ทำไมถึง ‘ใจสั่น’… มาหาสาเหตุของอาการกันเถอะ!

เผยแพร่ครั้งแรก 11 ส.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
ทำไมถึง ‘ใจสั่น’… มาหาสาเหตุของอาการกันเถอะ!

เคยเป็นไหม? อยู่ๆ ก็รู้สึก “ใจสั่น” ซึ่งอาจเป็นเพราะกำลังตื่นเต้น ยินดี มีความรัก ประหม่า เขินอาย ... แต่รู้ไหมว่า บางครั้งอาการใจสั่นก็เกิดจากความผิดปกติหรือปัญหาสุขภาพได้เหมือนกัน

อาการใจสั่น (Palpitation) คือการที่จังหวะการเต้นของหัวใจไม่เป็นปกติ เช่น อาจขาดหายไป ไม่สม่ำเสมอ หรือเร็วและแรงจนผิดสังเกต ซึ่งเป็นอาการที่เกิดได้จากสารพัดสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

  • มีความเครียด วิตกกังวล
  • รู้สึกตื่นเต้น ตื่นตระหนก หรือกลัว
  • อยู่ระหว่างหรือหลังออกกำลังกาย ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดมาก
  • นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
  • ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  • เป็นผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ชนิด Hydralazine ยาพ่น Salbutamol สำหรับรักษาหอบหืด และยาแก้แพ้ Terfenadine รวมถึงยาสมุนไพรบางชนิดด้วย
  • มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือมีรอบเดือน
  • มีความผิดปกติของหัวใจ เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) หัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) ลิ้นหัวใจยาว (Mitral Valve Prolapse) เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiomyopathy) หรือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital Heart Disease) เป็นต้น
  • มีความผิดปกติอื่นๆ เช่น ระดับเกลือแร่ในเลือดสูงหรือต่ำ มีน้ำตาลในเลือดต่ำ ไทรอยด์เป็นพิษ ภาวะร่างกายขาดน้ำ และโลหิตจาง เป็นต้น

อาการใจสั่นอันตรายไหม?

อาการใจสั่นอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติที่เป็นอันตรายได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากมาพร้อมกับอาการเวียนศีรษะ หายใจตื้น หอบเหนื่อย เจ็บแน่นหน้าอก และหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน นอกจากนี้ อาการใจสั่นที่เกิดจากความผิดปกติของหัวใจ ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายตามมาได้ เช่น เป็นลม หมดสติ เกิดเส้นเลือดในสมองอุดตัน หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน และหัวใจวาย เนื่องจากหัวใจเต้นผิดจังหวะจนไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้ตามปกติ

การรักษาอาการใจสั่น

การรักษาอาการใจสั่นต้องเริ่มจากการหาสาเหตุ และรักษาที่ต้นเหตุของอาการ ยกตัวอย่างเช่น

  • หากอาการเกิดขึ้นชั่วคราว และมาจากสาเหตุที่แน่นอน ก็ให้หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการ เช่น งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน เป็นต้น
  • ผ่อนคลายความเครียดและความวิตกกังวล โดยการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ออกกำลังกาย ฟังเพลง หรือบำบัดโดยการนั่งสมาธิ
  • อาจจำเป็นต้องหยุดยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียง เช่น ยาแก้แพ้ และยาสมุนไพร
  • หากยังเกิดอาการใจสั่นอย่างต่อเนื่อง แพทย์อาจให้ยารักษา ได้แก่ ยา Beta Blocker และ Calcium Channel Blockers
  • หากอาการเกิดจากความผิดปกติของหัวใจ เช่น มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจต้องรักษาโดยการใช้สายสวนผ่านหลอดเลือดไปยังหัวใจ เพื่อใช้ความร้อนหรือความเย็นรักษาเนื้อเยื่อหัวใจส่วนที่เต้นผิดจังหวะ
  • หากอาการเกิดจากความผิดปกติอื่นๆ ก็จะรักษาที่ต้นเหตุเป็นหลัก เช่น หากเกิดภาวะแร่ธาตุในเลือดต่ำ ก็จะให้แร่ธาตุทดแทนทางหลอดเลือด เป็นต้น

การป้องกันอาการใจสั่น

สำหรับอาการใจสั่นที่ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิดหรือโรคประจำตัว เรามีแนวทางในการป้องกันได้ ดังนี้

  • พยายามหลีกเลี่ยงภาวะเครียดและวิตกกังวล โดยหากิจกรรมต่างๆ ทำเพื่อผ่อนคลาย
  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีเป็นปกติ
  • ควบคุมน้ำหนัก ระดับน้ำตาล และระดับไขมันในเลือดให้เป็นปกติ เพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงและความผิดปกติของหัวใจที่อาจเกิดขึ้นตามม


8 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Heart Palpitations: Causes, Treatments, After Eating, Lying Down. WebMD. (https://www.webmd.com/heart-disease/guide/what-causes-heart-palpitations)
Heart palpitations: MedlinePlus Medical Encyclopedia (https://medlineplus.gov/ency/article/003081.htm)
Heart palpitations and ectopic beats - NHS (https://www.nhs.uk/conditions/heart-palpitations/)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)