เชื้อรา Candida หรือ "ยีสต์" เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่บนร่างกายของมนุษย์โดยทั่วไป ซึ่งมักมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะในร่างกาย เช่น
- เมื่อร่างกายเป็นกรดมากขึ้นจากการติดเชื้อ
- มีการใช้ถุงยาง
- มีการใช้ยาปฏิชีวนะ
- เป็นเบาหวาน ทำให้สมดุลระหว่างเชื้อ Candida ผิดปกติไป และเกิดการแบ่งตัวมากขึ้นโดยไม่มีคู่แข่ง ทำให้เกิดเป็นการติดเชื้อขึ้นได้
ทำไมผู้หญิงที่เป็นเบาหวานจึงมีแนวโน้มเกิดการติดเชื้อราที่ช่องคลอด
ถึงแม้ว่าผู้หญิงส่วนมากโดยทั่วไปมักจะมีการติดเชื้อราได้อย่างน้อย 1 ครั้งตลอดชีวิต แต่พบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
โดยปกติยีสต์ซึ่งมักอาศัยอยู่ภายในช่องคลอด จะถูกควบคุมจำนวนโดยปริมาณสารอาหารภายใต้ความเป็นกรดของช่องคลอด แต่ในผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวาน สารคัดหลั่งในช่องคลอดจะมีน้ำตาลกลูโคสมากกว่าปกติจากการที่มีน้ำตาลสูงในกระแสเลือด ทำให้ยีสต์เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำตาลมาก จนกลายเป็นการติดเชื้อ
นอกจากนั้นการมีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงยังขัดขวางการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ช่วยป้องกันการ ติดเชื้อยีสต์ การที่มีการติดเชื้อยีสต์ในผู้หญิงที่เป็นเบาหวานจึงอาจแปลความได้ว่ายังไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ หรือแสดงถึงการติดเชื้อในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
อาการของการติดเชื้อราในช่องคลอด
การติดเชื้อยีสต์มักทำให้มีอาการต่อไปนี้
- คัน และรู้สึกไม่สบายบริเวณช่องคลอด
- มีตกขาวเป็นมูกข้นเหมือนชีส
- มีกลิ่นเหม็น
- รู้สึกเจ็บระหว่างการปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
แต่ในผู้หญิงบางคนอาจไม่มีอาการแสดงของการติดเชื้อยีสต์ในช่องคลอดเลยก็ได้ และการติดเชื้อยีสต์นี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในบริเวณอื่นของร่างกาย เช่น
- บริเวณที่ชุ่มชื้นตามเท้า
- ข้อพับส่วนต่างๆ
- บริเวณที่ใช้ฟอกไต
- ในปาก
การติดเชื้อยีสต์จะทำให้มีอาการไม่สบายตัว และอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรงกว่าได้
การวินิจฉัยการติดเชื้อรา
หากมีอาการที่สงสัยว่าเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ ไม่ใช่จากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะทำการตรวจโดยใช้การส่องใต้กล้องจุลทรรศน์เพื่อดูว่ามียีสต์หรือไม่ และในบางครั้งอาจต้องใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การติดเชื้อยีสต์ส่งผลต่อโรคเบาหวานอย่างไร
การมีเชื้อยีสต์อยู่ภายในช่องคลอด หรือบริเวณอื่นๆ ของร่างกายทำให้กลไกการป้องกันการติดเชื้อของร่างกายเสียไป โดยในผู้หญิงที่เป็นเบาหวาน และมีการติดเชื้อยีสต์ จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่นๆ เช่นกัน เนื่องจากการที่มียีสต์ และระดับน้ำตาลในเลือดสูงนั้นจะยับยั้งความสามารถในการต่อสู้กับแบคทีเรีย และไวรัสชนิดอื่น
ทางเลือกในการรักษามีอะไรบ้าง
การใช้ยาฆ่าเชื้อราซึ่งสามารถซื้อได้ทั้งตามร้านขายยยา และจากแพทย์สั่ง สามารถใช้รักษาการติดเชื้อยีสต์ในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ผลดี โดยควรปรึกษาทีมแพทย์ผู้ดูแลก่อนการเริ่มใช้ยาประเภทใหม่ทุกชนิดเนื่องจากยาฆ่าเชื้อราชนิดกิน สามารถส่งผลต่อยาที่ใช้เป็นประจำได้ ผู้ป่วยบางคนอาจอยากใช้การรักษาด้วยยาในช่องคลอด
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้หญิงที่มีการติดเชื้อยีสต์ อาจต้องการการรักษาต่อเนื่องนานถึง 2 สัปดาห์ โดยใช้ยาฆ่าเชื้อราชนิดทา หรือชนิดกินอื่นๆ เช่น nystatin ซึ่งสามารถใช้รักษาการติดเชื้อยีสต์ในบริเวณอื่นนอกจากช่องคลอดได้เช่นกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดของการรักษาการติดเชื้อยีสต์ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นเบาหวาน คือการรับประทานยาที่แพทย์ให้จนหมด เนื่องจากหากหยุดยาก่อนในช่วงที่เริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจทำให้เกิดการติดเชื้อเป็นซ้ำ และอาจรุนแรงกว่าเดิมได้
คำถามที่ผู้ป่วยไม่ควรพลาด
เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อแล้ว ผู้ป่วยควรสอบถามทีมแพทย์เกี่ยวกับแนวทางการรักษาที่แนะนำ เช่น ควรใช้ครีมทาที่ช่องคลอด หรือใช้ยารูปแบบกินหรือไม่
ผู้ที่มีการติดเชื้อยีสต์มากกว่า 4 ครั้งต่อปี ควรถามทีมแพทย์เพื่อให้ทำการตรวจระดับน้ำตาลว่าคุมได้ดีหรือไม่ และสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยอาจไม่ได้เกิดจากการที่มีน้ำตาลในเลือดสูง