ความรู้สึกร้อน-เย็น เกี่ยวพันกับศูนย์ควบคุมความร้อนในร่างกายหรือกลไกต่างๆ ที่สมอง ส่วนที่เรียกว่า ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus)
สมองส่วนนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนหน้าและส่วนหลัง โดยส่วนหน้าจะควบคุมไม่ให้อุณหภูมิกายสูงเกินไป ส่วนหลังจะควบคุมไม่ให้อุณหภูมิกายต่ำเกินไป ซึ่งถ้าหากกลไกเหล่านี้ทำงานผิดปกติ หรืออยู่ในอากาศที่อุณหภูมิร้อนหรือหนาวจัดเกินไป อาจส่งผลต่อการทำงานของระบบอื่นภายในร่างกายได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาการปวดศีรษะเพราะอากาศร้อน เป็นอาการปวดที่ไม่ได้เกิดจากสาเหตุจากโรคอื่น เรียกว่าเป็นการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ (Primary Headache) ได้แก่
- อาการปวดศีรษะไมเกรน (Migraine Headache) ซึ่งมักมีอาการปวดตุบๆ และมักเป็นข้างเดียว
- อาการปวดศีรษะแบบบีบรัด (Tension typed Headache) อาจเกิดจากการบีบรัด ตึงตัวของกล้ามเนื้อโดยรอบ
ทั้งสองอย่างเป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อยในคนทั่วไป และไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องเกิดจากภาวะอากาศร้อนเป็นตัวกระตุ้นเท่านั้น อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ความเครียด พักผ่อนน้อย รับประทานอาหารบางชนิดอย่างช็อกโกแลต กล้วย วนิลา
นอกจากนี้รอบของการมีประจำเดือนก็สามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้เช่นเดียวกัน
อากาศร้อนจนปวดหัว...คิดไปเอง หรือร่างกายกำลังบอกอะไร?
ความร้อนในร่างกายเกิดขึ้นได้จากหลายทางด้วยกัน โดยปกติแล้วมาจากการทำงานของกล้ามเนื้อ การหดและการคลายตัวของกล้ามเนื้อทำให้เกิดพลังงานความร้อนได้
โดยจะสังเกตได้ว่า ในเวลาอากาศหนาวเย็น ขนจะลุก ร่างกายจะหนาวสั่นไปหมด เนื่องจากการหดตัวของกล้ามเนื้อทำให้เกิดพลังงานสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย
ความร้อนยังอาจเกิดขึ้นจากการย่อยอาหารในกระเพาะและลำไส้ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกาย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
นอกจากนี้ยังมีฮอร์โมนบางชนิด เช่น เอพิเนฟรีน (Epinephrine) นอร์เอพิเนฟรีน (Norepinephrine) และไทรอกซิน (Thyroxin) ซึ่งกระตุ้นให้มีการเผาผลาญให้เกิดพลังงาน ฮอร์โมนเหล่านี้จะหลั่งในภาวะที่ร่างกายตื่นเต้นหรือตกใจ
อีกสิ่งหนึ่งที่มักจะเกิดในหน้าร้อนคือ โรคลมแดด (Heat Stroke) หรืออาการที่เป็นลมจากอากาศร้อนจัด เกิดจากร่างกายระบายความร้อนได้ไม่ทัน จนมีอุณหภูมิสูงขึ้น ร่วมกับอาการขาดน้ำที่จะมาช่วยหล่อเลี้ยงร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ
นอกจากนี้ยังเกิดจากการสูญเสียน้ำจากร่างกายออกไปทางเหงื่อจำนวนมาก แล้วไม่ได้ดื่มน้ำเข้าสู่ร่างกายเพื่อทดแทนเหงื่อที่เสียไป
ปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเกิดภาวะช็อกจากการขาดน้ำได้ จนเกิดอาการปวดศีรษะ หน้ามืดเป็นลม อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน กระสับกระส่าย ไปจนถึงภาวะหมดสติ ซึ่งเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้
หากมีอาการปวดหัวเพราะร้อน ควรทำอย่างไร?
การรักษาอาการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ โดยทั่วไปจะใช้ยารับประทานบรรเทาอาการปวดเป็นหลัก มียาหลายชนิดที่ช่วยได้ เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ร่วมกับการผ่อนคลายกล้ามเนื้อในรูปแบบต่างๆ การพักผ่อนให้เพียงพอก็จะช่วยให้อาการปวดดีขึ้นเช่นกัน
ส่วนอาการปวดศีรษะไมเกรนที่เป็นมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญสภาพอากาศร้อน อาจต้องใช้ยาป้องกันไมเกรนร่วมด้วย ซึ่งเป็นยาที่แตกต่างจากยาที่ใช้รักษาอาการปวดทั่วไป
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อย่างไรก็ตาม หากกินยาไปแล้วยังปวดศีรษะมากก็ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม เนื่องจากอาการปวดหัวยังสามารถเกิดจากสาเหตุจากโรคอื่น (Secondary Headache) ก็ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการปวดศีรษะแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่วมกับอาการตาพร่ามัว อาเจียนพุ่ง กินไม่ได้ มีไข้สูง หรือปวดมากหลังจากเพิ่งได้รับการกระทบกระแทกบริเวณศีรษะมาไม่นาน ยิ่งควรไปพบแพทย์โดยด่วน
ปวดหัวเมื่ออากาศร้อน บ่งชี้ถึงโรคภัยไข้เจ็บอะไรหรือไม่?
อุณหภูมิปกติของร่างกายคนจะอยู่ที่ประมาณ 36.5-37.5 องศาเซลเซียส เฉลี่ยประมาณ 37 องศาเซลเซียส หรือ 98.7 องศาฟาเรนไฮด์
แต่หากเจออากาศร้อนมากๆ อุณหภูมิร่างกายอาจสูงขึ้นได้แต่ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเพลียแดด ร่วมกับอาการเฉพาะของ ไข้หวัดแดด (Summer Flu) ดังต่อไปนี้
- ตัวร้อน มีไข้รุมๆ แต่ต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส
- ปวดศีรษะ มึนศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ริมฝีปากแห้ง แข็ง แต่ไม่แตกลอก ปากแห้ง คอแห้ง แสบคอ แต่ไม่ถึงกับเจ็บคอ
- ตาแดง อาจมีอาการปวดแสบที่กระบอกตา ซึ่งกรณีนี้ต้องระวังมาก เพราะเป็นอาการแสดงว่าร่างกายสะสมความร้อนไว้มากจนเริ่มรับไม่ไหวแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์
- ครั่นเนื้อครั่นตัว เป็นตะคริว
- นอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ
- ปากจืด ปากขม เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
- ปั่นป่วนท้อง ท้องเสีย ขับถ่ายไม่ปกติ เช่น ถ่ายไม่เป็นเวลา ถ่ายยาก ปัสสาวะกะปริบกะปรอย เวลาปัสสาวะจะรู้สึกมีความร้อนสูงออกมาด้วย
การป้องกัน และการรักษาไข้หวัดแดด คล้ายๆ กับวิธีรักษาไข้หวัด ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดและความร้อนโดยตรงเป็นเวลานาน ควรพกร่มหรือสวมเสื้อคลุมกันแดด หากต้องอยู่กลางแจ้งนานๆ
- ลดอุณหภูมิร่างกาย อยู่ในที่ร่มที่อากาศถ่ายเทสะดวก ใช้ผ้าเช็ดตัวเพื่อลดความร้อนในร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการพึ่งแอร์เย็นๆ ทันทีทันใด เพราะร่างกายอาจปรับอุณหภูมิไม่ทัน จนเป็นหวัดแดดได้
- ช่วงที่อากาศร้อนควรสวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย เนื้อผ้าไม่หนาเกินไป สีอ่อน ระบายอากาศได้ดี
- ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว และรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เพื่อช่วยป้องกันหวัด
- หากมีไข้ไม่ลด ให้กินยาลดไข้ ยาแก้หวัด ยาแก้หวัดลดน้ำมูก
- รักษาสุขภาพอนามัยให้ดี ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำและก่อนรับประทานอาหาร เพื่อเป็นการกำจัดเชื้อโรคและไวรัสหวัดในเบื้องต้น
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นเวลาต่อเนื่อง เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
อาการร้อนจนปวดศีรษะ เป็นอาการที่สามารถพบได้ในคนทั่วไป และบรรเทาอาการได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวด อย่างไรก็ตาม การป้องกันที่ต้นเหตุเป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่า
โดยการหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดและความร้อนโดยตรงเป็นเวลานาน ดื่มน้ำให้สะอาด ไม่เข้าห้องแอร์เย็นๆ ทันทีหลังจากตากแดดเป็นเวลานาน และรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android