ผมจะสอบถามว่า ผมมีอะไรกัน กับผู้หญิง 3 คน โดยไม่ใช่ถุงยาง แต่ เว้นระยะห่าง เพศสัมพัน 1-2 อาทิตย์ ผมมีโอกาศที่จะติดเชื้อ hiv ไหมครับ แล้วผม มีอารหลังจากนั้น 1 -2 อาทิตย์ มีไข้ แผลในช่องปาก อาการคล้ายๆ ระยะเฉียบพลัน (Acute HIV Infectious) ตอนนี้ผมกังวลมาก

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆนั้นถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ได้ครับ

หลังการติดเชื้อ HIV จะไม่ได้มีอาการใดที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อได้อย่างจำเพาะครับ ในบางคนหลังติดเชื้อไปแล้วประมาณ 2-4 สัปดาห์ก็อาจมีอาการของการติดเชื้อไวรัสในระยะเฉียบพลันเกิดขึ้นได้ เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งอาการเหล่านี้ก็เป็นอาการที่แยกได้ยากจากการเป็นหวัดหรือการติดเชื้อไวรัสทั่วไป และอาการเหล่านี้ก็มักหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน ทำให้ไม่สามารถใช้อาการในการวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV ได้ครับ

การวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV จะต้องวินิจฉัยจากการตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันหลังได้รับการติดเชื้อมาประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะเริ่มตรวจพบการติดเชื้อได้แล้วครับ

หมอแนะนำว่าในตอนนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดหาการติดเชื้อ HIV ในเบื้องต้นดูก่อน และถ้าหากตรวจเลือดในเบื้องต้นแล้วไม่พบการติดเชื้อหมอก็แนะนำว่าควรไปตรวจเลือดยืนยันซ้ำอีกครั้งที่เวลา 1 และ เดือนหลังรับความเสี่ยงเพื่อให้ได้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 99.9% ครับ

อาการข้างต้นไม่ได้มีความจำเพาะต่อการติดเชื้อ HIV และอาจเกิดได้จากอีกหลายสาเหตุครับ เช่น ไข้หวัด เริม การติดเชื้อในทางเดินหายใจ ฯลฯ ซึ่งหมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อน

ส่วนเรื่องการติดเชื้อ HIV นั้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดหาการติดเชื้อตามที่หมอได้แนะนำไปครับ เนื่องจากการที่จะทราบได้ว่ามีการติดเชื้อ HIV หรือไม่จะต้องอาศัยการยืนยันจากผลเลือดเท่านั้น