สวัสดีค่ะ พอดีว่ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันใน(ถุงยางหลุด)วันที่ 29ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่10 นับจากวันที่มีประจำเดือน เลยทานยาคุมคุมฉุกเฉินยี่ห้อ madonna ในวันเดียวกันภายใน 1-2ชมหลังจากนั้น พอถึงวันที่4ส.ค. ก็มีเลือดสีน้ำตาลออกจากช่องคลอดเล็กน้อย แล้วออกมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่11 ส.ค.(วันนี้) ก็ยังมีเลือดออกอยู่ เป็นสีน้ำตาล ปริมาณเท่าในภาพ ต่อวัน อยากทราบว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินมั้ยคะ เพราะกังวลว่าจะเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก

เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม มะเร็งปากมดลูก ก็ทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้

ดังนั้น ควรตรวจภายในสม่ำเสมอ ทุก 1 ปีค่ะ

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ยิ่งกินเร็วเท่าไหร่ หลังมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งดีค่ะ โดยตามหลักการ ให้กินยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันยืดหยุ่นให้ถึง 120 ชั่วโมงแล้วค่ะ

อย่างไรก็ตาม ยาคุมฉุกเฉิน ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ดีไม่เท่า การคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ เช่น การกินยาคุมปกติค่ะ (ยาคุมปกติ ถ้ากินถูกวิธี ประสิทธิภาพคุมกำเนิด มากกว่า 90 % แต่คุมฉุกเฉิน อาจจะแค่ประมาณ 80% - 85%

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ แนะนำใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นค่ะ ใช้ยาคุมฉุกเฉิน เมื่อจำเป็นเท่านั้น

ยาคุมฉุกเฉิน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงขนาดสูงค่ะ สูงกว่าระดับธรรมชาติในร่างกาย หลังได้รับไปแล้วจะทำให้รอบเดือนแปรปรวนได้ค่ะ อาจจะบอกยากว่า เมนส์จะมาเมื่อไหร่

และด้วยความที่ฮอร์โมนสูง ก็ทำให้มีอาการข้างเคียงอื่นๆได้ เช่น คัดตึงเต้านม คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ

อย่างไรก็ตาม ถ้าถึงรอบเมนส์มาปกติ แล้วเมนส์ยังไม่มา ให้ลองตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์ดูค่ะ

สวัสดีค่ะ
ยาคุมฉุกเฉินอาจทำให้มีเลือดออกกระปริดกระปรอย หรือประจำเดือนเลื่อนได้ค่ะ ส่วนในกรณีที่กังวลเรื่องมะเร็งปากมดลูกแนะนำว่าควรตรวจคัดกรอง pap smear ในหญิงไทยทุกคนค่ะ อายุเริ่มตรวจที่แนะนำคือ 21 ปีค่ะ

ถ้าแนวโน้มยังมีเลือดออกกระปิดกระปรอยทางช่องคลอดทุกวัน ควรพบสูตินรีแพทย์ค่ะ

สวัสดีครับ
อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดนั้นอาจเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการรับยาคุมฉุกเฉินได้ครับ อย่างไรก็ตามเลือดที่ออกจากผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินนี้ก็ควรที่ตะออกมาในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและมักออกมาติดต่อกันไม่เกิน 7 วันครับ

ถ้าหากใน 1-2 วันหลังจากนี้ยังคงมีเลือดออกผิดปกติไหลออกมาอยู่หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจภายในประเมินอาการเพิ่มเติมก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มีความผิดปกติอื่นที่เป็นสาเหตุซ่อนอยู่ครับ

เป็นผลข้างเคียงที่พบได้จากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ เช่น อาจมีเลือดออกกระปริดกระปรอยได้ภายหลังทานยา2-7วัน หากยังมีเลือดออกมาก ปวดหน่วงท้องน้อย คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายใน และหาสาเหตุ เช่นการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกที่มดลูก เป็นต้น

คนไข้สามารถตรวจการตั้งครรภ์ภายหลังมีความเสี่ยงได้ประมาณ14วันครับ เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ80% ฉะนั้นยังมีโอกาสตั้งครรภ์ครับ

เนื่องจากเลือดที่ออกมานั้นเพิ่งออกมาได้เพียงไม่กี่วัน โอกาสที่จะเกิดจากมะเร็งปากมดลูกจึงยังมีน้อยครับ แต่เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าไม่ได้มีสาเหตุที่เป็นอันตรายซ่อนอยู่ ถ้า 1-2 วันหลังจากนี้เลือดยังไม่หยุดไหลก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการก่อนครับ

โอกาสที่เกิดมะเร็งปากมดลูกน้อยครับ เนื่องจากระยะเวลายังน้อยเกิดไปครับ แต่มีโอกาสติดเชื้อHPV จากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน ที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ และมีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูกได้แต่ต้องใช้เวลานาน10-15ปีครับ

ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน คือทำให้เลือดออกกระปริดกระปรอยได้ครับ มักเกิดประมาณช่วง1สัปดาห์ หลังทานครับ

ในบางกรณีอาจทำให้ประจำเดือนมาเร็วขึ้นได้ ถ้าตรงกับรอบประจำเดือน น่าจะเป็นประจำเดือนครับ

มะเร็งปากมดลูกมีได้หลายอาการค่ะ เช่น เลือดออกกระปิดกระปรอย ประจำเดือนมามากกว่าปกติ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีของเหลวกลิ่นเหม็นผิดปกติทางช่องคลอด แนะนำอย่าเพิ่งกังวลใจไปค่ะ เพราะอาจเป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินได้ แต่ต้องไม่ละเลยที่จะตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนะคะ การตรวจคัดกรอง pap smear จะช่วยได้มากค่ะ ในกรณีสงสัยมะเร็งปากมดลูกค่ะ

สวัสดีครับ

เบื้องต้น ไม่มีการคุมกำเนิดใดที่ให้ผลร้อยเปอร์เซนต์ครับ การรับประทานยาคุมฉุกเฉิน จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มาก แต่โอกาสการตั้งครรภ์ยังมีสูงกว่าการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง โดยวิธีอื่นๆครับ

กรณีดังกล่าว หากเป็นรอบเดือนปกติ และคนไข้มีประจำเดือนมาปกติ อาจเป็นประจำเดือนได้ หากมีปนะจำเดือน ก็ถือว่าไม่ตั้งครรภ์ครับ
แต่หากไม่ใช่รอบปกติ อาจเป็นเบือดออกจากยาตุมกำเนิดฉุกเฉินได้ครับ

หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติครับ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือ 14 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ

เลือดที่ออกกระปริดกระปรอยจากยาคุมฉุกเฉิน จะมีแค่วันเดียวหรือพบหลายวันได้ แต่จะไม่มีปริมาณมากหรือออกมาติดต่อกันเหมือนประจำเดือนที่เคยเป็นครับ

ถ้ามีเลือดออกกระปริดกระปรอยมากๆ หลายๆวัน หรือเสียเลือดมากจนมีอาการ ซีด อ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนหัว แนะนำพบแพทย์/สูตินารีแพทย์ จะดีที่สุดครับ

เลือดที่ออกมาอาจเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินที่รับประทานได้ครับ แต่โอกาสที่เลือดดังกล่าวจะเป็นประจำเดือนตามปกตินั้นเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยเนื่องจากยังไม่ถึงรอบที่ประจำเดือนควรจะมา

อย่างไรก็ตามถ้าหากเลือดดังกล่าวยังออกมาติดต่อกันในช่วงอีก 1-2 วันหลังจากนี้หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการให้แน่ใจก่อนว่าไม่ได้มีความผิดปกติอื่นซ่อนอยู่ครับ

เนื่องจากเลือดที่ออกมานั้นเพิ่งออกมาได้เพียงไม่กี่วัน โอกาสที่จะเกิดจากมะเร็งปากมดลูกจึงยังมีน้อยครับ แต่เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าไม่ได้มีสาเหตุที่เป็นอันตรายซ่อนอยู่ ถ้า 1-2 วันหลังจากนี้เลือดยังไม่หยุดไหลก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการก่อนครับ

ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่สัมพันธ์กับมะเร็งปากมดลูดค่ะ ตัวอย่างเช่น มีบุตรหลายคน ภูมิคุ้มกันต่ำ และไม่เคยตรวจภายในเพื่อหารอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็ง เป็นปัจจัยเสี่ยงอันนึงค่ะ

จะรู้ได้ชัดเจนว่าเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน ต้องอาศัยการตรวจคัดกรอง pap smear ค่ะ

ลักษณะของประจำเดือนที่ปกติจะเป็นดังนี้ครับ
- มาห่างกันอย่างสม่ำเสมอรอบละ 21-35 วัน
- มาติดต่อกันครั้งละ 3-7 วัน
- ใช้ผ้าอนามัยวันละ 2-3 แผ่น
- ลักษณะเป็นเลือดเก่าสีคล้ำ
ด้วยเหตุนี้เลือดที่เป็นประจำเดือนตามปกติก็ไม่ควรมีลักษณะที่เป็น Spotting

ในกรณีนี้ถ้าหากมีเลือดออกผิดปกติติดต่อกันมามากกว่า 7 วันหมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการให้แน่ใจก่อนว่าไม่ได้มีความผิดปกติอื่นซ่อนอยู่ครับ