โรคซึมเศร้าที่เกิดหลังจากการคลอดบุตร (Postpartum depression) เป็นสภาวะทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้หลังจากคุณผ่านการคลอดบุตรมาแล้วหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน ส่วนมากสภาวะนี้มักจะเกิดขึ้นกับคุณแม่ แต่บางครั้งพบว่า คุณพ่อก็มีภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน
ความหมายของโรคซึมเศร้าหลังคลอด
เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงทุกคนอาจมีความรู้สึกซึมเศร้าหลังคลอดบุตร (Baby Blues) โดยภาวะนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่แม่มือใหม่ซึ่งจะต้องเจอระหว่างวันที่ 3-10 หลังจากคลอดบุตร เพราะระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงลดลงตามธรรมชาติ
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สาเหตุส่วนมากที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าหลังคลอดบุตรนั้นมาจากความเครียดโดยปกติทั่วไป เนื่องจากหลังคลอด ผู้เป็นแม่จะต้องอดนอน นอนน้อยลง ต้องดูแลลูก ต้องตื่นกลางดึกบ่อยๆ เพื่อให้นมลูก ไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะในคุณแม่ที่ไม่มีคนช่วยเลี้ยงลูก
แต่หลังจากที่ได้หลับนานๆ เพื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนมากพอ สภาพจิตใจก็จะกลับมาเป็นปกติ และจะมีอาการอ่อนเพลีย วิตกกังวล อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย หงุดหงิดง่าย เศร้าง่าย เซื่องซึมบ้าง แต่อาการเหล่านี้จะคงอยู่ไม่เกิน 1 สัปดาห์ และไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาแต่อย่างใด
โรคซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum depression) สามารถมีอาการรุนแรง และกินเวลานานกว่า โดยอาจมีอาการซึมเศร้าเป็นเดือนๆ หากคุณไม่รู้ว่า ตนเองมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดบุตรหรือไม่ ให้ลองเช็กพฤติกรรมตนเองจากทั้ง 9 ข้อต่อไปนี้ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป
หากคุณมีพฤติกรรมอยู่ใน 5 ข้อขึ้นไป ถือว่ามีอาการเสี่ยงโรคซึมเศร้าหลังคลอด แต่จะต้องมีข้อ 1 ข้อ 2 ร่วมด้วย ได้แก่
- ซึมเศร้า หม่นหมอง หดหู่ ร้องไห้
- ความรู้สึกสนุก สนใจ ทำกิจวัตรประจำวันที่เคยชอบลดลง หรือรู้สึกเบื่อหน่ายในการดูแลลูก
- เบื่ออาหารหรืออยากกินอาหารตลอดเวลา
- ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียตลอดเวลา
- การนอนเปลี่ยนแปลง อาจง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา หรือนอนไม่หลับ
- รู้สึกว่า ตัวเองไร้ค่า เป็นแม่ที่ไม่มีความสามารถ
- ไม่มีสมาธิ ความคิด อ่าน จดจ่อในสิ่งที่ทำลดลง
- เคลื่อนไหวช้าลง หรืออยู่ไม่สุข
- มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้การวินิจฉัยว่า เป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดนั้น ผู้ป่วยจะต้องมีอาการต่อเนื่องเกือบตลอดเวลา และเป็นทุกวัน ไม่มีทางหายเอง หรือเป็นๆ หายๆ และต้องมีอาการขึ้นมาเอง จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ไม่ใช่จากผลข้างเคียงของการใช้ยา
อัตราการเกิดโรคซึมเศร้าหลังคลอด
คุณแม่มือใหม่ส่วนใหญ่มักมีอาการซึมเศร้าที่ไม่รุนแรงอย่าง Baby blues และโดยเฉลี่ยจาก 1 ใน 10 คน จะเกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดที่มีความรุนแรงกว่าและต้องได้รับการรักษา นอกจากนี้ 1 ใน 1,000 คน อาจมีอาการของโรคจิตหลังคลอดซึ่งร้ายแรงกว่ามาก
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สาเหตุ และปัจจัยเสี่ยงของโรคซึมเศร้าหลังคลอด
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า สาเหตุของโรคซึมเศร้าหลังคลอดเกิดจากอะไร แต่คาดว่า เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเนื่องจากการตั้งครรภ์ ผสมกับความเครียด และความกดดันที่ต้องเลี้ยงดูทารก
นอกจากนี้ คุณแม่ที่มีประวัติทางสุขภาพจิตมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า วิตกกังวล หรือโรคอารมณ์สองขั้ว จะมีความเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าหลังคลอดบุตรมากกว่าปกติ
โรคซึมเศร้าหลังคลอดเกิดได้ทั้งกับคุณแม่ และคุณพ่อ แต่เชื่อว่า จะส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่สำหรับคุณพ่อมือใหม่ก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
จากรายงานการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการกุมารเวชศาสตร์ ในปี 2011 พบว่า ตัวเลขคุณพ่อมือใหม่ที่เป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดนั้นอยู่ที่ 7%
และจากการศึกษากลุ่มตัวอย่างของคุณพ่อจำนวน 1,700 คน ที่มีลูกอายุ 1 ปี พบว่าโรคซึมเศร้ามีผลกระทบในเชิงลบต่อการเลี้ยงดู โดยมีความเป็นไปได้สูงที่คุณพ่อที่มีอาการซึมเศร้าจะตีลูก
ปัจจัยเหล่านี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคซึมเศร้าหลังคลอดได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ตนเอง หรือคนในครอบครัวเคยเป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรืออาการเจ็บป่วยทางจิตอื่นๆ
- เคยเป็นโรคซึมเศร้าที่เกิดหลังคลอดมาก่อน
- เคยมีกลุ่มอาการก่อนการมีประจำเดือนที่รุนแรง (PMS)
- อาการเจ็บปวดเรื้อรัง
- เคยเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก หรือการแท้งบุตร
- การอดนอน
- การหยุดให้นมบุตรอย่างกะทันหัน
- มีประวัติการได้รับบาดเจ็บ หรือการถูกทารุณ
- มีประสบการณ์การคลอดบุตรที่พบกับความเจ็บปวด หรือน่าผิดหวัง
- ไม่ได้รับการสนับสนุนในการเลี้ยงดูลูกจากคู่สมรส หรือคนรอบข้าง
- เกิดความเครียด เช่น มีปัญหากับคู่สมรส หรือมีปัญหาทางการเงิน
- การใช้สารเสพติด
การตรวจรักษาโรคซึมเศร้าที่เกิดหลังคลอด
แพทย์อาจตรวจพบอาการของโรคซึมเศร้าหลังคลอดในระหว่างการไปพบแพทย์ช่วงก่อนคลอดไปจนถึง 6 สัปดาห์ หลังคลอดบุตรแล้ว
โดยแพทย์จะสอบถามว่า คุณเคยมีประวัติของโรคซึมเศร้ามาก่อนหรือไม่ รวมทั้งถามถึงการรับประทานอาหาร และการนอนหลับของคุณว่าปกติดีหรือไม่ และคุณทำกิจกรรมอะไรบ้างในแต่ละวัน
หากคุณเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด แพทย์อาจแนะนำทางเลือกการรักษามากกว่า 1 อย่าง เช่น
- การใช้ยารักษาโรคซึมเศร้า แพทย์อาจจ่ายยารักษาโรคซึมเศร้าที่ปลอดภัยต่อตัวคุณ และทารกให้ในระหว่างการตั้งครรภ์ คุณอาจมีตัวเลือกในการรับยารักษาโรคซึมเศร้าที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงให้นมบุตร
แต่คุณอาจต้องพักการให้นมบุตรไว้ เนื่องจากตัวยาอาจไหลผ่านน้ำนมและเป็นอันตรายต่อทารกได้ - การใช้ยารักษาโรคไทรอยด์ บางครั้งอาการซึมเศร้าของคุณอาจเกิดจากการมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ แพทย์จะตรวจระดับฮอร์โมนเหล่านี้ด้วยการตรวจเลือด และให้ยารักษาเพื่อให้ระดับไทรอยด์ของคุณกลับมาเป็นปกติ
- การรักษาด้วยการพูดคุย คุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษาใดๆ เลย เพียงเข้าพบกับนักจิตวิทยาที่สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์และความคิด รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงความคิดในแง่ลบที่ไม่ส่งผลดีกับตัวคุณเอง
การรับมือกับโรคซึมเศร้าหลังคลอด
นอกจากการทำจิตบำบัดและการใช้ยาแล้ว การทำตามแนวทางต่อไปนี้ร่วมกับการรักษา จะช่วยบรรเทาอาการของคุณได้ดียิ่งขึ้น
- ใช้เวลาอยู่กับตัวเองบ้าง ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดควรใช้เวลาจดจ่อในการทำสิ่งต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกาย ควรพาไปเที่ยวพักผ่อน พาไปกินอาหารร้านโปรด หรือซื้อของขวัญมาให้ และที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนให้เพียงพอ
- การรักษาทางเลือก แพทย์ทางเลือกและการแพทย์บำบัดอาจช่วยให้อาการของคุณดีขึ้นได้ แต่ยังต้องการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันคุณประโยชน์และความปลอดภัย โดยเฉพาะการใช้อาหารเสริมต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ทุกครั้ง เพราะอาจทำปฏิกิริยากับยารักษาโรคซึมเศร้าที่คุณกำลังใช้อยู่จนทำให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายได้ นอกจากนี้ยังมีการบัดบัดทางธรรมชาติที่สามารถลองใช้ได้ เช่น สุคนธบำบัด ดนตรีบำบัด
- การขอการช่วยเหลือและการสนับสนุน คุณอาจเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน หรือคนที่เป็นโรคเดียวกัน เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และทักษะในการรับมือกับอาการของโรค
- ตอบรับความช่วยเหลือจากผู้ดูแล พยายามตอบรับความช่วยเหลือจากผู้ห่วงใยคุณ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือครอบครัว เพื่อช่วยจัดการงานบ้าน ดูแลเจ้าตัวน้อยในขณะที่คุณหลับ ทำธุระหรือรับฟังปัญหาต่างๆ ของคุณ
- หยุดการหย่านมแม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป การหยุดให้นมแม่กะทันหันอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน แพทย์บางคนจึงแนะนำให้ผู้หญิงที่ให้นมบุตรค่อยๆ หยุดการหย่านมแม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป
- อดทนอีกสักหน่อย การรักษาสามารถช่วยคุณได้ แต่อาจต้องใช้เวลา ก่อนที่คุณจะรู้สึกกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง
ภาวะแทรกซ้อนของโรคซึมเศร้าหลังคลอด
โรคซึมเศร้าหลังคลอดที่ไม่ได้รับการรักษาสามารถส่งผลกระทบต่อสายสัมพันธ์พ่อแม่ลูกจนเกิดเป็นปัญหาครอบครัวได้
คุณแม่ที่เป็นโรคนี้อาจมีอาการเป็นเดือนๆ หรือนานกว่านั้น และมีโอกาสกลายเป็นโรคซึมเศร้าชนิดเรื้อรัง หรือกระทั่งในกรณีที่ได้รับการรักษาแล้ว คุณแม่ก็ยังอาจเกิดโรคซึมเศร้าแบบรุนแรง (Major depression) ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เด็กที่เติบโตมากับแม่ที่เป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดจะเสี่ยงมีปัญหาด้านอารมณ์ และพฤติกรรมได้ อาการผิดปกติที่สังเกตได้ เช่น นอนไม่หลับ ไม่ค่อยอยากอาหาร ร้องไห้อย่างหนัก และอาจมีพัฒนาการทางภาษาที่ล่าช้า
ส่วนคุณพ่อเองก็จะได้รับความตึงเครียด และแรงกดดันทางอารมณ์จากคุณแม่เช่นกัน โดยเฉพาะคุณพ่อมือใหม่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะซึมเศร้าหลังคุณแม่คลอดทารกอยู่แล้ว
โรคจิตหลังคลอด
ในกรณีที่พบได้ไม่บ่อย คุณแม่มือใหม่บางรายอาจมีอาการโรคจิตหลังคลอด ซึ่งจะมีอาการรุนแรงกว่าภาวะซึมเศร้าหลังคลอดมาก และควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ผู้ป่วยส่วนมากมักเริ่มมีอาการอย่างฉับพลันภายใน 2 สัปดาห์แรก ได้แก่
- อาการประสาทหลอน
- ได้ยินเสียง หรือมองเห็นในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
- อยู่ไม่สุข
- มีอาการสับสนอย่างหนัก
- ร่าเริงผิดปกติ
- มีบุคลิก และพฤติกรรมเปลี่ยนไป
- มีความคิดทำร้ายตัวเอง หรือลูกอยู่ตลอดเวลา
คุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรอาจมีแนวโน้มเกิดโรคจิตหลังคลอดมากขึ้น หากมีปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้
- บุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้มา หรือเป็นโรคทางจิตชนิดอื่นๆ
- ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคไบโพลาร์ หรือโรคจิตเภท
- เคยเป็นโรคจิตหลังคลอดจากการคลอดลูกคนก่อน
เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้คุณควรไปพบแพทย์ตามนัดตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอ หากคุณมีประวัติโรคทางจิต คุณอาจต้องเข้าพบจิตแพทย์เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความเสี่ยงและเตรียมแนวทางรับมือสำหรับโรคจิตหลังคลอด
สำหรับหลักการดูแลผู้มีภาวะผิดปกติทางจิตใจหลังคลอด สิ่งสำคัญที่สุด คือ คนรอบข้าง ใกล้ชิด เช่น พ่อ แม่ สามี ต้องคอยสังเกต และยื่นมือเข้ามาช่วย โดยต้องอดทน เข้าใจกัน คอยให้กำลังใจ สนับสนุน ช่วยกันให้ผ่านแต่ละเหตุการณ์ไปให้ได้
พยายามอย่าตำหนิ โกรธ โมโห เวลาคุณแม่มีอารมณ์เหวี่ยง คุณพ่อควรผลัดเปลี่ยนกันดูแลลูก เพื่อให้คุณแม่ได้พักผ่อน ช่วยลดปัญหาการนอนไม่หลับ และทำให้มีเวลาได้ดูแลตนเองเหมือนก่อนจะมีลูกได้
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจฝากครรภ์ คลอดบุตร จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
อยากทราบวิธีป้องกันอาการปวดก่อนมีประจำเดือน