วิตามินบีแต่ละชนิด จัดเป็นวิตามินที่มีสรรพคุณโดดเด่น ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยทำงานที่เร่งรีบจนละเลยการกินอาหาร ทำให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้
ทำความรู้จักวิตามินบี
วิตามินบี เป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญต่อระบบต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะต่อการพัฒนาเซลล์ต่างๆ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลายโรค เช่น โลหิตจาง กล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคทางจิตเวช
ตรวจวิตามินวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1710 บาท ลดสูงสุด 2595 บาท
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

อีกทั้งในผู้สูงอายุและสตรีมีครรภ์วิตามินบีจะมีประโยชน์อย่างมากต่อการเจริญเติบโตของทารก และต่อร่างกายของผู้สูงอายุ
วิตามินบีจัดเป็นวิตามินประเภทที่ละลายในน้ำ เพราะฉะนั้นหลังจากกินเข้าไปแล้วจะสามารถถูกขับออกผ่านไตและปัสสาวะอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ร่างกายยังไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง จึงมีความจำเป็นต้องรับวิตามินบีอย่างสม่ำเสมอ
แต่วิตามินบีก็สามารถจำแนกได้หลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีประโยชน์แตกต่างกันออกไป ฉะนั้นการรับประทานวิตามินบีให้หลากหลายครบถ้วน จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
วิตามินบี 1 (Thiamin) มีประโยชน์อย่างไร?
วิตามินบี 1 สามารถเรียกอีกอย่างได้ว่า ไธอามีน (Thiamin) มีประโยชน์เด่นชัดในเรื่องของระบบประสาท รวมทั้งประโยชน์อื่นๆ ต่อร่างกาย ดังนี้
- เปลี่ยนอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนเป็นพลังงานต่อร่างกาย
- บำรุงระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
- เสริมสร้างการเจริญเติบโต
- ลดความเครียด
หากขาดวิตามินบี 1 จะเป็นอย่างไร?
เนื่องจากวิตามินบี 1 เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและร่างกาย หากขาดวิตามินบี 1 อาจมีอาการดังต่อไปนี้
ตรวจวิตามินวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1710 บาท ลดสูงสุด 2595 บาท
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

- เหน็บชาตามร่างกาย ในบางรายอาจนำไปสู่อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ระบบประสาทเกิดความผิดพลาด อาจหลงคิดว่ามีแมลงไต่ตอมตามตัว ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง
- มีความเสี่ยงเป็นโรคงูสวัด
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 1
ร่างกายต้องการวิตามินชนิดนี้ 0.9 มิลลิกรัมต่อวัน โดยสามารถรับวิตามินบี 1 ได้จากรายการอาหาร ดังต่อไปนี้
วิตามินบี 2 (Riboflavin) มีประโยชน์อย่างไร?
วิตามินบี 2 เรียกอีกชื่อว่า ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) มีประโยชน์เด่นชัดในเรื่องการมองเห็น รวมทั้งประโยชน์อื่นๆ ต่อร่างกาย ดังนี้
- มีส่วนช่วยในการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน
- มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา
- ป้องกันเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย
- ลดอาการปวดศีรษะจากการใช้สมองอย่างหนัก
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- บำรุงเล็บ
- บำรุงเส้นผม
- บำรุงผิวพรรณ
หากขาดวิตามินบี 2 จะเป็นอย่างไร?
ปัจจุบันการขาดวิตามินบี 2 พบได้ไม่บ่อยนัก เพราะสามารถหาได้จากแหล่งอาหารที่หลากหลาย แต่หากในคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ อาจมีผลให้ขาดวิตามินบี 2 ซึ่งผลต่อระบบประสาท มึนงง สับสน หรือเกิดรอยแผลบริเวณช่องปาก
แหล่งอาหารที่พบวิตามินบี 2
ตรวจวิตามินวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1710 บาท ลดสูงสุด 2595 บาท
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ร่างกายต้องการวิตามินชนิดนี้ 0.9 มิลลิกรัมต่อวัน โดยสามารถรับวิตามินบี 2 ได้จากอาหารดังต่อไปนี้
- ธัญพืช
- นม
- ไข่
- ผักใบเขียวเข้ม
- นม
- โยเกิร์ต
- ชีส
- เนื้อปลา
- ตับวัว
- ปลาแซลมอน
- งา
- ถั่ว
วิตามินบี 3 (Niacin) มีประโยชน์อย่างไร?
วิตามินบี 3 เรียกได้อีกชื่อว่า ไนอาซิน (Niacin) มีประโยชน์เด่นชัดในเรื่องการควบคุมระดับไขมันในเลือดให้เป็นปกติ รวมทั้งประโยชน์อื่นๆ ต่อร่างกาย ดังนี้
- มีส่วนช่วยในการเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน
- มีส่วนช่วยในระบบย่อยอาหาร
- เพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- ลดความดันโลหิต
- ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
- บรรเทาอาการปวดศีรษะจากไมเกรน
- บำรุงผิวพรรณให้สุขภาพดี
หากขาดวิตามินบี 3 จะเป็นอย่างไร?
ผู้ที่ขาดวิตามินบี 3 อาจมีอาการทางผิวหนัง ท้องเสียหรือท้องเดิน เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะความจำเสื่อม
แหล่งอาหารที่พบวิตามินบี 3
ร่างกายต้องการวิตามินชนิดนี้ 12 มิลลิกรัมต่อวัน โดยสามารถรับวิตามินบี 3 ได้จากอาหาร ดังนี้
- เนื้อไก่
- เนื้อปลา
- ตับ
- เนื้อแดง
- ธัญพืช เช่น ข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์
- ถั่วลิสง
- ลูกพรุน
- ไข่
- อินทผลัม
วิตามินบี 5 (Pantothenic) มีประโยชน์อย่างไร?
วิตามินบี 5 หรือเรียกอีกชื่อได้ว่า แพนโทเทนิค (Pantothenic) มีประโยชน์เด่นชัดในเรื่องการช่วยควบคุมอารมณ์ ความเครียด ความวิตกกังวล เพราะวิตามินบี 5 จะช่วยกระตุ้นต่อมหมวกไตให้ผลิตฮอร์โมนลดความเครียดออกมา รวมทั้งยังมีประโยชน์อื่นๆ ต่อร่างกาย ดังนี้
- สร้างความผ่อนคลาย ทำให้ร่างกายลดความตึงเครียด
- ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย
- ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
- เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย
- ช่วยในกระบวนการรักษาแผล
- รักษาอาการเหน็บชา
หากขาดวิตามินบี 5 จะเป็นอย่างไร?
ผู้ที่ขาดวิตามินบี 5 อาจมีภาวะตึงเครียด หงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่คงที่ อาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง อ่อนเพลียร่วมด้วย
แหล่งอาหารที่พบวิตามินบี 5
ร่างกายต้องการวิตามินชนิดนี้ 4 มิลลิกรัมต่อวัน โดยสามารถรับวิตามินบี 5 ได้จากอาหารดังต่อไปนี้
- ธัญพืชไม่ขัดสี
- รำข้าว
- จมูกข้าวสาลี
- ถั่ว
- ผักสีเขียว
- กากน้ำตาลไม่บริสุทธิ์
- เนื้อสัตว์
- ไก่
- ตับ
- ไต
- หัวใจ
วิตามินบี 6 (Pyridoxine) มีประโยชน์อย่างไร?
วิตามินบี 6 มีอีกชื่อว่า ไพริด็อกซีน (Pyridoxine) มีประโยชน์เด่นชัดต่อร่างกายในเรื่องเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ รวมทั้งยังมีประโยชน์อื่นๆ ต่อร่างกายดังต่อไปนี้
- ช่วยเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงานในร่างกาย
- มีส่วนช่วยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ
- ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคประสาท
- ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคผิวหนัง
- ลดความแปรปรวนของอารมณ์ในช่วงเป็นประจำเดือน
หากขาดวิตามินบี 6 จะเป็นอย่างไร?
หากรับวิตามินบี 6 ไม่เพียงพอ อาจส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย ดังนี้
- โรคซึมเศร้า
- เกิดอาการสับสน
- คลื่นไส้
- โลหิตจาง
- ระบบภูมิคุ้มกันต่ำลง
- ผื่นผิวหนัง หรือโรคผิวหนัง
แหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 6
ร่างกายต้องการวิตามินชนิดนี้ 1 มิลลิกรัมต่อวัน โดยสามารถรับวิตามินบี 6 ได้จากอาหารดังต่อไปนี้
วิตามินบี 7 (Biotin) มีประโยชน์อย่างไร?
วิตามินบี 7 เรียกอีกชื่อได้ว่า ไบโอติน (Biotin) มีประโยชน์เด่นชัดในเรื่องการบำรุงผมและเล็บ รวมทั้งยังมีประโยชน์อื่นๆ ต่อร่างกายดังต่อไปนี้
- ช่วยในการเผาผลาญไขมันและโปรตีน
- บรรเทาอาการปวดเมื่อย
- ทำให้ร่างกายดูสดใส
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ
- ทำให้ผิวดูมีน้ำมีนวล
- เล็บดูสุขภาพดี
- ป้องกันผมหงอก
- ป้องกันและบำรุงเล็บ
หากขาดวิตามินบี 7 จะเป็นอย่างไร?
สำหรับคนที่มีภาวะวิตามินบี 7 อาจมีอาการผมร่วง เล็บผิดปกติ ทำให้เสียความมั่นใจและสร้างความเป็นกังวลอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าวิตามินบี 7 มีส่วนลดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย
แหล่งอาหารที่พบวิตามินบี 7
ร่างกายต้องการวิตามินชนิดนี้ 20 ไมโครกรัมต่อวัน โดยสามารถรับวิตามินบี 7 ได้จากอาหารดังต่อไปนี้
- ถั่วลิสง
- บริเวอร์ยีสต์
- ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี
- แป้งถั่วเหลือง
- นม
- เนย
- ตับ
- ไข่แดง
วิตามินบี 9 (Folate) มีประโยชน์อย่างไร?
วิตามินบี 9 เรียกได้อีกชื่อว่า โฟเลต (Folate) หรือ กรดโฟลิค (Folic acid) มีประโยชน์เด่นชัดในเรื่องระบบภูมิคุ้มกันและบำรุงเม็ดเลือดให้เป็นปกติ รวมทั้งยังมีประโยชน์อื่นๆ ต่อร่างกายดังต่อไปนี้
- มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดเลือดแดง
- ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
- มีส่วนช่วยพัฒนาทารกในครรภ์
- บำรุงผิวพรรณและสุขภาพ
- ช่วยลดการเกิดผมหงอกก่อนวัยอันควร
หากขาดวิตามินบี 9 จะเป็นอย่างไร?
หากขาดวิตามินบี 9 จะมีผลต่อระบบร่างกาย ดังนี้
- อาจเป็นโรคท้องร่วง
- อาจนำไปสู่โรคโลหิตจาง
- สตรีมีครรภ์อาจให้กำเนิดทารกที่ไม่สมบูรณ์
- หากรับวิตามินบี 9 มากเกินไป อาจนำไปสู่ระบบประสาทบกพร่องในเด็ก
แหล่งอาหารที่พบวิตามินบี 9
ร่างกายต้องการวิตามินชนิดนี้ 300 ไมโครกรัมต่อวัน โดยสามารถรับวิตามินบี 9 ได้จากอาหารดังต่อไปนี้
- เนื้อสัตว์
- ธัญพืช
- หัวผักกาด
- ผลไม้ประเภทมะนาว
- เนื้อปลา
- พืชตระกูลถั่ว
- ผักใบเขียว
- ตับและไต
วิตามินบี 12 (Cobalamin) มีประโยชน์อย่างไร?
วิตามินบี 12 เรียกอีกชื่อได้ว่า ไซยาโนโคบาลามีน (Cobalamin) มีประโยชน์เด่นชัดในเรื่องการบำรุงระบบประสาทภายในร่างกาย รวมทั้งยังมีประโยชน์อื่นๆ ต่อร่างกายดังต่อไปนี้
- มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต
- มีส่วนช่วยในการบำรุงระบบประสาท
- ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
- บรรเทาอาการหงุดหงิด
- ช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น
- ลดอาการอ่อนเพลีย
- ช่วยให้เจริญอาหารมากขึ้น
หากขาดวิตามินบี 12 จะเป็นอย่างไร?
วิตามินบี 12 เป็นสารอาหารที่ได้จากเนื้อสัตว์ และมักไม่มีในอาหารจำพวกพืช ฉะนั้นกลุ่มคนที่กินอาหารมังสวิรัติ อาจหาอาหารเสริมวิตามินบี 12 เพื่อทดแทน เพราะหากขาดวิตามินบี 12 อาจมีอาการดังต่อไปนี้
- อาจนำไปสู่โรคโลหิตจาง
- อาจมีปัญหาด้านระบบประสาท
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า
- ชาตามปลายมือปลายเท้า
- รู้สึกอ่อนเพลีย
- รู้สึกหงุดหงิด
แหล่งอาหารที่พบวิตามินบี 12
ร่างกายต้องการวิตามินชนิดนี้ 1.8 ไมโครกรัมต่อวัน แต่อาหารจากพืชไม่มีวิตามินบี 12 ฉะนั้นสามารถหาได้จากเนื้อสัตว์ ดังนี้
- ไข่
- ชีส
- นม
- หอยเชล
- ตับและไต
- เนื้อแดง
- ปลาทูน่า
- ปลาแซลมอน
ทำอย่างไรให้ได้รับวิตามินครบถ้วน?
วิตามินทุกชนิดมีประโยชน์ต่อร่างกายต่างกัน ฉะนั้นควรกินอาหารให้หลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะอาหารที่ตัวเองชอบเพียงอย่างเดียว
โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ที่นิยมกินอาหารจากร้านเดิม อาหารเมนูเดิม อาจมีความเสี่ยงที่จะขาดวิตามินได้ หรือมีข้อจำกัดในการกินอาหารบางชนิดเนื่องจากโรคหรือยาที่กินอยู่ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อกินยาหรืออาหารเสริมวิตามินเพื่อทดแทนได้
นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากมีส่วนทำให้การดูดซึมของวิตามินบีลดลง ทำให้หลายคนขาดวิตามินบีได้
อย่างไรก็ตาม หากรับประทานอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ก็สามารถรับวิตามินอย่างเพียงพอได้โดยไม่ต้องกินยา หรืออาหารเสริมแต่อย่างใด เพราะการรับวิตามินในปริมาณมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียหรือผลข้างเคียงต่อร่างกายได้เช่นกัน
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของยาเสริมวิตามินบีรวม
ในผู้ที่ขาดวิตามินบีหรือแพทย์วินิจฉัยให้กินยาเสริมวิตามินบีรวม (Vitamin b complex) ทั้งรูปแบบยาเม็ดแคปซูล ยาน้ำ และยาฉีดทางเส้นเลือดดำ อาจมีผลข้างเคียงดังต่อไปนี้
- อาจมีผื่นแพ้ขึ้นตามตัวจากการแพ้ส่วนประกอบของยาเสริมวิตามินบีรวม
- ผู้ที่กินยาโรคประจำตัวอยู่ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้ง เนื่องจากผลของยาบางตัวอาจทำให้การดูดซึมวิตามินบีลดลง
- ผู้ที่เป็นมะเร็งรังไข่และมะเร็งอัณฑะ ไม่ควรกินวิตามินบีรวมในปริมาณมากเกินไป
- อาจเกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก
- ปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม
- อุจจาระเป็นสีคล้ำเข้ม
วิตามินบีสามารถพบได้ในแหล่งอาหารหลายชนิด การรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่จะช่วยให้คุณได้รับวิตามินบี รวมไปถึงวิตามิน และแร่ธาตุสำคัญอื่นๆ อย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการรับประทานวิตามินบีรวม ควรรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์ หรือเภสัชกรเท่านั้น ไม่ควรหามารับประทานด้วยตนเอง และหากเกิดอาการผิดปกติ หรือผลข้างเคียงดังกล่าว ควรแจ้งแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุต่อไป
ดูแพ็กเกจตรวจระดับวิตามินในร่างกาย เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android