August 20, 2019 13:49
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
กรณีประจำเดือนมาแบบกระปริบกระปรอย /เลือดออกกระปริบกระปรอยทางช่องคลอด อาจเกิดจากสาเหตุหลายอย่างครับ
>>แต่ก่อนจะวินิจฉัยอาการเลือดออกผิดปกติใดๆ ขอให้คนไข้ ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเองก้อนนะครับ หากคนไข้มีความเสี่ยงกับการตั้งครรภ์ครับ
>>หากคนไข้มีความเสี่ยงกับการตั้งครรภ์ เนื่องจากการวินิจฉัยและรักษา จะแตกต่างออกไปค่อนข้างมากจากผู้ที่ไม่ตั้งครรภ์ครับ
ตัวอย่างเช่น
- การใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาคุมกำเนิด เช่น ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน การฝังยาคุมกำเนิดช่วงแรกๆ หรือการฉีดยาคุมกำเนิด หรือยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคทางจิตเวช เป็นต้น
- โรคทางระบบสืบพันธ์บางชนิด เช่น ถุงน้ำรังไข่ ( PCOS) อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ หรือ กระปริบกระปรอยได้
- ภาวะ ฮอร์โมน ไม่ปกติ ซึ่งมีหลายชนิด ได้แก่ ฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งจะต้องมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใจสั่น กินจุ น้ำหนักลด หรือ ฮอร์โมนจากรังไข่ผิดปกติ อาจทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่มา หรือมาแบบกระปริบกระปรอย เป็นต้นครับ
- เนื้องอก เช่น เนื้องอกในมดลูก [myoma ] เป็นต้น กรณีนี้อย่าเพิ่งกังวลใจนะครับ แนะนำให้ตรวจก่อนครับ
ถ้าคนไข้มีอาการต่างๆที่ผิดปกติดังที่กล่าวไป แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
อนึ่ง การทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่ง และออกกำลังกาย จะช่วยให้สมดุลฮอร์โมนดีและทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
พิมพกา ชวนะเวสน์ (สูตินรีแพทย์)
เลือดออกกระปริบกระปรอยทางช่องคลอด เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ
อันดับแรก ต้องเช็ดดูว่า ตั้งครรภ์หรือไม่ ??
ถ้าตั้งครรภ์ จะเป็นลักษณะของเลือดออกผิดปกติ จากภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ไตรมาสแรกค่ะ เช่น แท้ง ท้องนอกมดลูก
ถ้าไม่ตั้งครรภ์ เกิดได้จาก
- ความผิดปกติที่ปากมดลูก เช่น เซลล์ผิดปกติ ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก
- ความผิดปกติ ในโพรงมดลูก เช่น เซลล์ผิดปกติ ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก
- ความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ไข่ไม่ตก ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มีเลือดออกกระปริบกระปรอย
เพื่อให้ทราบการว่า เกิดจากสาเหตุอะไร ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายในค่ะ จะได้รักษาตรงสาเหตุ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
1.หากใกล้ถึงรอบรอบประจำเดือนแล้ว อาจเกิดได้จากประจำเดือนครับ ซึ่งโดยปกติจะมาทุก21-35วัน อาจมีการคลาดเคลื่อนได้
2.หากตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่ท้อง ให้ตรวจซ้ำภายใน1อาทิตย์หลังจากนั้น เพื่อยืนยันผลครับ หรือหากประจำเดือน รอบนี้ยังไม่มานานเกิน7วัน ก้สามารถตรวจได้ครับ
3.อาจเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น การบาดเจ็บเป็นแผลบริเวณช่องคลอด มดลูก จากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง เนื้องอกที่กล้ามเนื้อมดลูก เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน เป็นต้นครับ
สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ตรงรอบ เช่น ความเครียด ความกังวล การพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื้องอกที่กล้ามเนื้อมดลูก เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ซีสต์ที่รังไข่ การใช้การคุมกำเนิดชนิดต่างๆ ภาวะอ้วน เป็นต้น
หากเลือดออกมากขึ้น มีอาการปวดท้องน้อย ปัสสาวะแสบขัด ตกขาวผิดปกติ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน ตรวจหาการติดเชื้อ เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การตรวจการตั้งครรภ์ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายมากว่า 2 เดือนแล้วจะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ได้แล้วครับ ในกรณีนี้จึงสามารถเชื่อถือได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์จริงๆ
ส่วนการมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์นั้นก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- - มีการบาดเจ็บของช่องคลอดหรือปากมดลูกจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง
- มีภาวะปากมดลูกปลิ้น ซึ่งเป็นภาวะปกติของผู้หญิงบางคน แต่ส่งผลให้มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
- มีการอักเสบติดเชื้อของช่องคลอดหรืออุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง เช่น เริม หนองใน ซิฟิลิส
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- เนื้องอกมดลูก
- ติ่งเนื้อหรือมะเร็งที่ปากมดลูก
ส่วนลักษณะของประจำเดือนที่ปกติจะเป็นดังนี้ครับ
- มาห่างกันอย่างสม่ำเสมอรอบละ 21-35 วัน
- มาติดต่อกันครั้งละ 3-7 วัน
- ใช้ผ้าอนามัยวันละ 2-3 แผ่น
- ลักษณะเป็นเลือดเก่าสีคล้ำ
จากลักษณะเลือดตามที่เล่ามาจึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นประจำเดือนหรือไม่ครับ
นอกจากนี้ถ้าหากยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้สูงครับ ซึ่งในกรณีนี้หมอก็แนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ ยกเว้นแต่ว่าต้องการปล่อยมีบุตรอยู่แล้วก็จะไม่มีปัญหาอะไรครับ
อย่างไรก็ตามในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุของการขาดประจำเดือนและการมีเลือดออกที่ผิดปกติก่อนคร้บ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เมื่อวันที่1มิ.ย62มีอะไรกับแฟนหลั่งในหลังจากนั้นผ่านไป15วันมีเลือดออกจากทางช่องคลอดกระปริบกระปอยประมาณ1-2ชั่วโมงแต่พอหลังจากนั้นประจำเดือนไม่มาอีกเลย จนถึงวันที่19ส.ค62เคยตรวจแล้วขึ้นขีดเดียวค่ะแต่มีอาการเหมือนคนท้องเลยค่ะ แต่ยังไม่ได้ตรวจกับหมอ จนมีอะไรกับแฟนวันที่20ส.ค62ค่ะ ผ่านไป1ชั่วโมงมีน้ำลื่นๆใสๆปนเลือดสีจางๆค่ะไหลออกมาปวดท้องนิดหน่อยอยากถามว่า 1.ไม่ทราบว่าเป็นประจำเดือนหรืออะไรคะ 2.มีโอกาสตั้งครรภ์หรือเปล่าคะ 3.ความผิดปกติหรือโรคอะไรหรือเปล่าคะ ข่วยตอบหน่อยนะคะกังวลมากค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)