การมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานสามารถบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้มากพอกับคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ถ้าน้ำหนักต่ำเกินไป นั่นก็หมายความว่าร่างกายอาจไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต้องใช้สำหรับสร้างกระดูก ผิว และเส้นผม ในขณะที่บางคนอาจมีประวัติคนในครอบครัวที่มีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน หรือเป็นโรคที่ป้องกันไม่ให้คุณเพิ่มน้ำหนักได้สำเร็จ
เมื่อไรถึงจะเรียกว่ามีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน?
The Centers for Disease Control and Prevention แนะนำให้เราใช้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เพื่อคำนวณว่ามีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน น้ำหนักที่อยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพ หรือมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน การใช้ BMI ถือเป็นตัววัดน้ำหนักที่ดี เพราะมีการเปรียบเทียบน้ำหนักและส่วนสูง ตัวอย่างเช่น คนที่มีน้ำหนัก 170 ปอนด์ อาจมีน้ำหนักไม่เกินมาตรฐานถ้าตัวสูงมาก แต่อาจมีน้ำหนักเกินมาตรฐานถ้าตัวเตี้ย เราสามารถประเมินค่า BMI ได้ดังนี้
- น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน: BMI น้อยกว่า 18.5
- น้ำหนักปกติ: BMI อยู่ในช่วง 18.5-24.9
- น้ำหนักมากกว่ามาตรฐาน: BMI อยู่ในช่วง 25.0-29.9
- อ้วน: BMI เท่ากับ 30 หรือมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม การคำนวณเหล่านี้อาจไม่แม่นยำในคนที่เป็นนักกีฬาที่มีกล้ามเนื้อมาก เพราะว่ากล้ามเนื้อมีน้ำหนักมากกว่าไขมัน
ความเสี่ยงของการมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน
- โรคกระดูกพรุน: มีงานวิจัยเมื่อปี ค.ศ.2016 พบว่า การมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานจะทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนมากขึ้น ซึ่งกระดูกจะเปราะและมีโอกาสหักได้ง่ายขึ้น
- มีปัญหาผิว ผม หรือฟัน: ถ้าคนได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ มันก็อาจแสดงอาการผ่านทางร่างกาย เช่น ผิวบาง ผมร่วง ผิวแห้ง สุขภาพช่องปากไม่ดี ฯลฯ
- ป่วยบ่อย: หากเราไม่ได้รับพลังงานจากอาหารอย่างเพียงพอ ร่างกายก็อาจไม่มีสารอาหารมากพอที่จะไปต่อสู้กับการติดเชื้อ ส่งผลให้คุณป่วยบ่อย และใช้เวลานานขึ้นในการฟื้นตัวจากโรคที่พบได้ทั่วไปอย่างโรคหวัด
- รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา: การได้รับแคลอรีไม่เพียงพออาจทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลีย
- โรคโลหิตจาง: คนที่มีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานมีแนวโน้มที่จะมีจำนวนเม็ดเลือดต่ำ หรือที่รู้จักกันในนามของโรคโลหิตจาง ซึ่งสามารถทำให้ผู้ป่วยเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ และอ่อนเพลีย
- มีประจำเดือนมาไม่ปกติ: ผู้หญิงที่มีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานอาจมีประจำเดือนที่ไม่ปกติ พวกเขาอาจพบว่าประจำเดือนหยุดมา มาช้า หรือหายไป
- คลอดก่อนกำหนด: จากงานวิจัยที่ถูกเผยแพร่ใน An International Journal of Obstetrics & Gynaecology มีการระบุว่า ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ และมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน มีความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนดมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการคลอดก่อนมีอายุครรภ์ 37 สัปดาห์
- เติบโตช้าหรือไม่สมบูรณ์: คนที่มีอายุน้อยจำเป็นต้องได้รับสารอาหารเพื่อให้กระดูกเติบโตและมีสุขภาพดี หากร่างกายมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน และไม่ได้รับแคลอรีอย่างเพียงพอ มันก็สามารถทำให้กระดูกเติบโตได้ไม่เต็มที่
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ถูกเผยแพร่ใน The journal BMC Public Health ระบุว่า การมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับคนที่มีค่า BMI อยู่ในระดับเฉลี่ย นักวิจัยให้ความเห็นว่า การมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานอาจทำให้กระบวนการเยียวยาบาดแผลหลังอุบัติเหตุแย่ลง เมื่อเทียบกับคนที่มี BMI อยู่ในระดับเฉลี่ย
สาเหตุของน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน
- ประวัติคนในครอบครัว: บางคนมีค่า BMI ต่ำโดยธรรมชาติ เนื่องจากพันธุกรรม
- มีเมทาบอลิซึมสูง: หากร่างกายเผาผลาญได้สูง คนก็อาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อทานอาหารที่ให้พลังงานสูง
- ออกกำลังกายบ่อย: นักกีฬา หรือคนที่ทำกิจกรรมทางกายในระดับสูงอย่างนักวิ่ง อาจเผาผลาญแคลอรีได้มาก ส่งผลให้มีน้ำหนักตัวน้อย
- ป่วยทางกายหรือเป็นโรคเรื้อรัง: มีบางโรคที่สามารถทำให้ผู้ป่วยคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสียบ่อย ทำให้ยากต่อการเพิ่มน้ำหนัก นอกจากนี้การเป็นโรคต่างๆ ก็สามารถทำให้เราเบื่ออาหาร เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ โรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร
- มีปัญหาทางจิตใจ: การมีสุขภาพจิตที่ไม่ดีสามารถส่งผลต่อความสามารถในการทานอาหาร เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคย้ำคิดย้ำทำ และโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติในการทานอาหารอย่างโรคอะนอเร็กเซียและโรคบูลิเมีย
การรักษาน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน
- การทานขนมที่มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสูง สามารถช่วยให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น แครกเกอร์หน้าเนยถั่ว โปรตีนบาร์ อัลมอนด์ ถั่วหรือเมล็ดพืชผสมผลไม้แห้ง พิต้าชิพ ฯลฯ
- ทานอาหารมื้อเล็กหลายครั้งตลอดวัน
- ใส่อาหารที่มีแคลอรีสูงเพิ่มในอาหารจานหลัก เช่น โรยถั่วอัลมอนด์บนซีเรียลหรือโยเกิร์ต โรยเมล็ดทานตะวันหรือเมล็ดเจียบนสลัดหรือซุป หรือทาเนยบนขนมปังโฮลเกรน
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ให้พลังงานเยอะ แต่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายน้อย การทานอาหารที่มีแคลอรีสูงอาจทำให้เรามีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คุณควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีน้ำตาลและเกลือสูง
อย่างไรก็ตาม หากคุณลองพยายามเพิ่มน้ำหนักด้วยตัวเองแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล ป่วยทางจิต หรือเป็นโรคที่ทำให้พฤติกรรมการทานอาหารผิดปกติ คุณก็ควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมต่อไป