กลุ่มยารักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 กลุ่มเก่าและกลุ่มใหม่ มีอะไรบ้าง?

สำรวจกันหน่อย กลุ่มยาชนิดใหม่สำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีอะไรบ้าง? ดีอย่างไร?
เผยแพร่ครั้งแรก 1 ม.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 4 ธ.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
กลุ่มยารักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 กลุ่มเก่าและกลุ่มใหม่ มีอะไรบ้าง?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามียาหลายตัวที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ซึ่งยาพวกนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ยาใหม่เท่านั้น แต่เป็นยากลุ่มใหม่ที่ออกฤทธิ์แตกต่างจากยาที่มีอยู่เดิม

เราจำเป็นต้องเลิกใช้ยากลุ่มเก่าหรือไม่

คำตอบก็คือ ไม่จำเป็น ยารักษาโรคเบาหวานในกลุ่มเก่ายังคงสามารถใช้รักษาโรคได้ดีและมียา 2 กลุ่มที่กำลังมีการพัฒนาขึ้นมาอีก 2 ตัวเพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และสามารถทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลอย่างเข้มงวดนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

ยารักษาโรคเบาหวานกลุ่มใหม่ และยาชนิดใหม่

1. กลุ่ม DPP-4 inhibitors 

ยาในกลุ่มนี้จะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ DPP-4 ที่ปกติทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของฮอร์โมน incretin จึงทำให้ incretin เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการสร้างอินซูลินเพิ่มขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดลดลง

Sitagliptin phosphate: เป็นยาตัวแรกในกลุ่มนี้ที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา ยานี้เป็นยาในรูปแบบกินวันละ 1 ครั้งพร้อมกับการคุมอาหารและการออกกำลังกาย หรือร่วมกับการทานยาเบาหวานในกลุ่มอื่น

2. กลุ่ม Incretin Mimetics

ยากลุ่มนี้จะเลียนแบบการทำงานของฮอร์โมน incretin ซึ่งช่วยให้ร่างกายผลิตอินซูลินได้มากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยลดอัตราการย่อยอาหาร ทำให้น้ำตาลกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดช้าลง ผู้ป่วยที่รับประทานยาในกลุ่มนี้อาจรู้สึกอิ่มนานขึ้น ทำให้ลดปริมาณอาหารที่กิน ซึ่งอาจช่วยลดน้ำหนักได้ในบางคน

Exenatide: เป็นยาในรูปแบบฉีด ใช้ร่วมกับยารับประทานของโรคเบาหวานอื่น ๆ ยานี้ไม่ใช่อินซูลินและไม่ได้ทำหน้าที่แทนอินซูลิน สามารถใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เท่านั้นและไม่สามารถใช้ร่วมกับอินซูลินได้ เป็นยาที่อยู่ในรูปแบบของปากกาฉีด ปริมาณยาที่ใช้เริ่มต้นที่ 5 ไมโครกรัม 2 ครั้งต่อวัน ก่อนอาหารเช้าและเย็น 60 นาที แพทย์อาจเพิ่มปริมาณยาขึ้นเป็น 10 ไมโครกรัมได้ขึ้นกับผลการรักษา

3. กลุ่ม Antihyperglycemic Synthetic Analogs

ยากลุ่มนี้เป็นสารที่สร้างขึ้นเลียนแบบฮอร์โมน amylin ซึ่งตับอ่อนใช้เพื่อลดระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด โดยการยับยั้งการทำงานของ glucagon และช่วยเพิ่มความอิ่ม

Pramlintide acetate: ยาตัวนี้เป็นยาฉีดที่สามารถใช้ร่วมกับอินซูลินเพื่อให้คุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น การใช้ยานี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลต่ำ ดังนั้นผู้ป่วยที่จะใช้ยาตัวนี้จึงต้องมีการติดตามจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

ยารักษาโรคเบาหวานกลุ่มเก่า

1. ยากลุ่ม Sulfonylureas

ยากลุ่มนี้เป็นยารักษาโรคเบาหวานแบบรับประทานที่เก่าที่สุด และเป็นยาเดียวที่ใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในช่วงก่อนปี 1995 ยากลุ่มนี้จะกระตุ้นในตับอ่อนหลั่งอินซูลินออกมามากขึ้น ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นคือภาวะน้ำตาลต่ำ และยากลุ่มนี้อาจใช้ไม่ได้ผลเมื่อผ่านไปไม่กี่ปี

ยาในกลุ่ม Sulphonylureas ที่นิยมใช้ ได้แก่ Glipizide, Glibenclamide, Glyburide, Glimepiride

2. ยากลุ่ม Biguanide

 ยากลุ่มนี้ใช้ลดการสร้างกลูโคสที่ตับ และยังทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น และช่วยลดระดับ cholesterol ได้เช่นกัน

Metformin: เป็นยาที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำตาลต่ำน้อยมากเมื่อใช้ตัวเดียว แต่อาจทำให้เกิดภาวะ Lactic acidosis ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ไม่บ่อยแต่รุนแรงได้

3. ยากลุ่ม Alpha-Glucosidase inhibitors

ยากลุ่มนี้ช่วยชะลอการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาลกลูโคสในกระบวนการย่อยอาหาร ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดในสูงมากเกินไป

ยาในกลุ่มนี้ เช่น Acarbose, Miglitol

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

4. ยากลุ่ม Thiazolidinediones

ยากลุ่มนี้ทำให้เซลล์กล้ามเนื้อ และไขมันตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น

ยาในกลุ่มนี้ เช่น Rosiglitazone, Plioglitazone

เมื่อ 21 พฤษภาคม 2007 องค์การอาหารและยาได้ออกประกาศเตือนเรื่องความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือภาวะอื่นๆ ทางหัวใจ และระบบไหลเวียนโลหิตที่อันตรายถึงชีวิตจากการกินยา Rosiglitazone คุณควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาตัวอื่นเพื่อควบคุมโรคเบาหวาน

5. ยากลุ่ม Meglitinide

ยากลุ่มนี้จะกระตุ้นการสร้างอินซูลินเมื่อมีน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือด หากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ยากลุ่มนี้ก็จะไม่ทำงาน

ยาในกลุ่มนี้ เช่น Repaglinide, Nateglinide

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา

ยารักษาโรคเบาหวานเป็นยาที่ต้องใช้อย่างสมเหตุสมผลตามคำสั่งของแพทย์ มีการรับประทานหรือฉีดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้ปกติ แต่ยาบางชนิดก็มีอาจส่งผลข้างเคียงบางอย่างในขณะใช้ยา เช่น

ถึงแม้จะมีกลุ่มยาชนิดใหม่ผลิตออกมา แต่การรับประทาน หรือฉีดยาตามความเหมาะสมของอาการและตามคำสั่งของแพทย์คือสิ่งสำคัญที่สุด อย่าทดลองใช้ยาตัวใหม่โดยไม่ปรึกษาแพทย์เสียก่อน เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ และบางทียากลุ่มเก่าที่คุณใช้อยู่ ก็อาจเหมาะสมกับภาวะเบาหวานของคุณอยู่แล้วก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นยากลุ่มใหม่


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Dilip Gude, Red carpeting the newer antidiabetics (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3356952/)
Bilal Omar and Bo Ahren, Pleiotropic Mechanisms for the Glucose-Lowering Action of DPP-4 inhibitors (https://diabetes.diabetesjournals.org/content/63/7/2196)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)