คัน บริเวณขนอัวยวะเพศด้านบน บริเวณขนฝั่งปีกซ้ายขวาด้านอวัยวะเพศ ตรงกลางและบริเวณอวัยวะเพศไม่เป็นคะ คันมาก มีลักษณะเปนผื่น และเกาจนเปลี่ยนเปนสีเข้มแล้วคะ เป็นมาหลายอาทิตย์แล้ว รบกวนขอวิธีแก้และช่วยวินิจฉัยโรคไห้ทีคะ

สวัสดีครับ
อาการดังกล่าว ยังไม่จำเพาะกับโรคใดเป็นพิเศษครับ
อาจเป็นได้ตั้งแต่
-การติดเชื้อเรื้อรัง เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย การแกะเกาบ่อยๆ ทำให้ผิวหนังสูญเสียสภาพ และการเกา เป็นการนำเชื้อเข้าไปซ้ำๆ อาการจึงไม่หายขาดครับ
แนะนำว่า อาจไปตรวจดูเชื้อก่อน ให้ยาฆ่าแบคทีเรีย หรือยาฆ่าเชื้อราทา งดแกะเกา สามารถใช้ยาแก้คันได้ หากมีอาการคัน และรักษาความสะอาดครับ *กรณีนี้พบบ่อยสุดครับ
- การแพ้สัมผัสครับ กรณีนี้ต้องสัวเกตดีๆครับ ว่าเราสัมผัสอะไรบ่อยๆ แล้วกระตุ่นให้เกิดอาการครับ เช่น ยางต่างๆ เช่น ถุงมือยาง เป็นต้น หรือ กลุ่มเครื่องประดับ นิกเกิล ผงซักฟอก เป็นต้น หรือ การใช้ครีมต่างๆ
กรณีนี้ รักษาด้วยการทาสตีนรอยด์เป็นพื้นฐานและหลีกเลี่ยงสารต่นเหตุ อาจตรวจเพิ่มเติม หากมีประวัติสารต้องสงสัย กับแพทย์ผิวหนังครับ
-โรคตามระบบอื่นๆ เช่น สะเก็ดเงิน เส้นเลือดอักเสบ เป็นต้น
จะเห็นว่า การรักษาจะแตกต่างกัน แนะนำให้พบแพทย์ก่อนครับ หากอาการดังกล่าว รบกวนชีวิตประจำวันครับ

ผื่นที่อวัยวะเพศ เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ การวินิจฉัยต้องดูลักษณะ ขนาด ตำแหน่ง ฯลฯ ร่วมด้วย จึงควรไปพบแพทย์ ตรวจภายในค่ะ จะได้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด การรักษาไปตามสาเหตุค่ะ
ที่พบได้บ่อย เกิดจาก
- เชื้อรา ผื่นแดงคัน ชัดที่ขอบ รักษาโดยยาทาฆ่าเชื้อรา
- ผื่นแพ้ รักษาโดยยาทา สเตียรอยด์
ควรไปพบแพทย์ ตรวจภายในค่ะ จะได้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด การรักษาไปตามสาเหตุค่ะ

ตุ่มคัน บริเวณผิวหนังและขนอาจจะเป็น
-รูขุมขนอักเสบ
-สิว
-ติดเชื้อ
-การแพ้
เป็นต้นครับ

เบื้องต้นแนะนำ
รักษาความสะอาด อาบน้ำทุกครั้งหลังมีเหงื่อ ไม่สวมเสื้อผ้ารัดแน่นเกินไป งดบีบ แกะ เกาเพราะนอกจากจะทำให้เป็นรอบแผลเป็น ยังทำให้อักเสบติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ ลองเปลี่ยนสบู่/ครีมที่ใช้

แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจประเมินอาการ และรักษาอย่างถูกโรคครับ

สวัสดีครับ
การมีผื่นคันในลักษณะนี้โดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการอักเสบหรืออาการแพ้ของผิวหนังครับ

ในเบื้องต้นนั้นอาจลองใช้ 0.1% TA cream ทาบางๆที่บริเวณผื่น เช้า เย็นก่อนได้ และถ้าหากผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นหมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ

สวัสดีค่ะ อาการคันอวัยวะเพศ ไม่ทราบมีอาการตกขาวร่วมด้วยหรือไม่คะ หากมีอาการตกขาวร่วมด้วย อาจมีการติดเชื้อในช่องคลอดได้ เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น เบื้องต้นแนะนำดูแลความสะอาดของของอวัยวะเพศโดยไม่ปล่อยให้อับชื้น งดสวนล้างช่องคลอดโดยเด็ดขาด ทำความสะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำด้วยน้ำสะอาด เวลามีประจำเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 ชั่วโมง ค่ะ หากมีลักษณะตกขาวที่เปลี่ยนไป เช่น สีเหลือง สีขาวเหมือนนมบูด หรือผื่นที่เป็นอยู่มีอาการคันมากขึ้น ไม่ดีขึ้น แนะนำควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของโรคค่ะ

สวัสดีครับ ถ้าคันมาก อาจจะเกิดจากโรค  
1.กลาก ซึ่งเป็นเชื้อรา กลุ่ม dermatophyte ครับ จะมีอาการคัน มีผื่นวงแดง มีขุ่ยๆลอก การรักษาคือ การทายาฆ่าเชื้อราอย่างน้อย 2 อาทิตย์ครับ  
2.เชื้อราพวก candida ซึ่งจะคันมาก มีตุ่มแดงๆขึ้นตามที่ต่างๆ ไม่มีขุ่ย การรักษาคือการทายาแก้เชื้อราอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เช่นกันครับ 
3.การแพ้จากการสัมผัสสารต่างๆ จะมีวงขาวๆ แดงๆ และเป็นขุ่ยๆได้เช่นกัน เช่นการแพ้ผ้าอนามัย เป็นต้นครับ

ถ้าอาการไม่ดีขึ้นแนะนำให้ลองตรวจกับแพทย์ที่โรงพยาบาลดูครับ

สามารถลองใช้ p vate cream ทาบางๆเช้าเย็นดูก่อนได้ครับ

สวัสดีค่ะ
จากอาการอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น
-ผื่นคันจากการแพ้สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เช่นแพ้สบู่ที่ใช้ล้างซึ่งอาจมีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารเคมีที่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง สังเกตว่าช่วงนี้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ๆหรือเปล่า จากการระคายเคืองของกางเกงในหรือกางเกงที่สวมใส่ อาจเกิดจากการใส่กางเกงเก่าหรืออับชื้น
-รูขุมขนอักเสบ(Folliculitis) ลักษณะจะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก อาจมีกระจายอยู่หลายตุ่มบริเวณรูขุมขน อาจมีเส้นขนอยู่กลางตุ่ม หรืออาจมีหนองอยู่ภายใน บางครั้งอาจมีอาการคัน ระคายเคือง กดเจ็บ ปวดแสบได้ สาเหตุเกิดจากการระคายเคืองที่รูขุมขน เช่น จากการแว๊ก โกน ถอนขอ จากการเสียดสีกับเสื้อผ้า แช่อาบน้ำร้อน หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อ ทั้งจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือเชื้อไวรัส โรคนี้ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร ส่วนมากมักจะหายไปได้เองโดยไม่จำเป็นต้องมาพบแพทย์
-จากการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือจากเชื้อรา สำหรับเชื้อราในช่องคลอดจะมีตกขาวสีขาวข้นคล้ายนมบูด มีอาการคันมาก มีกลิ่น ช่องคลอดอาจมีปื้นแดงหรือผื่นแดง เป็นขุย หรือฝ้าขาว มักพบในคนที่มีโรคประจำตัวที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ มีประวัติสวนล้างช่องคลอดบ่อยๆ มีประวัติทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน
-อาการคันจากหูดซึ่งจะพบรอยโรคเป็นติ่งเนื้อคล้ายดอกกะหล่ำ มีประวัติมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันมาก่อน
-สาเหตุจากอื่นๆ เช่น จากเหาหรือโลน จากความเครียด จากโรคมะเร็ง เป็นต้นค่ะ

เบื้องต้นแนะนำให้ทายาคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดใช้เฉพาะที่ (เช่น P-VATE CREAM) ประมาณ 1 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการเกา การโกน และการใช้น้ำอุ่นจัดล้าง ถ้าไม่หายแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจอีกทีค่ะ