ภาวะการกลัวรูนี้เรียกว่า Trypophobia เกิดขึ้นเมื่อพบเห็นรูต่าง ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่มนุษย์ทำและเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งภาวะนี้แบ่งระดับความกลัวออกไปหลายระดับ ตั้งแต่คันยุกยิก ขนลุก อาการขยะแขยง ตัวสั่น เขาอ่อน หรือบางคนอาจหมดสติ
โรคกลัวรูคืออะไร?
โรคกลัวรู หรือ Trypophobia เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก คำว่า "Trypo" หมายถึง การเจาะ การกด หรือหลุมและตะปุ่มตะป่ำ เมื่อเติมคำว่า "Phobia" ซึ่งหมายถึง อาการกลัว ความหมายโดยรวมที่ว่า Trypophobia คือโรคหรืออาการของคนที่กลัวสิ่งที่มีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อ ตะปุ่มตะป่ำ หรือมีพื้นผิวที่ขรุขระ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
จากการวิจัยของ อาร์โนด์ วิลกินส์ และจีออฟ โคล จากสถาบันจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแห่งเอสเซกซ์ สหราชอาณาจักร พบว่า ที่จริงแล้วโรคกลัวรูนั้นไม่ใช่อาการกลัว แต่เป็นอาการขยะแขยง เนื่องจากสมองนำภาพไปเชื่อมต่อกับเหตุการณ์หรือสิ่งที่จดจำในอดีตที่ส่งผลต่อร่างกายหรือ ความรู้สึกนึกคิด เช่น อาจคิดว่ารูเหล่านั้นเกิดขึ้นกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
สเตฟานี่ อินกาเมลส์ วัยรุ่นสาวชาวอังกฤษที่เกิดอาการกลัวมัฟฟิน เนื่องจากผิวของขนมปังดังกล่าวมีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อ ตะปุ่มตะป่ำ ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้เธออาเจียนออกมาทุกครั้งหลังจากที่เห็นภาพของขนมปังดังกล่าว และมีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องนำส่งโรงพยาบาล
สาเหตุของโรคกลัวรู
โรคกลัวรูเกิดจากสมองนำภาพรูหรือเม็ดที่ปรากฏไปเชื่อมโยงกับสิ่งที่คิดว่าต้องอันตราย ทั้งๆ ที่ทราบอยู่แล้วว่าสิ่งที่เห็นนั้นไม่สามารถทำอันตรายได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะคนที่มีอาการแบบนี้เคยผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นในวัยเด็กมาก่อน หรืออาจมีความผิดปกติที่เกี่ยวกับการทำงานของสมอง รวมถึงมีสภาพแวดล้อมและพันธุกรรมในครอบครัวที่มีความวิตกกังวลมากเกินไป
อาการของโรคกลัวรู
อาการของโรคกลัวรูมีด้วยกันหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะมีอาการแบบไหน หรืออาจมีหลายอาการร่วมกัน เมื่อเห็นภาพที่มีรูหรือเม็ดที่กลวงอาจมีอาการดังนี้
การรักษาโรคกลัวรู
โรคกลัวรูเป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากภายในจิตใจไม่ใช่จากทางกาย ดังนั้นจึงไม่สามารถรักษาด้วยการใช้ยาเพื่อให้ร่างกายหายป่วยได้ การรักษาที่ถูกวิธีจึงต้องไปพบจิตแพทย์เท่านั้น และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการรุนแรง เช่น กลัวจนมีอาการซึมเศร้า หรือกลัวติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือนก็ยังไม่หาย และกลัวชนิดไม่มีเหตุผล เพราะกระทบกับสภาพจิตใจจนทำให้ป่วยกายหรือมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน
หากมีอาการซึมเศร้า จิตแพทย์อาจให้ใช้ยาร่วมด้วย ทั้งนี้การรักษาด้วยยาต้านซึมเศร้าร่วมกับการบำบัดทางจิตวิทยาให้ชนะความกลัวจะต้องทำควบคู่กันไป ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของจิตแพทย์ว่าควรจะต้องทำอย่างไร
การป้องกันและการดูแลตนเอง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและลดความวิตกกังวลได้ หรืออาจเล่นโยคะซึ่งเป็นการฝึกจิตใจหรือสมาธิ ทำให้จิตใจผ่อนคลายและลดความเครียด
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ สารเสพติดต่าง ๆ และคาเฟอีน
- พักผ่อนให้เพียงพอทุกวัน ช่วยทำให้จิตใจสดชื่นแจ่มใส
- หากรู้สึกตัวว่ามีอาการของโรคกลัวรูแล้ว ควรเข้ากลุ่มที่มีการบำบัดโรคนี้ จะช่วยให้มีความเข้าใจโรคได้ดีขึ้น และการบำบัดก็จะได้ผลมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
- ฝึกเข้าใกล้สิ่งของหรือสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกกลัวบ่อย ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้นชิน และพยายามให้กำลังใจตัวเองโดยไม่ท้อแท้ เพื่อให้การบำบัดรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและได้ผล
- ถ้าทำแล้วยังไม่ดีขึ้นจะต้องรีบไปพบจิตแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำและได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
แม้ว่าคนส่วนมากจะไม่ได้มีอาการของโรคกลัวรู แต่เมื่อมองภาพรูที่มีลักษณะขรุขระหรือตะปุ่มตะป่ำแล้วยังเกิดความรู้สึกไม่สบายตาหรือไม่ค่อยชอบ อาจเป็นเพราะกลไกในร่างกายคนเราต้องการให้หลีกเลี่ยงจากสัตว์ต่าง ๆ ที่มีพิษก็ได้ นั่นคือพวกงูหรือแมงป่อง แต่หากเกิดอาการมากเกินไปจนรบกวนจิตใจและหมดความสุขแบบนี้ ก็ควรรีบไปพบจิตแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า
ดูแพ็กเกจปรึกษาหมอผ่านวีดีโอคอล เปรียบเทียบราคา โปรโมชันล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android