี
ฝีส่วนใหญ่เกิดการติดเชื้อครับ เช่นติดเชื้อที่รูขุมขน หรือมีเชื้อโรคเข้าสู่ผิวหนังครับ และเมื่อเชื้อโรคเข้าไปอยู่ ก็จะทำให้เกิดการอักเสบและมีเม็ดเลือดขาวเข้ามาในการพยายามที่จะกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้
ในใจกลางของฝีจะมีของเหลวครับซึ่งเกิดจากเซลล์ที่ตายแล้ว แบคทีเรีย ซึ่งจะค่อยๆสะสมมากขึ้นและทำให้เกิดการอักเสบแก่เนื้อเยื่อรอบๆทำให้เกิดความเจ็บปวดเวลาที่กด
คนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายที่อ่อนแอมักจะเกิดฝีได้ง่ายกว่าปกติ และมีความเสี่ยงที่ฝีจะรุนแรงและมีขนาดใหญ่นั่นเป็นเพราะว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้ครับ
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายที่อ่อนแอและเกิดฝีได้ง่ายได้แก่
• ผู้ที่ใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานานๆ
• ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• ผู้ที่เป็นเบาหวาน
• ผู้ที่เป็นมะเร็ง
• ผู้ที่เป็นเอดส์
• ผู้ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลิวคีเมีย)
• ได้รับบาดแผลไฟไม้ น้ำร้อนลวก
• ได้รับบาดเจ็บที่รุนแรง
อาการของฝี
โดยทั่วไปแล้ว ฝีจะเป็นก้อน ปวด ที่มีสีออกแดงๆ เมื่อจับดูจะรู้สึกร้อน และกดเจ็บ
เมื่อฝีมีขนาดโตขึ้น จนถึงจุดๆหนึ่ง คุณจะคลำได้หัวฝีแล้วไม่นานก็จะแตกออกเอง
โดยส่วนใหญ่ถ้าไม่รักษา อาการจะแย่ลงครับ แล้วเชื้อโรคก็จะสามารถแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้เกิดเป็นติดเชื้อในกระแสเลือด
ถ้าเชื้อแพร่เข้าสุ่กระแสเลือดแล้ว คุณจะรู้สึกมีไข้ ป่วย ไม่สบายค่ะ
เมื่อไหร่ที่คุณควรไปพบแพทย์
• เมื่อฝีมีขนาดใหญ่มากกว่า 1 เซนติเมตร
• เมื่อฝีมีขนาดใหญ่มากขึ้นและปวดมากขึ้น
• เมื่อคุณมีโรคประจำตัวเช่น AIDS มะเร็ง เบาหวาน หรือใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น
• เมื่อคุณใช้ยาประเภทสเตอรอยด์
• เมื่อฝีมีตำแหน่งอยู่ใกล้ทวารหนัก หรืออยู่ที่บริเวณขาหนีบ
• เมื่อคุณมีไข้มากกว่า 37.8 องศาเซลเซียส
และให้ไปพบแพทย์ ทันทีที่…
• เมื่อมีไข้มากกว่า 39 องศาเซลเซียส หรือใช้ยาสเตอรอยด์มาเป็นระยะเวลานาน หรือได้รับยาเคมีบำบัด หรือได้รับการฟอกเลือด
• เมื่อคุณเกิดฝีและคลำได้ก้อนที่ใดก็ตามที่อยู่ระหว่างฝีกับหน้าอกครับ เช่น คุณมีฝีที่เท้าแล้วคลำได้ก้อนกดเจ็บที่ขาหนีบ หรือมีฝีที่แขนแต่คลำก้อนได้ที่รักแร้
• ฝีที่ใบหน้าที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 เซนติเมตร
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
กำจัดขนรักแร้วันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 96 บาท ลดสูงสุด 95%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
คนที่มีโอกาสเป็นฝีได้บ่อย ได้แก่ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่รับประทานยาสเตียรอยด์เป็นประจำ ผู้ที่มีปัญหาด้านโภชนาการ เช่น ขาดสารอาหาร โลหิตจาง เป็นความผิดปกติที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ จึงทำให้ติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่าปกติได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ครับขอโทษครับ
เรื่องฝี โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน บำบัดเคมี โรคเอดส์ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ยาสเตียรอยด์ อะไรทั้งหมดทั้งมวนนี้ที่ผมกล่าวมาในค้างต้นนี้ผมไม่เคยเป็นและไม่เคยใช้ยา แล้วทำมั้ยผมถึงเป็นไม่หายชะที่ครับ เดือนหนึ่งมีอยู่4สัปดาห์ ผมนี้ไม่เป็นอยู่1สัปดาห์ ครับเพราะมันหายแต่ไม่สนิด ผมเจ็บปวดและทรมานมาก ทั้งๆที่ผมก็รักษาความสะอาด ชักผ้าทุกวัน อาบน้ำวันล่ะ2ครั้ง เช้าเย็นทุกวัน ทำความสะอาดทุกอย่างแล้วก็ยังเป็นอยู่ดี ครับตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ ครับ แล้วพอได้เป็นนะครับ ไม่เป็นเม็ดเดียวอีก เป็นที่นี้ขึ้น1-3เม็ดเลยครับ เป็นอยู่บริเวณเดียวกันนั้นล่ะครับ ทำต้องทำอย่างไรถึงจะหายครับ ถ้ามันได้เป็นแล้วมันจะเริ่มเจ็บๆและเป็นแดงๆหลังจากนั้น1วันมันจะเริ่มมีเป็นตุมเล็กๆวันที่2มันจะเริ่มเจ็บและบวมแดงวันที่3มันจะเริ่มเป็นสีเหลืองวันที่5วันก็จะเริ่งแตกครับ วันที่6ก็จะยุบแล้ววันที่7ก็หายแต่เป็นเจ็บๆนิดหนึ่ง นี้ล่ะครับอาการของมันทรมานจริงๆครับ ผมต้องทำไงบางครับต้องไปถ่ายเลือดหรือต้องไปฉีดยาหรือป่าว ครับ(แต่เวลาเป็นผมไม่เคยไปพบแพทย์เลยนะครับ) เพราะผมคิดว่ามันเป็นเดียวก็หาย และผมเป็นมาทั้งที่5ขวบได้มั้งครับ และตอนนี้ผม25 ละครับ แต่ครั้งแรกที่ผมเป็นตอน5ขวบนั้นเป็นที่ขาหนิบครับเป็นใหญ่มากไปพบแพทย์นี้ถึงกับต้องผ่าและเย็บถึง5เข็มเลย ละครับ ขอบคุณครับ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แฟนเป็นเลือดจางแต่เป็นฝีมาตลอด ปีนี้เป็นหลายครั้ง..พอตรงนี้หาย
ประเดือนนึงก็มาเป็นอีก..ชว่ยบอกดว้ยคะต้องลักสายังไง
สอบถามหน่อยค่ะ พอดีฝังเข็มคุมกำเนิดมาได้สักพักแล้ว ระยะหลังๆเริ่มมีเม็ดหนองเหมือนฝีอ่ะค่ะแต่ไม่ใหญ่มาก และเป็นบ่อยด้วยค่ะ แบบนี้เรียกแพ้ยาคุมรึป่าวคะ มันเกี่ยวกันมั้ยคะ
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 386 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คือหนูตั้งท้องอยู่ แต่ฝีก็ขึ้นไม่หายเลยคะ จุดหนึ่งหายมันก็ขึ้นติดต่อกันอีกจุดเลยคะแถมยังขึ้นหลายหัวด้วย มีวิธีแก้ยังไงคะ
ผมผ่าฝีอยู่ตอนนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่รพ.6วันแล้ว
งดน้ำงดอาหารอยู่..ไข้ไม่มีความดันปกติผมมีสิทธิขอกลับบ้านได้ไหมครับ
เป็นบ่อยเหมือนความคิดเห็นด้านบนค่ะผ่ามา3ครั้งละที่ใต้แขนเป็นมี่นมบ้างใต้นมบ้างตรงอวัยวะบ้างรักษาความสะอาดสุดๆก็เป็นเจ็บปวดทรมารเครียดมากค่ะ
เป็นฝีที่ขอบกางเกงในทุกเดือนเลยค่ะ จะมีฝีขึ้นก่อนเป็นปจด พอปจดมาก็หายค่อยๆหายเจ็บและค่อยๆยุบลง เป็นมาเกือบปีแล้วค่ะ ช่วยตอบหน่อยค่ะว่าเป็นเพราะอะไร และ ต้องแก้ไขยังไง
คนไข้ประเภทไหนที่เป็นฝีบ่อยคะ ไม่ทราบว่าเป็นฝีบ่อยเพราะเกืดจากการกินยารึเปล่า
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)