September 02, 2019 14:58
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
การวินิจฉัยปวดหัว ควรต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกายจากเเพทย์ครับ เนื่องจากปวดหัวมีได้หลายโรคมาก บางครั้งมีสาเหตุซ่อนอยู่ บางครั้งก็ไม่มีสาเหตุ
.............
1. การปวดหัวที่ไม่ได้มีพยาธิสภาพซ่อนอยู่ พวกนี้มักไม่ได้อันตราย
เเต่จะรำคาญ รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น
- ไมเกรน พวกนี้มักจะปวดหัวข้างเดียว(หรือสองข้างก็ได้)เเบบตุ้บๆเหมืนชีพจรเต้นได้ มีคลื่นไส้อาเจียน อาจมีอาการนำ เช่นเห็นเเสงวาบ ได้ยินเสียงผิดปกติ
- ปวดหัวเเบบTension จะปวดเหมือนมีอะไรมารัดหัว หนักหัว ปวดขมับได้ครับ
- หรือเส้นเลือดบริเวณขมับอักเสบ พวกนี้ปวดตุ้บๆที่ขมับได้ เเต่มักเกิดในคนอายุเยอะ มีอาการร่วมเช่นปวดกรมเวลาเคี้ยว ตาดับมองไม่เห็นบางครั้ง เห็นภาพซ้อน ไข้ต่ำๆครับ
- ปวดเส้นประสาทใบหน้า พวกนี้จะปวดเเปล๊บๆ ปวดเเสบร้อน ตามเเนวเส้นประสาท ตามหน้าผาก ตามกราม
- ปวดหัวเเบบCluster จะปวดทั่ว มักมีอาการเช่นคัดจมูก น้ำตาไหลร่วมด้วย
- อื่นๆเช่น ปวดกล้ามเนื้อเเล้วร้าวมาหัว เช่น Myofascial pain syndrome พวกนี้จะเกิดในคนนั่งทำงานออฟฟิซ อาการคือจะมีปวดคอปวดบ่าปวดท้ายทอย ร้าวมาศรีษะได้
ซึ่งกรณีนี้ ควรพบเเพทย์สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู พิจารณาฝังเข็มครับ (Dry needling)
- ปวดหัวจากการใช้สายตามาก สายตาล้า มีสายตาสั้นอยู่เดิม
............
หรือสาเหตุจากโรคอื่นๆเช่น ไซนัสอักเสบ บางทีมีไข้ เช่นพวกไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ก็มีปวดหัวทั่วๆได้
............
พวกนี้กินยาจะพอบรรเทาได้ครับ หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
ถ้าอาการเป็นเเบบกลุ่มนี้หาเวลาไปพบเเพทย์ครับ
............
2.แต่ถ้า มีอาการเช่น ปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งวันหลังๆยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อย มีไข้สูง มีเเขนขาอ่อนเเรงยกไม่ขึ้นมีปากเบี้ยวหน้าเบี้ยว
หรือปวดมากจนทนไม่ไหวเลยใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้ หรือมีประวัติศรีษะกระเเทกรุนเเรงมาก่อน
พวกนี้ต้องไปพบเเพทย์ทันทีครับ อาจมีพยาธิสภาพซ่อนอยู่ เช่น เนื้องอกในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเลือดออกในสมองเป็นต้นครับ
............
เบื้องต้นถ้าไม่ได้มีอาการอันตราย ลองซื้อยา Paracetamol มารับประทาน ถ้ายังไม่หาย ปวดไม่ทุเลา เเนะนำ หาเวลาไปพบเเพทย์ครับ
ยาอีกกลุ่มที่พอใช้ได้ เเละสามารถซื้อได้จากร้านขายยา คือยากลุ่มNSAID เช่น Ibuprofen Naproxen Etoricoxib Celecoxib แต่ต้องระวัง คือห้ามใช้ยากลุ่มนี้กับผู้ป่วยที่สงสัยภาวะไข้เลือดออกครับ อาการคือ ไข้ ปวดหัวทั่วๆ ปวดกระบอกตา ปวดตัว คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร เป็นต้นครับ
ถ้าสงสัยไข้เลือดออกเเนะนำให้พบเเพทย์ เเละกินยาParacetamol จะปลอดภัยกว่าครับ
ถ้ามีอาการเเพ้ยา เช่น ปากบวม ผื่นลอก หายใจลำบาก ให้พบเเพทย์ทันทีครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ดังนั้นหนูควรเข้าไปปรึกษาแพทย์ใช่ไหมค่ะ
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ปัญหานอนไม่หลับ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
1. จากสุขลักษณะการนอนที่ไม่เหมาะสม
2. ผลจากโรคทางกาย
3. ผลจากสารเสพติดหรือยาบางชนิด
4. จากปัญหาทางด้านจิตใจ ได้แก่ เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า โรคนอนไม่หลับ เป็นต้น
เบื้องต้นลองปรับการนอนด้วยตัวเองดูก่อนนะคะ
1. เข้านอน ตื่นนอนให้เป็นเวล
2. ปรับบรรยากาศในห้องนอนให้เหมาะสม ปราศจากแสง เสียง รบกวน
3. งดสารกระตุ้นในช่วงบ่ายเป็นต้นไป
4.หมั่นออกกำลังกาย / ผ่อนคลายความตึงเครียดเป็นประจำ
หากลองปรับแล้วยังคงนอนไม่หลับ หรือหลับยาก แนะนำให้พบแพทย์ ตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาตามสาเหตุนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
หนูเคยได้รับยาไมเกรนอาจจะเกิดจากอาการเครียดของหนูจะเกี่ยวกันไหมค่ะละหนูเคยได้รับตัวยาคลายเครียดด้วยมันเกี่ยวข้องกันหรือเปล่าค่ะคุณหมอ
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ อาจจะเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ มากกว่า 2 สัปดาห์
1.มีอารมณ์ซึมเศร้าเป็นส่วนใหญ่ของทั้งวัน เกือบทุกวัน โดยอาจจะมีอารมณ์ต่างๆ เช่น รู้สึกแย่ รู้สึกว่างเปล่า ไม่มีความหวัง หรือมีผู้สังเกตเห็นอารมณ์ซึมเศร้านี้ เช่น ร้องไห้บ่อย
2.ความสนใจต่อสิ่งต่างๆและกิจกรรมต่างๆ รอบตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ของทั้งวัน เกือบทุกวัน
3.น้ำหนักลดอย่างมีนัยสำคัญโดยไม่ได้อดอาหาร หรือน้ำหนักขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (กล่าวคือน้ำหนักเปลี่ยนแปลงไปมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักเดิมในระยะเวลา 1 เดือน) หรือมีความอยากอาหารที่เปลี่ยนไปเกือบทุกวัน
5.นอนไม่หลับ หรือนอนหลับมาก เกือบทุกวัน
6.มีความผิดปกติแสดงออกทาง psychomotor เช่น ดูเชื่องช้าลง หรือดูไม่อยู่นิ่ง
7.อ่อนเพลียหรือหมดพลังเป็นส่วนใหญ่ของทั้งวัน เกือบทุกวัน
8.มีความรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า หรือมีความรู้สึกผิดที่มากเกินปกติ เป็นส่วนใหญ่ของทั้งวัน เกือบทุกวัน
9.ความสามารถในการคิด หรือมีสมาธิลดลง เกือบทุกวัน
10.มีความคิดเกี่ยวกับความตาย การฆ่าตัวตายโดยที่ไม่ได้วางแผน มีการพยายามฆ่าตัวตายอยู่บ่อยๆ
แนะนำถ้ามีอาการดังที่กล่าวไป ควรลองทำแบบทดสอบดูครับ ตามลิ้งด้านล่าง
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าได้คะแนนมากกว่า 7 ขึ้นไปแนะนำให้ลองไปพบจิตแพทย์ครับ เพราะสามารถเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขอบคุณค่ะคะแนนหนูได้22ค่ะ
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
ถ้าได้คะแนน 22 แนะนำให้พบจิตแพทย์ โดยตรงจะดีที่สุดครับ หรือโทรปรึกษาเบื้องต้นจะมีสายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323 ได้นะครับ
ส่วนแนะนำเพิ่มเติมเรื่องซึมเศร้า อยากให้หาเวลาออกกำลังกาย เช่น วิ่ง เต้นแอโรบิค, ดูภาพยนตร์ตลกหรืออ่านหนังสือการ์ตูนตลก, ระบายผ่อนคลายความเครียดบ้าง เช่น ร้องไห้ ตะโกน เขียนระบายความรู้สึก, พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ จะทำให้ลดความเครียด ความกังวลได้ครับ และสุดท้ายคือ มองโลกในแง่ดี คิดว่าทุกปัญหามีทางแก้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หนูอายุ26ปีค่ะมีอาการนอนไม่หลับหลับหลับตื่นๆปวดหัวตรงขมับทั้งสองข้างปวดกระบอกตาบางทีปวดหัวจนอยากอาเจียนมีอาการเบื่ออาหารอาการหงุดหงิดง่าย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)