ในปัจจุบัน ผู้คนเริ่มนิยมนำพืชสมุนไพรมาใช้ในการดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการศึกษาค้นหาว่า มีพืชสมุนไพรชนิดใดที่น่าสนใจบ้าง ซึ่ง “กระเจี๊ยบแดง” ก็เป็นหนึ่งในพืชสมุนไพรเหล่านั้น ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์หลากหลายด้าน เหมาะสำหรับนำมาใช้ในการบำรุงร่างกาย
ทำความรู้จักกับกระเจี๊ยบแดง
- กระเจี๊ยบแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hibiscus sabdariffa L. เป็นพืชล้มลุก อายุสั้น ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศซูดาน และแถบประเทศในทวีปแอฟริกา
- ลักษณะลำต้นเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 50-180 เซนติเมตร มีสีม่วงอมแดง เป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ลักษณะใบคล้ายรูปฝ่ามือมี 3 แฉก หรือ 5 แฉก ขอบใบเป็นฟันเลื่อย ความกว้างและยาวประมาณ 8-15 เซนติเมตร
- ออกดอกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบ กลีบดอกชมพู หรือเหลือง ก้านดอกสั้น มีกลีบประมาณ 8-12 กลีบ เมื่อดอกกระเจี๊ยบแดงเจริญเติบโตเต็มที่จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร และผลจะมีปลายแหลม ยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร
- ผลของกระเจี๊ยบแดง ผลอ่อนจะเป็นสีเขียว ส่วนผลแก่จะแตกออกเป็น 5 แฉก เมล็ดสีน้ำตาล ตัวผลจะมีกลีบเลี้ยงสีแดงหนาชุ่มน้ำหุ้มเอาไว้
คุณค่าทางโภชนาการของกระเจี๊ยบแดง
ในกระเจี๊ยบแดง 100 กรัม เต็มไปด้วยสารอาหารหลายชนิด ซึ่งประกอบไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- พลังงาน 49.00 กิโลแคลอรี่
- ไขมัน 0.6 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 11.3 กรัม
- โปรตีน 1 กรัม
- เส้นใย 1.30 กรัม
- แคลเซียม 215มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 37 มิลลิกรัม
- เหล็ก 1.50 มิลลิกรัม
- ไนอะซิน (Niacin) 0.3 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 12 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 287 IU
สารสำคัญชนิดต่างๆ ที่ให้สรรพคุณ
กระเจี๊ยบแดงถือเป็นอีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นส่วนดอก ส่วนต้น หรือส่วนใบ ล้วนแต่สามารถนำมาเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับทุกคนได้
กลีบเลี้ยงและกลีบรองดอกมีสารสีแดงจําพวกแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) จึงทําให้มีสีม่วงแดง นอกจากนี้ ยังมีกรดอินทรีย์ เช่น กรดแอสคอบิก (ascorbic acid) กรดซิตริก (citric acid) กรดมาลิก (malic acid) และกรดทาร์ทาริก (tartaric acid) ที่ทำให้กระเจี๊ยบแดงมีรสเปรี้ยว
กระเจี๊ยบแดงมีสารต่างๆ ดังที่กล่าวมา จึงทำให้กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่หลากหลาย เช่น ฤทธิ์ขับปัสสาวะ ฤทธิ์ลดความดันโลหิตในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นต้น
ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบแดงถือเป็นอีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นส่วนดอก ส่วนต้น หรือส่วนใบ ล้วนแต่สามารถนำมาเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับทุกคนได้
ตำรายาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา แก้เสมหะ ขับน้ำดี ลดไข้ แก้ไอ ขับนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แก้อ่อนเพลีย บำรุงธาตุ แก้กระหายน้ำ รักษาไตพิการ ขับเมือกมันให้ลงสู่คูทวารหนัก ละลายไขมันในเลือด
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตำรายาโบราณ: ใช้ทั้งต้นใส่หม้อต้มน้ำ 3 ส่วน เคี่ยวไฟให้งวดเหลือ 1 ส่วน ผสมกับน้ำผึ้งกึ่งหนึ่ง รับประทานวันละ 3 เวลา หรือจะรับประทานน้ำยาเปล่าๆ ก็ได้ จนหมดน้ำยานั้น เป็นยาฆ่าพยาธิตัวจี๊ด
ตามคำแนะนำกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมูลฐาน) ใช้กลีบเลี้ยงของกระเจี๊ยบแห้ง 3 กรัม บดเป็นผง ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วยแก้ว หรือประมาณ 300 มิลลิลิตร ดื่มวันละ 3 ครั้ง นาน 7 วัน หรือจนกว่าจะหาย
ยาตามบัญชียาหลักแห่งชาติ บัญชียาสมุนไพร: ยาชงกระเจี๊ยบแดง ใช้รักษากลุ่มทางเดินปัสสาวะ
ข้อบ่งใช้ ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา
วิธีใช้ รับประทาน ครั้งละ 2 – 3 กรัม ชงน้ำร้อน 120 – 200 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
ข้อควรระวัง ระบบทางเดินอาหาร(ท้องเสีย,ท้องผูก), กระเจี๊ยบแดงอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาระบาย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่อง
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ควรหลีกเลี่ยงการกินกระเจี๊ยบแดงติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากผลการศึกษา ในสัตว์ทดลองพบว่า ทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ของอัณฑะและตัวอสุจิได
- ควรหลีกเลี่ยงการกินกระเจี๊ยบแดงติดต่อกันเป็นเวลานานในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร เนื่องจากผลการศึกษาในหนู (rat) พบว่าอาจทำให้ลูกหนูเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ช้าลง
- ส่วนที่ใช้ของกระเจี๊ยบแดง ได้จากส่วนกลีบเลี้ยง
อาการไม่พึงประสงค์ อาจมีอาการปวดมวนท้องได้
ไอเดียการกินกระเจี๊ยบแดงเพื่อสุขภาพ
สำหรับไอเดียการนำกระเจี๊ยบแดงมากินเพื่อสุขภาพ มีวิธีดังต่อไปนี้
1. ทำน้ำกระเจี๊ยบแดง
วิธีการใช้กระเจี๊ยบแดงที่ง่ายและยอดนิยมมากที่สุดคือ การทำน้ำกระเจี๊ยบแดง ให้เตรียมดอกกระเจี๊ยบแดงประมาณ 1 กำมือ และพุทราจีน 1 กำมือ นำมาล้างน้ำให้สะอาด และบีบเนื้อพุทราจีนให้แตก ใส่ลงไปในภาชนะ จากนั้นเติมน้ำเปล่า 2 ลิตร นำไปต้มให้เดือดสักพักแล้วยกลง กรองเอาเนื้อออกให้เหลือแต่น้ำ และให้ปุรงรสอย่างง่ายๆ ด้วยการเติมน้ำผึ้งเล็กน้อย เมื่อได้รสตามชอบใจแล้วก็สามารถนำมาดื่ม หรือเก็บใส่ขวดแช่ไว้ในตู้เย็นก็ได้
2. ทำแยมกระเจี๊ยบแดง
ใครที่ชอบกินขนมปังทาแยม กระเจี๊ยบแดงก็สามารถนำมาใช้ทำแยมได้เช่นกัน แถมยังมีประโยชน์มากกว่าแยมทั่วไปอีกด้วย วิธีการทำเพียงแค่นำดอกกระเจี๊ยบแดงมาแกะเอาเมล็ดออก แล้วต้มกับน้ำจนนุ่ม กรองเอาเฉพาะกากมาปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำตาลทราย ใส่หม้อตั้งไฟ ใส่ผงวุ้น และเคี่ยวจนเหนียวเป็นวุ้น มาใช้เป็นแยมทาขนมปังได้เลย หรือเก็บใส่ขวดแช่ไว้ในตู้เย็นก็ได้
3. ทำแกงส้มกระเจี๊ยบแดง
ลองมากินแกงส้มดอกกระเจี๊ยบแดงกันดูไหม รับรองว่า รสชาติของแกงส้มดอกกระเจี๊ยบแดงนั้นมีความอร่อยไม่แพ้กับเมนูอื่นๆ เลยทีเดียว แถมยังมากไปด้วยประโยชน์อีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะนิยมนำมาแกงกับกุ้ง ดังนั้นใครที่ไม่รู้จะนำกระเจี๊ยบแดงไปทำเมนูอะไรดีก็ลองมาทำแกงส้มกินกันดูสิ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
ข้อควรระวังการรับประทานกระเจี๊ยบแดง
สำหรับข้อควรระวังในการนำกระเจี๊ยบแดงมาใช้ดื่มคือ ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่อง ไม่ควรดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน และควรดื่มให้พอดี เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ เนื่องจากกระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ยาขับปัสสาวะ หากทำได้เช่นนี้ การดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงก็จะช่วยเพิ่มคุณประโยชน์ที่ดีให้กับร่างกายได้อย่างแน่นอน
จะเห็นได้ว่ากระเจี๊ยบแดง เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างมาก และสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคได้หลายส่วน จึงเป็นพืชสมุนไพรที่ควรปลูกไว้ในบ้านอย่างแท้จริง