วิตามินบี 6 หรือไพริด็อกซิน (Pyridoxine) เป็นหนึ่งในกลุ่มวิตามินบีรวมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำงานร่วมกับสารอื่นๆ ในร่างกายเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ การเกิดนิ่วในไต เป็นต้น มาทำความรู้จักกับวิตามินบี 6 พบได้ในแหล่งอาหารชนิดใด ปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน และข้อแนะนำในการรับประทาน
วิตามินบี 6 คืออะไร
วิตามินบี 6 เป็นหนึ่งในกลุ่มวิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) ซึ่งร่างกายสามารถได้รับจากอาหารจำพวกนม ไข่แดง เนื้อสัตว์ หรือจมูกข้าว เป็นวิตามินประเภทละลายในน้ำได้ จะอยู่ในร่างกาย 2 - 4 ชั่วโมง ส่วนที่เหลือจากการใช้งานจะถูกขับออกทางไตมากับปัสสาวะ โอกาสที่จะสะสมในร่างกายจึงมีน้อยไม่ค่อยก่อผลข้างเคียง เราจึงควรรับประทานวิตามินบี 6 ในทุกๆ วัน ผ่านอาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
วิตามินบี 6 (ไพริดอกซีนหรือไพริดอกซามีน) จะเกี่ยวกับระบบของเส้นประสาท หากขาดวิตามินบี 6 จะเกิดภาวะซีด โลหิตจางได้
หน่วยวัดของวิตามินบี 6
วิตามินบี 6 มีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม (มก.)
ปริมาณวิตามินบี 6 ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
อายุ | ชาย | หญิง | สตรีมีครรภ์ | สตรีให้นมบุตร |
แรกเกิด-6 เดือน | 0.1 mg | 0.1mg | ||
7-12 เดือน | 0.3 mg | 0.3 mg | ||
1-3 ปี | 0.5 mg | 0.5 mg | ||
4-8 ปี | 0.6 mg | 0.6 mg | ||
9-13 ปี | 1.0 mg | 1.0 mg | ||
14-18 ปี | 1.3 mg | 1.2 mg | 1.9 mg | 2.0 mg |
19–50 ปี | 1.3 mg | 1.3 mg | 1.9 mg | 2.0 mg |
50 ปี ขึ้นไป | 1.7 mg | 1.5 mg |
ข้อควรรู้เกี่ยวกับวิตามินบี 6
- ร่างกายจะต้องการวิตามินบี 6 เพิ่มหากรับประทานอาหารประเภทที่มีโปรตีนสูง
- ร่างกายจำเป็นต้องใช้วิตามินบี 6 ในการสร้างแอนติบอดี (Antibody) และเม็ดเลือดแดง
- วิตามินบี 6 มีส่วนช่วยในการดูดซึมวิตามินบี 12 หรือโคบาลามิน (Cobalamin)
- วิตามินบี 6 จำเป็นต่อการสร้างน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร หรือที่เรียกว่า กรดไฮโดรคลอริก (Hydrochloric acid) และแร่ธาตุแมกนีเซียม (Magnesium)
11 ประโยชน์ที่ควรรู้เกี่ยวกับวิตามินบี 6
- วิตามินบี 6 ทำงานร่วมกับวิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิค (Folic acid) ในการลดระดับกรดอะมิโน (Amino acid) ที่มีชื่อว่า โฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ในกระแสเลือด ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจลดลง
- เสริมความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน
- ป้องกันการเกิดนิ่วในไต
- ช่วยให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดีขึ้น
- ช่วยในการเปลี่ยนรูปทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่สำคัญต่อร่างกายให้เป็นวิตามินบี 3 หรือไนอะซิน (Niacin)
- ช่วยป้องกันโรคทางระบบประสาทและผิวหนังหลายชนิด
- ลดอาการคลื่นไส้ (ยาบรรเทาอาการแพ้ท้องหลายขนานที่แพทย์สั่งมีวิตามินบี 6 เป็นส่วนประกอบ)
- ช่วยส่งเสริมการสร้างกรดนิวคลิอิก (Nucleic acid) ที่ชะลอกระบวนการชราได้
- ลดอัตราอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งในเวลากลางคืน ขาเป็นตะคริว มือชา และปลายประสาทที่แขนขาอักเสบบางชนิด
แหล่งอาหารที่พบวิตามินบี 6
พบมากในเนื้อสัตว์ ปลา ไก่ ตับ มันฝรั่ง กล้วย แตงโม นม ไข่แดง ข้าวกล้อง รำข้าว จมูกข้าวสาลี ถั่วต่าง ๆ เมล็ดงา
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
มีจำหน่ายในหลากหลายขนาดตั้งแต่ 50-500 มิลลิกรัม ทั้งในรูปแบบแยกเดียว วิตามินบีรวม และวิตามินรวมหลายชนิด
การขาดวิตามินบี 6
พบเจอได้น้อย อาจพบได้ในผู้มีภาวะดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี หรือได้รับสารบางชนิดมากเกินไป เช่น เอสโตเจน (estrogens) คอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroids) ยากันชัก (anticonvulsants) การรับประทานแอลกอฮอร์เป็นระยะเวลานาน อาการที่อาจพบได้ เช่น ปวด ชา ปลายมือปลายเท้า โลหิตจาง ลมชัก ซึมเศร้า ภาวะสับสน ภูมิต้านทานต่ำ
การได้รับวิตามินบี 6 มากเกินไป
หากรับประทานมากเกินไปเป็นระยะเวลานาน อาจพบปัญหาทางระบบประสาทและสมอง และอาจพบอาการ คลื่นไส้ กรดไหลย้อน ผิวไวต่อแสงแดด
ศัตรูของวิตามินบี 6
การเก็บไว้นานเกินไป การบรรจุในกระป๋อง การย่างหรือต้ม การแช่แข็งผักและน้ำผลไม้ กระบวนการแปรรูปอาหาร แอลกอฮอล์ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)
ข้อแนะนำในการรับประทานวิตามินบี 6
- ควรระวังในผู้ที่แพ้วิตามินบี 6 อาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง เบื่ออาหาร การนอนหลับผิดปกติ เป็นต้น
- หากคุณรับประทานยาคุมกำเนิดมีความเป็นไปได้สูงที่ร่างกายต้องการวิตามินบี 6 เพิ่ม
- ผู้ที่รับประทานอาหารในกลุ่มโปรตีนสูงจะต้องการวิตามินชนิดนี้มากเป็นพิเศษ