May 27, 2019 22:23
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
ลักษณะของคนไข้เหมือนมีการอักเสบ ติดเชื้อ ครับ เช่น เชื้อโปรโตซัว เช่น tricomanas ทำให้มี ช่องคลอดอักเสบ หรือ ปากมดลูกอักเสบ หรือเชื้อ แบคทีเรีย เช่น chlamydia หรือ Gardnerella ครับทำให้มีลักษณะตกขาวที่ผิดปกติ คือ มีสีเหลืองหรือเขียวปริมาณมาก จะเป็นแบบขุ่น หรือใสก็ได้ หรือมีกลิ่นเหม็นครับ
นอกจากนี้ อาจเป็นอาการแสดงของหนองในแท้ หรือ หนองในเทียมก็ได้ครับ โดยลักษณะอาการของผุ้หญิงมักไม่เฉพาะเจาะจง เช่นอาจมีตกขาวผิดปกติร่วมกับปัสสาวะแสบขัดได้ บางคนอาจพบแผลที่อวัยวะเพศได้ครับ
ซึ่งต้องอาศัยการตรวจร่างกายอีกครั้ง เพื่อดูลักษณะของมดลูกและปากมดลูกครับ
นอกจากนี้ อาการปัสสาวะแสบขัด อาจจะต้องตรวจปัสสาวะ เพื่อดูเรื่องการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะด้วยครับ เช่น กรณีกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น. เนื่องจากทำให้มีปัสสาวะขัด ปัสสาวะเป็นเลือดได้เช่นกันครับ และสามารถเกิดตามหลังการทีเพศสัมพันธิได้ครับ โดยเฉพาะเพศสัมพันธิที่รุนแรง
วิธีการรักษาของการติดเชื้อเหล่านี้ คือ การทานยาฆ่าเชื้อ หรือ ฉีดยาฆ่าเชื้อครับ
แนะนำให้คนไข้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและตรวจภายในเพิ่มเติมครับ และอาจตรวจตกขาว เพื่อยืนยันการวินิจฉัยครับ
ยังไม่แนะนำให้ซื้อยากินเองนะครับ เนื่องจากยาฆ่าเชื้อทีหลายชนิด จะรักษาให้ตรงจุดต้องรักษาให้ถุกกับเชื้อต่างๆที่นึกถึง ซึ่งต้องอาศัยการตรวจร่างกายและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่ทเติมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
สงสัยภาวะติดเื้อสนช่องคลอด ร่วมกับติดเชื้อทางเดินปัสสาวะครับ
กระเพาะปัสสาวะ หรือ ท่อปัสสาวะอักเสบ
อาการคือ
- ขณะถ่ายปัสสาวะ มีอาการแสบบริเวณปลายท่อปัสสาวะ หรือบริเวณปากช่องคลอด
- ถ้ามีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย ก็จะมีอาการปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวัน กลางคืน ปัสสาวะแสบ ปัสสาวะขัด กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะแล้วรู้สึกว่าไม่สุดต้องไปปัสสาวะอีกแม้เพิ่งปัสสาวะเสร็จ
- บางคนอาจจะมีอาการปวด หรือแสบบริเวณท้องน้อยร่วมด้วยทั้งตอนปวดและไม่ปวดปัสสาวะครับ
ปัจจัยเสี่ยง เช่น
1.มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง และหลายครั้งในเวลาอันสั้น
2.ดื่มน้ำน้อย
3.กลั้นปัสสาวะนาน ๆบ่อยๆ
......
การรักษา คือการรับประทานยาฆ่าเชื้อครับ เช่น Ciprofloxacin
ร่วมกับ การป้องกันคือ
- ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
- ดูแลความสะอาดบริเวณปลายท่อปัสสาวะและอวัยวะเพศ
- มีกิจกรรมทางเพศอย่างเหมาะสม โดยหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ควรไปปัสสาวะและทำความสะอาดบริเวณท่อปัสสาวะ รวมถึงอวัยวะเพศครับ
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานเกินไปครับ
ส่วนอาการตกขาว
อาการคนไข้ตกขาวมีสีเหลืองเขียว น่าจะเป็นการติดเชื้อโปรโตซัว พวกTrichomoniasis
อาการของTrichomoniasis คือมีตกขาว เหลืองเขียว (บางคนเป็นสีขาวหรือเทาก็ได้) มีฟอง มีกลิ่นเหม็นคันช่องคลอด อาจมีเลือดปน
เบื้องต้น เเนะนำให้ไปพบเเพทย์เพื่อประเมิน เพราะการติดเชื้อในช่องคลอด มีทั้ง เชื้อรา เเบคทีเรีย หรือ โปรโตซัวก็ได้
การติดเชื้อบริเวณช่องคลอดนี้ถ้าไม่ได้รักษาอาจลามไปเป็นการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานได้ครับ ซึ่งจะมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วยเเล้วครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ตกขาวที่ปกตินั้นควรจะมีลักษณะเป็นมูกใสๆหรือมีสีขาวขุ่นได้เล็กน้อยและจะต้องไม่มีกลิ่นเหม็นหรือก่อให้เกิดอาการคันครับ
การที่ตกขาวเปลี่ยนเป็นสีเขียว มีเลือดออกมาปน และมีปัสสาวะขัดร่วมด้วยนั้น อาจเป็นอาการที่เกิดจากการติดเชื้อบางอย่างภายในช่องคลอดได้ เช่น เชื้อแบคทีเรียทั่วไป หนองใน เชื้อทริโคโมแนสซึ่งเป็นเชื้อโปรโตซัวชนิดหนึ่ง
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ
ส่วนในระหว่างนี้หมอก็แนะนำว่าควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนจนกว่าจะได้รับการรักษาจนอาการหายดี และถ้าหากตรวจพบว่าเป็นโรคที่สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ก็ควรพาแฟนไปพบแพทย์เพื่อตรวจและให้การรักษาด้วย เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำในอนาคตครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
อาการปัสสาวะแสบขัดร่วมกับตกขาวผิดปกติ อาจเกิดได้จากการติดเชื้อ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น
-หนองในแท้-เทียม เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ปัสสาวะแสบขัด อาจมีหนองไหลออกทางปัสสาวะได้
-การติดเชื้อพยาธิทริโคโมแนส ทำให้ตกขาวมีสีเขียวปนเหลืองได้ครับ ร่วมกับทีกลิ่นเหม็นคล้ายน้ำปลา มีอาการแสบคันข่องคลอดและปัสสาวะแสบขัดได้
-การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน มักมีอาการปวดท้องน้อยและบริเวณ2ข้างของปีกมดลูก มักเกิดจากการติดเชื้อ หนองใน และการติดเชื้อลามไปยังมดลูกแบะปีกมดลูก ทำให้มีอาการปัสสาวะแสบขัด ตกขาวผิดปกติและปวดอุ้งเชิงกรานได้ อาจมีไข้ได้ครับ
ฉะนั้นคนไข้ควรไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อตรวจภายใน ย้อมหาการติดเชื้อจากตกขาวและสารคัดหลั่ง เพื่อนับการรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สอบถามคุณหมอค่ะ..คือตอนนี้หนูอายุ 25 ปี มีเพศสัมพันธ์กับแฟน ช่วงต้นเดือนนี้ค่ะหลังจากเสร็จภาระกิจ มีเลือดออกเลอะที่นอน ตอนแรกคิดว่าเป็นปจด.เลยเอาผ้าอนามัยมาใส่ แต่ตอนเช้ามา ไม่มีเลือดออกค่ะ แล้วหลังจากนั้นมาจะมีตกขาวสีเขียว มีเลือดออกปนหน่อยๆตลอด เวลาปัจสาวะจะขัดๆหน่อยค่ะ ตกขาวไม่มีกลิ่นนะคะ ไม่คันค่ะ ไม่เจ็บตรงนั้นค่ะ หลังจากนั้นมา 1 อาทิตย์ก็เป็นปจด. แล้วพอปจด.หายก็เหมือนจะปกติค่ะ แล้วพอมีอะไรกับแฟน ก็ปกติดีค่ะ จนวันนี้รู้สึกปวดท้องน้องข้างล่างซ้ายค่ะ ตรงช่วงปีกมดลูกซ้ายหรือเปล่าไม่แน่ใจค่ะ แล้วก็เป็นเหมือนเดิมค่ะ มีตกขาวสีเขียวอ่อนๆ มีเลือดปนออกมาด้วย ตกค่ำมาคือมีอารมณ์ร่วมกับแฟนค่ะ แต่ยังไม่ได้มีอะไรกันเลยขอเข้าห้องน้ำก่อน ปรากฏว่า มีเลือดออกมาเท่าเป็นปจด.วันแรกเลยค่ะ แล้วก็จะปัจสาวะขัดมากค่ะ เวลาไอจะมีปัจสาวะเรทออกมาด้วย แล้วก็จะมีอาการแสบๆหน่อยค่ะ รบกวนคุณหมอหน่อยนะคะ เกิดจากสาเหตุอะไรคะ ต้องรกษายังไงบ้างคะ ขอบคุณค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)