กองบรรณาธิการ HonestDocs
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HonestDocs

Narcolepsy (โรคลมหลับ)

เผยแพร่ครั้งแรก 6 เม.ย. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 6 นาที

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • โรคลมหลับ เป็นโรคผิดปกติทางสมองที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถนอนหลับได้ตามปกติ จนทำให้เกิดอาการง่วงซึมระหว่างวัน จนส่งผลกระทบต่อการทำงาน
  • สาเหตุของโรคลมหลับมาจากหลายปัจจัย เช่น ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง พันธุกรรมจากญาติใกล้ชิด โรคภูมิคุ้มกันตนเอง เนื้องอกในสมอง ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • โรคลมหลับสามารถทำให้ผู้ป่วยประสาทหลอน ง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงกลางวัน อาจเกิดภาวะผล็อยหลับในระหว่างเรียน หรือทำงานโดยไม่รู้ตัว
  • การตรวจวินิจฉัยการนอนหลับจะต้องอาศัยการจดบันทึกการนอนจากผู้ป่วย หรืออาจให้ผู้ป่วยทดสอบการนอนหลับเพื่อแยกอาการผู้ป่วยออกจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • โรคลมหลับสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา เช่น แอมเฟตามีน ยากระตุ้นให้ตื่น ยาต้านเศร้า รวมถึงดูแลตนเองเพิ่มเติมด้วยการออกกำลังกาย งดการสูบบุหรี่ บริโภคแอลกอฮอล์ และมีตารางการนอนหลับเป็นของตนเอง
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจการนอนหลับ

โรคลมหลับ (Narcolepsy) เป็นโรคผิดปกติทางสมองที่ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของวงจรการตื่น และการนอน ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกง่วงซึมระหว่างวันบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในขณะที่กำลังทำงาน เรียน หรือทำกิจกรรมยามว่างอยู่ก็ตาม 

โรคลมหลับเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณเป็นอย่างมาก และยังเป็นสาเหตุของการง่วงนอนในเวลากลางวันที่พบได้บ่อยเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

สาเหตุของโรคลมหลับ

  • ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคลมหลับ โดยพบว่าผู้ป่วยโรคลมหลับมักจะมีระดับสารกระตุ้นให้ตื่นในสมองที่ชื่อว่า "ไฮโปเครติน (Hypocretin)" ต่ำกว่าปกติ 
  • พันธุกรรม ผู้ป่วยโรคลมหลับมักไม่มีประวัติว่า คนในครอบครัวเป็นโรคนี้ แต่พบว่าญาติที่ใกล้ชิดของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มีความเสี่ยงสูงทางสติในการพัฒนาไปเป็นโรคลมหลับในอนาคต
    นอกจากนี้โรคลมหลับยังอาจเกิดจากความบกพร่องทางพันธุกรรม ที่ขัดขวางไม่ให้มีการผลิตสารกระตุ้นอย่างไฮโปเครตินในระดับปกติ แต่กรณีหลังนี้พบได้น้อย
  • โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง นักวิจัยพบว่า โรคลมหลับที่มีโรคภาวะผล็อยหลับร่วมด้วย ซึ่งอาจมีความเชื่อมโยงกับการสูญเสียเซลล์ในสมองที่มีหน้าที่ผลิตสารไฮโปเครติน โดยเกิดจากโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ที่ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดพลาด และโจมตีเซลล์เหล่านี้ 
  • การบาดเจ็บรุนแรง ในกรณีที่พบได้ไม่บ่อย โรคลมหลับมักเป็นผลลัพธ์จากอาการบาดเจ็บรุนแรงที่บางส่วนของสมองที่ควบคุมการนอนหลับในช่วงที่จะมีการเคลื่อนไหวของลูกตาอย่างรวดเร็ว (REM sleep) หรือจากเนื้องอกในสมอง รวมถึงโรคอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในบริเวณเดียวกัน
  • สาเหตุอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ การสัมผัสสารพิษ ความเครียด ความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนในวัยหนุ่มสาว หรือวัยหมดประจำเดือน และการเปลี่ยนแปลงเวลาการนอนที่มากเกินไป เช่น การทำงานเป็นกะ 

อาการของโรคลมหลับ

อาการแสดงทั่วไปของโรคลมหลับมีดังนี้

1. อาการง่วงนอนมากผิดปกติในเวลากลางวัน 

เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคลมหลับ และส่งผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วยอย่างมาก เพราะจะทำให้รู้สึกง่วงซึมระหว่างวัน แม้จะได้หลับอย่างเต็มที่ในตอนกลางคืนแล้วก็ตาม 

นอกจากนี้ผู้ป่วยยังจะรู้สึกไม่มีพลัง ซึมเศร้า อ่อนเพลียเป็นอย่างมาก และผู้ป่วยบางรายอาจมีปัญหาด้านความจำ ขาดสมาธิในการทำงาน หรือการเรียนด้วย

นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการนอนหลับในระยะเวลาสั้น (Microsleeps) ซึ่งเป็นสภาวะที่ทำให้เผลอหลับโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่รู้ตัวเป็นระยะเวลาสั้นๆ โดยประมาณ 40% ของผู้ที่มีอาการนี้มีสาเหตุมาจากโรคลมหลับ ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ และไม่สามารถควบคุมได้ 

โดยอาการนี้ ในขณะที่ผู้ป่วยหลับไปนั้นก็ยังทำงานต่อเนื่องอย่างปกติธรรมชาติอยู่ เช่น พิมพ์งาน หรือขับรถ แต่ประสิทธิภาพของงานเหล่านี้มักลดน้อยลงในระหว่างการหลับระยะสั้น และอาจเป็นอันตรายได้ ขึ้นอยู่กับงานที่กำลังทำอยู่

2. ภาวะผล็อยหลับ 

ประมาณ 70% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคลมหลับจะมีโรคภาวะผล็อยหลับร่วมอยู่ด้วย ซึ่งภาวะนี้เกิดจากการสูญเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อแบบเฉียบพลันในขณะตื่น ทำให้เกิดอาการอ่อนแรง และสูญเสียการควบคุมของกล้ามเนื้อลาย 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ภาวะผล็อยหลับสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาขณะตื่นและมีความรุนแรงแตกต่างกันไป เช่น สูญเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อเพียงเล็กน้อย ทำให้เปลือกตาตกลง หรือในกรณีที่รุนแรง ผู้ป่วยอาจสูญเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อลายทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหว พูดคุย หรือเปิดตาได้ 

3. ผีอำ 

เป็นชื่อสภาวะที่ไม่สามารถเคลื่อนไหว หรือพูดในขณะกำลังนอนหลับ หรือช่วงใกล้จะตื่นเพียงชั่วคราว และอาจเกิดขึ้นได้แม้กระทั่งในยามที่มีสติเต็มร้อย โดยทั่วไปแล้วอาการผีอำมักเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่กี่วินาที หรือไม่กี่นาที 

4. ประสาทหลอน 

มักจะเกิดขึ้นในลักษณะของการเห็นภาพที่เหมือนจริง แต่ไม่มีอยู่จริง โดยอาจเกิดขึ้นในขณะที่กำลังเคลิ้มหลับ กำลังเคลิ้มตื่น หรือในระหว่างหลับที่หลับสนิทอยู่ก็ได้ 

ทั้งนี้ผู้ที่เป็นโรคลมหลับมักไม่มีปัญหาในการนอนหลับในตอนกลางคืน แต่มักเกิดปัญหาขึ้นจากอาการนอนไม่หลับ การฝันมากมาย การนอนละเมอ การเดินละเมอออกนอกสถานที่ในขณะหลับ และภาวะขากระตุกขณะหลับ

การตรวจวินิจฉัยโรคลมหลับ

หากไม่ได้รับการวินิจฉัย โรคลมหลับสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งทางด้านจิตใจ สังคม และกระบวนการรับรู้ รวมถึงส่งผลกระทบต่อการทำงาน การเรียน และกิจกรรมทางสังคมอื่นๆ ด้วย ดังนั้นหากมีอาการดังข้างต้นที่กล่าวมา ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ และรักษาต่อไป

ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคลมหลับอาจมีดังนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

1. สอบถามอาการและประวัติการนอน 

เบื้องต้นแพทย์มักจะสอบถามเพื่อดูว่า มีอาการง่วงนอนมากผิดปกติระหว่างวัน หรือมีภาวะผล็อยหลับหรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม แพทย์ก็ยังจำเป็นต้องมีการประเมินเพิ่มเติมในศูนย์การนอนเพื่อให้แน่ใจ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจะเป็นผู้วิเคราะห์พฤติกรรมการนอนของคุณ

2. ทำแบบบันทึกการนอนหลับ 

แพทย์จะให้คุณบันทึกประวัติการนอนของตัวเองอย่างละเอียด ด้วยการใช้แบบสอบถาม Epworth Sleepiness Scale ที่ออกแบบมาเพื่อประเมินระดับความง่วงนอน 

โดยอาจให้คุณบันทึกการนอนอย่างละเอียดประมาณ 1 สัปดา ห์หรือนานกว่านั้น เพื่อดูรูปแบบพฤติกรรมการนอน รวมถึงระดับของความตื่นตัว

3. ใส่นาฬิกาวัดกิจกรรม และการพักผ่อน 

แพทย์อาจให้คุณใส่ ActiGraph ซึ่งเป็นอุปกรณ์ลักษณะเหมือนนาฬิกาข้อมือ เพื่อวัดระยะเวลาของกิจกรรมที่ทำ และการพักผ่อน

4. ตรวจการนอนหลับ 

ผู้ป่วยจะต้องนอนพักดูอาการที่โรงพยาบาล โดยจะเป็นการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าในสมอง และหัวใจ ประสิทธิภาพการหายใจ การถ่ายเทของอากาศ ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด รวมถึงการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ดวงตา และการหายใจของคุณ

การตรวจวิธีนี้ทำเพื่อให้แน่ใจว่า อาการที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ไม่ได้เกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเป็นสภาวะที่สมองไม่กระตุ้นให้เกิดการหายใจในขณะหลับ (ภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่เกิดจากสมองส่วนกลาง) 

หรือไม่ได้เกิดจากคุณพยายามที่จะหายใจ แต่ไม่สามารถรับออกซิเจนได้เพียงพอ (โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ)

5. การทดสอบการงีบหลับตอนกลางวัน 

เป็นการตรวจวัดระยะเวลาที่คุณหลับระหว่างวัน โดยแพทย์จะให้คุณหลับสั้นๆ 4-5 ครั้งในระยะเวลาเท่าๆ กัน และในระหว่างนั้นก็จะสังเกตรูปแบบการนอนของคุณ

การรักษาโรคลมหลับ

โรคลมหลับไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การใช้ยาบางชนิดสามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคได้ 

ยารักษาโรคลมหลับที่ใช้ทั่วไป ได้แก่

1. ยากระตุ้นให้ตื่น 

เช่น โมดาฟินิล (Modafinil) และอาร์โมดาฟินิล (Armodafinil) 

มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคลมหลับตื่นในเวลากลางวัน ยานี้เป็นที่นิยมใช้กับผู้ป่วยโรคลมหลับ เพราะใช้แล้วไม่รู้สึกติดยาเท่ากับยากระตุ้นประสาท และไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงเหมือนยากระตุ้นประสาทรุ่นเก่า

2. แอมเฟตามีน 

แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยากลุ่มเมทิลเฟนิเดต (Methylphenidate) ซึ่งเป็นอีกประเภทของแอมเฟตามีน หรืออนุพันธุ์ของแอมเฟตามีน เช่น Dextroamphetamine และ Lisdexamfetamine 

ยาชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการง่วงนอนมากผิดปกติในช่วงกลางวัน แต่ยากลุ่มนี้มีผลข้างเคียงให้เกิดอาการกระวนกระวาย ใจสั่น และอาจทำให้ติดยาได้ นอกจากนี้ ยังมักถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด  

3. ยาต้านเศร้ากลุ่ม SSRIs และ SNRIs 

เป็นยาที่ช่วยยับยั้งช่วงการนอนหลับแบบวงจรกล้ามเนื้อทั่วร่างกายหยุดทำงานยกเว้นหัวใจ (REM sleep) และบรรเทาอาการของภาวะผล็อยหลับ ประสาทหลอนในช่วงเคลิ้มหลับ รวมถึงอาการผีอำ เช่น ฟลูออกซินทีน (fluoxetine) และเวนลาฟาซีน (Venlafaxine)

4. ยาต้านโรคซึมเศร้ากลุ่ม Tricyclic 

เช่น โพรทริปไทลีน (Protriptyline) อิมิพรามีน (imipramine) และโคลมิพรามีน (Clomipramine) เป็นยาต้านโรคซึมเศร้ากลุ่มเก่าที่สามารถใช้รักษาภาวะผล็อยหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. โซเดียม ออกซิเบต (Sodium oxybate) 

มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะผล็อยหลับ และช่วยให้คุณภาพการนอนหลับตอนกลางคืนดีขึ้นได้อีกด้วย รวมทั้งช่วยควบคุมอาการง่วงนอนในระหว่างวันได้หากใช้ปริมาณสูง

ทั้งนี้ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือโรคอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนด้วยว่ายาที่คุณกำลังรับประทานอยู่จะส่งผลกระทบต่อการรักษาโรคลมหลับหรือทำปฏิกิริยากับยาที่แพทย์ใช้รักษาโรคลมหลับเหล่านี้หรือไม่

การดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการของโรคลมหลับ

แพทย์มักจะแนะนำให้ผู้ป่วยโรคลมหลับปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • หยุดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการบริโภคแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือบริโภคแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนอาจทำให้อาการของโรคลมหลับทรุดหนักได้
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมงก่อนเวลานอน อาจช่วยให้รู้สึกตื่นตัวระหว่างวัน และนอนหลับได้ดีขึ้นในช่วงกลางคืน
  • สร้างตารางการนอน สุดท้ายแล้ว แพทย์อาจแนะนำให้คุณพยายามเข้านอน และตื่นในเวลาเดิมทุกวัน รวมถึงในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และจัดตารางให้งีบหลับเป็นเวลาสั้นๆ ในระหว่างวัน การนอนระยะสั้นๆ เป็นเวลา 20 นาทีจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น และลดอาการง่วงได้

การนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรง ไม่อ่อนเพลีย สุขภาพจิตแย่ลง รวมถึงทำให้ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียจนล้มป่วยได้ง่ายๆ หากคุณไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้ตามปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจการนอนหลับ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


10 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Narcolepsy. Stanford Health Care (SHC) - Stanford Medical Center. (Available via: https://stanfordhealthcare.org/medical-conditions/sleep/narcolepsy.html)
Narcolepsy. NORD (National Organization for Rare Disorders). (Available via: https://rarediseases.org/rare-diseases/narcolepsy/)
Narcolepsy: Symptoms, Diagnosis, Treatment, Tips for Living With. Cleveland Clinic. (Available via: https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/12147-narcolepsy)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
เราจะสามารถเช็คว่าเป็นโรคลมหลับเบื้องต้นได้อย่างไรค่ะ และหากเป็นโรคนี้จริงจะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่ร้ายแรงไหมค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
สงสัยว่าตัวเองเป็นโรคลมหลับ ต้องไปปรึกษากับโรงพยาบาลไหนได้บ้างคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)