สวัสดีค่ะ ดิฉันมีปัญหาคือ ดิฉันเป็นคนผมร่วงผมบางจึงได้ซื้อยาจากคลินิกผมแห่งหนึ่ง ตอนนี้ทานได้1เดือนเต็มค่ะ ผลที่ได้คือ ไรผมขึ้นเยอะและผมยาวเร็วดีค่ะ แต่สิ่งที่ตามมาคือ ขนขา ขนแขน ดกมากแถมมีหนวดกับเคราขึ้นอีกค่ะ เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ กังวลมาก เริ่มไม่มั่นใจ ดิฉันถามทางคลินิก ได้คำตอบคือ เดี๋ยวก็หายไปเอง มันจะใช่หรอคะ ในเมื่อกินยาทุกวันก็มีแต่จะยาวขึ้น ดิฉันเลยคิดว่า ในร่างกายน่าจะมีฮอร์โมนเพศชายสูงอยู่แล้วพอได้กินยาที่กระตุ้น จึงทำให้ขนดกยาวออกมา ดิฉันจะต้องกินยาคุม ต้องฉีดยาฮอร์โมนไหมคะ หรือเลิกกินยาผมตัวนี้ (ถ้าเลิกกินก็เสียดายเพราะผมงอกดีมาก) มีวิธีไหนบ้างคะ คุณหมอช่วยให้คำตอบหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ผมร่วงเกิดได้จากหลายอย่างครับ เช่น
-โรคผมร่วงเป็นหย่อม
-โรคติดเชื้อ เช่น เชื้อรา กลาก เกลื้อน
-ฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ
-แพ้ภูมิตนเอง
-ยาบางชนิด
-ขาดแร่ธาตุ เช่น ธาตุเหล็ก
-ความเครียด
-ตลอดจน พันธุกรรม
เป็นต้นครับ

แนะนำเบื้องต้น หลีกเลี่ยงความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดึงผมตัวเอง ไม่ทำผมด้วยความร้อนและสารเคมีบ่อยๆ งดแอลกอฮอล์และบุหรี่

ถ้าให้ดีแนะนำไปพบแพทย์แผนกผิวหนังโดยเฉพาะ เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติม และรักษาตามสาเหตุครับ

สวัสดีครับ
โดยปกติ ผมคนเราจะร่วงวันละ 50-100 เส้นได้เป็นปกตินะครับ
ส่วนอาการผมร่วง ที่มากกว่าปกติ เกิดได้จากสาเหตุหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น
1. ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้ยา หรือสารเคมีบางชนิดกับศรีษะ เช่น ยาคุมกำเนิด
ซึ่ง การรักษาหากเป็นผลมาจากการรับประทานยาคุมกำเนิด อาจจะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาตัวใหม่ ซึ่งสามารถทำให้ผมกลับมาเป็นปกติได้ครับ
2.โรคต่างๆทางร่างกาย เช่น โรค SLE หรือภาวะการเจ็บป่วยทั่วๆ ไป ที่เพิ่มความเครียดทางร่างกาย ทำให้ผมร่วงได้มากขึ้น ซึ่ง ภาวะนี้เมื่อร่างกายกลับสู่สภาวะปกติ ผมก็จะมีการงอกใหม่หรือเจริญเติบโตอีกครั้งภายในระยะเวลา3-6เดือน โดยที่ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้นครับ
3.โรคทางหนังศรีษะ เช่น alopecia areata หรือ totalis หรือ หัวล้านทางพันธุกรรม เป็นต้น
4.การติดเชื้อ เช่น กลาก ก็ทำให้ผมร่วงได้
5.ภาวะทุพโภชนาการ หรือ การได้รับโภชนาการที่มากเกินไป เช่น การขาดโปรตีน การได้วิตามินเอมากเกินไป ทำให้ผมร่วงได้
หากเป็นจากสาเหตุนี้ แนะนำให้หยุดทานวิตามิน A หรือ เพิ่มการทานโปรตีนขึ้น จะช่วยได้ครับ
ดังนั้น หากคนไข้มีภาวะศรีษะล้าน / ผมร่วงมาก และหาสาเหตุจากที่กล่าวไปไม่ได้ หรือ มีอาการอื่นๆเพิ่มเติม แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขให้อย่างเหมาะสมครับ