น้ำเต้าหู้ หรือที่รู้จักกันว่า “น้ำนมถั่วเหลือง” เครื่องดื่มธัญพืชรสชาติอร่อยที่ทำมาจากถั่วเหลือง เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ เพราะมีราคาถูกและหาซื้อง่าย อีกทั้งยังให้คุณค่าทางสารอาหารได้ไม่แพ้เนื้อสัตว์ด้วยเช่นกัน จึงเป็นเครื่องดื่มทางเลือกเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์นั่นเอง
โภชนาการของน้ำเต้าหู้
น้ำเต้าหู้ ทำมาจากถั่วเหลือง ซึ่งถั่วเหลืองมีโปรตีนสูง ให้คุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับตว์ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ ถ้าเราบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณที่สูงมากพอ ร่างกายก็จะได้รับโปรตีนเพียงพอกับความต้องการได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ในน้ำเต้าหู้นั้นมีทั้งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (carbohydrate) และโปรตีน (protein) ที่ไม่เป็นไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลยาวแบบเนื้อสัตว์ มีแคลเซียม (calcium) ในสัดส่วนที่ไม่มากเกินกว่าแมกนีเซียม (magnesium) ในแบบน้ำนมวัว รวมทั้งมีวิตามินแร่ธาตุ ต่างๆ มากมาย
อีกทั้งน้ำเต้าหู้นั้นจะไม่มีน้ำตาลแลกโตส (lactose) และ กรดอะมิโนเคซีน (casein) เหมือนในน้ำนมวัว จึงทำให้คนที่แพ้น้ำนมวัวสามารถดื่มได้โดยที่ไม่มีอาการท้องเสีย
ประโยชน์ของน้ำเต้าหู้
น้ำเต้าหู้ อุดมไปด้วยสารไอโซฟลาโวน เมื่อดื่มแล้วร่างกายจะแปลงสารนี้เป็น “ไฟโตรเอสโตรเจน” ที่มีผลใกล้เคียงกับฮอร์โมนเอสเตรเจนในเพศหญิง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิง อีกทั้งยังมีวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี6 วิตามินบี12 วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี ไนอาซิน และเลซิทิน โดยมีผลวิจัยที่เกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำเต้าหู้ ดังนี้
- ลดไขมันและช่วยลดน้ำหนัก ผู้หญิงก่อนวัยทองที่ดื่มนมถั่วเหลืองจะสามารถช่วยลดไขมันหรือลดความอ้วน อีกทั้งยังมีผลต่อการลดไขมันในหลอดเลือด ป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระกับกรดไขมันอิ่มตัวในผู้ป่วยที่มีไขมันในเส้นเลือดสูงได้
- บำรุงกระดูก สารฟลาโวนอยด์ที่อยู่ในน้ำนมถั่วเหลืองมีส่วนช่วยในการลดการสลายกระดูก ทำให้มวลกระดูกหนาแน่นขึ้น และยังช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินดีในกระดูกของผู้หญิงวัยทองอีกด้วย
- ทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น เพราะถั่วเหลืองมีใยอาหารสูง ซึ่งจะช่วยทำให้ทางเดินอาหารสะอาดและระบบขับถ่ายดีขึ้น
- ลดความดันโลหิต พบว่าการดื่มน้ำเต้าหู้มีส่วนช่วยในเรื่องความดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัวและคลายตัวได้ และยังพบว่าทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ร่วมกับการเป็นโรคไตนั้นสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้
- บำรุงสมอง สารเลซิทินในน้ำเต้าหู้ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ทำให้ความจำดีขึ้น
โทษของน้ำเต้าหู้
- ดื่มติดต่อนานๆ อาจเกิดอันตราย การดื่มน้ำเต้าหู้หรือรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทำมาจากถั่วเหลือง ไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกิน 6 เดือน เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายกับสุขภาพได้
- ขาดสารอาหาร เพราะน้ำเต้าหู้ยังไม่สามารถใช้ดื่มเพื่อทดแทนอาหารชนิดอื่นได้ ดังนั้น จึงไม่ควรดื่มน้ำเต้าหู้เพียงอย่างเดียว
- มีผลข้างเคียง บางรายพบว่ามีอาการแพ้ ผิวหนังและใบหน้าบวมแดง รวมทั้งอาการท้องผูกหรือคลื่นไส้ เด็กทารกไม่ควรดื่มน้ำเต้าหู้ เพราะอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรืออาจมีอันตรายหากดื่มมากเกินไป สตรีมีครรภ์หรือคุณแม่กำลังให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายที่อาจจะนำไปสู่เด็กทารก
- มีผลต่อโรคประจำตัว หากมีโรคประจำตัวแต่ต้องการดื่มน้ำเต้าหู้ก็ควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน เนื่องจากโรคบางโรคมีข้อจำกัดและอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมหรือโรคมะเร็งเยื่อบุมดลูก เป็นต้น เพราะในถั่วเหลืองมีสารไอโซฟลาโวนที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนนั่นเอง ส่วนโรคอื่นๆ ก็มีผลทำให้เกิดความเสี่ยงหรืออาการกำเริบมากขึ้น เช่น โรคไต โรคนิ่วในไต โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ หรือแม้แต่ผู้ที่แพ้นมวัวก็อาจแพ้น้ำเต้าหู้ได้อีกด้วย
- นมถั่วเหลืองไม่เหมาะกับการดื่มทุกวันของผู้ชาย เนื่องจากเป็นการเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงให้กับผู้ชายในปริมาณมากเกินความต้องการ จะส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนเพศชายทำ ให้สามารถผลิตอสุจิได้น้อยลงและมีลูกยาก
วิธีทำน้ำเต้าหู้
ส่วนผสมของน้ำเต้าหู้ คือ ถั่วเหลืองแยกเปลือกออก 1 ถ้วย น้ำสะอาด 6 ถ้วย และน้ำตาลทรายขาวครึ่งถ้วย
สำหรับวิธีการทำ คือ ให้นำถั่วเหลืองมาล้างและแช่น้ำไว้ 6 ชั่วโมง จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด กรองแยกกากออกแล้วเอาแต่น้ำ จากนั้นนำน้ำที่ได้มาตั้งไฟกลางๆ หมั่นคนบ่อยๆ เมื่อเดือดแล้วให้ใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อยให้พอมีรสชาติ
วิธีการเลือกซื้อน้ำเต้าหู้
น้ำเต้าหู้ที่ดีควรมีลักษณะของน้ำที่ไม่ใสจนเกินไป สังเกตดูว่าหากซื้อมาแล้วพอเย็นลงจะต้องไม่มีความเหนียวหรือน้ำเปลี่ยนจนข้นเป็นยาง หรือมีแผ่นคล้ายแป้งตกตะกอนนอนก้นตกอยู่ อีกทั้งต้องไม่มีกลิ่นเปลี่ยนไปจากเดิม ส่วนรสชาติต้องไม่หวานเกินไปเพราะจะทำให้ไปเพิ่มระดับน้ำตาลในหลอดเลือดได้ และมักจะมีอายุประมาณ 3 วัน เมื่อนำไปแช่ในตู้เย็น
นอกจากนั้น การดื่มน้ำเต้าหู้หรือน้ำนมถั่วเหลืองให้อร่อยควรใส่อาหารประเภทธัญพืชลงไปด้วย เพราะนอกจากความอร่อยที่เพิ่มขึ้นแล้ว ร่างกายยังได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ครบถ้วนมากกว่าแค่ดื่มน้ำเต้าหู้เพียงอย่างเดียวด้วย