กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

การทานอาหารแบบ Ketogenic

เผยแพร่ครั้งแรก 12 ธ.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
การทานอาหารแบบ Ketogenic

หากคุณกำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักหรือดูแลรูปร่าง อาจจะไม่ค่อยคุ้นกับชื่อ “Ketogenic” สักเท่าไร แต่ถ้าบอกว่าเป็นการลดน้ำหนักแบบโลว์คาร์บน่าจะร้องอ๋อมาทันที ซึ่งเป็นสูตรลดน้ำหนักที่สามารถช่วยให้เราลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องอดอาหารเกือบ 100%และยังทำให้ไขมันส่วนเกินภายในร่างกายหายไปอีกด้วย

Ketogenic คืออะไร

“Ketogenic” เป็นการลดน้ำหนักด้วยวิธีรับประทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล หรืออาหารที่จัดอยู่ในหมู่คาร์โบไฮเดรตให้น้อยที่สุด แล้วเน้นการรับประทานอาหารประเภทโปรตีนควบคู่ไปกับอาหารประเภทไขมันดี (HDL -  High Density Lipoprotein) ให้ได้ประมาณ 75 – 80% เพื่อช่วยปรับระบบเผาผลาญพลังงานให้เข้าสู่สภาวะเลียนแบบการอดอาหาร จากนั้นร่างกายก็จะดึงไขมันที่เก็บสะสมไว้มาเผาผลาญเป็นพลังงานแทนน้ำตาล

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ขนมปัง "ไร้แป้ง ไร้น้ำตาล อิ่มนาน ไปรตีนสูง" อยากคุมน้ำหนัก แบบไม่อด ต้องลอง พร้อมโปร 5 ฟรี 1

ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ข้อดีของการทานอาหารแบบ Ketogenic

สูตรลดน้ำหนักนี้มีข้อดีตรงที่ร่างกายจะนำเอาไขมันไปเผาผลาญแทนแป้งและน้ำตาล ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานจากไขมันส่วนเกิน เมื่อไม่เกิดการเผาผลาญน้ำตาล ตับก็จะไม่หลั่งอินซูลินออกมาเพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือด ทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะคีโตน (Ketone) ผลลัพธ์ที่ได้คือเราไม่รู้สึกปวดศีรษะ เหนื่อยล้า หรืออ่อนเพลีย และยังช่วยให้ไขมันส่วนเกินกับน้ำหนักลดลงอีกด้วย

คำแนะนำที่ควรทราบเกี่ยวกับการทานอาหารแบบ Ketogenic

ตามหลักการของการทานอาหารแบบ Ketogenic นั้นก็คือเน้นอาหารประเภทโปรตีนและไขมัน แล้วหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล แต่อาหารประเภทไขมันนี่ล่ะที่อาจจะทำให้สุขภาพของเราแย่ลง เนื่องจากไขมันบางชนิดจะเข้าไปเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือด เพราะฉะนั้นเราจึงมีข้อมูลที่ควรทราบมาแนะนำดังนี้

  • ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้เหลือเพียงวันละ 25 – 50 กรัม
  • เน้นการรับประทานโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้ร่างกายนำไปเผาผลาญเป็นพลังงานที่ดี
  • เน้นการรับประทานไขมันชนิดดีให้ได้วันละ 70 – 80% จากอาหารที่มีกรดไขมันสายปานกลาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานให้มากขึ้น

อาหารที่เหมาะสำหรับ Ketogenic

  1. โปรตีน เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อหมูสันนอก เนื้อวัว เนื้อแกะ ปลาที่ทานได้ทั้งตัว เช่น ปลาตาเดียว ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลากะพงแดง ปลาแมกเคอเรล ไข่ไก่ ชีส ครีม ถั่วแมคคาเดเมีย ถั่วอัลมอนด์ ถั่วพิสตาชิโอ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น แต่ควรหลีกเลี่ยงถั่วลิสงเพราะมีคาร์โบไฮเดรตสูง
  2. ไขมัน ไข่แดง เนย ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาเทราต์ หอย อะโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง โดยเป็นน้ำมันที่ผ่านการสกัดเย็น และควรหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์อย่างเช่นมาการีน
  3. น้ำเปล่า ควรดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือปริมาณ 2 ลิตร เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและปรับสมดุลของร่างกาย อีกทั้งยังสามารถดื่มเครื่องดื่มประเภทชาสมุนไพรหรือกาแฟสูตรหวานน้อยได้อีกด้วย

อาหารต้องห้ามของ Ketogenic

หลักการของการทานอาหารแบบ Ketogenic คือหลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรต แต่ยังมีอาหารบางชนิดที่จัดอยู่ในประเภทคาร์โบไฮเดรตด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอาหาร 7 ชนิดดังต่อไปนี้ เนื่องจากมีส่วนประกอบหลักคือแป้งและน้ำตาลนั่นเอง

  1. เครื่องปรุงรส เครื่องปรุงรสบางชนิดมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบที่อยู่ในรูปของเดกซ์โทส อีกทั้งยังมีส่วนประกอบของแป้งที่จัดอยู่ในประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ซอสพริก ซอลมะเขือเทศ และซอสปรุงรสต่างๆ เป็นต้น ควรดูฉลากก่อนเพื่อตรวจสอบปริมาณคาร์โบไฮเดรต
  2. ผลิตภัณฑ์นม ได้แก่ นมสด นมขาดมันเนย นมโคแท้ 100% นมพาสเจอร์ไรส์ นมที่มีปริมาณไขมันต่ำ และน้ำเต้าหู้ เพราะนมมีน้ำตาลแลคโตส ซึ่งถือเป็นคาร์โบไฮเดรตด้วย
  3. คาเฟอีนจากชาและกาแฟ ควรเลือกดื่มชาและกาแฟที่เป็นสูตร Caffeine free หรือ Non caffeine เพื่อหลีกเลี่ยงสารคาเฟอีนที่จะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น
  4. สารให้ความหวาน เนื่องจากอาหารที่มีน้ำตาลจะทำให้เราเจริญอาหารมากขึ้น ที่พบบ่อยในเครื่องดื่มหวานๆ คือ ฟรุคโตส ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มน้ำตาลสังเคราะห์อย่างเช่น ซูคราโลส ไซลิทอล และสาร Agave Nectar ซึ่งอาจจะผสมอยู่ในเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่น น้ำอัดลม ขนมหวาน ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ผลไม้อบแห้ง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
  5. ผลไม้ต่างๆ ส่วนใหญ่จัดอยู่ในประเภทผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล แตงโม มะละกอก็ตาม แต่ผู้ที่กำลังทานอาหารแบบ Ketogenic ควรหลีกเลี่ยงผลไม้เหล่านี้
  6. ผักที่มีรสชาติหวาน ควรหลีกเลี่ยงผักสดที่มีน้ำตาลธรรมชาติหรือมีรสหวาน เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ และข้าวโพดอ่อน เป็นต้น
  7. ยาปฏิชีวนะบางชนิด ยาปฏิชีวนะบางชนิดที่เป็นไซรัปมักจะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบในยาด้วย อย่างเช่นยาแก้ไอหรือยาแก้อักเสบ เป็นต้น

ข้อควรระวังในการทานอาหารแบบ Ketogenic

เมื่อเราตัดสินใจที่จะลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ เมื่อทานอาหารแบบ Ketogenic ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 14 วันแล้ว ควรสลับกับการทานอาหารแบบโลว์คาร์บด้วยวิธีอื่น เพื่อป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อที่ดี อันเนื่องมาจากร่างกายดึงเอาโปรตีนจากเนื้อเยื่อมาใช้ และจะทำให้ร่างกายมีปริมาณกรดยูริกในกระแสเลือดสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคเกาต์หรือนิ่วในไตได้ อีกทั้งยังเข้าไปขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย

ดังนั้นหากเราลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตได้ระยะหนึ่งแล้ว ร่างกายจะเข้าสู่ช่วงปรับตัวจึงทำให้รู้สึกราวกับไม่มีแรงหรืออ่อนเพลียง่าย เนื่องจากร่างกายเผาผลาญไขมันจนทำให้มีสารเคมีประเภทคีโตนจำนวนมาก ซึ่งสามารถถ่ายทอดออกมาทางลมหายใจและรูขุมขนได้ จนในบางครั้งอาจจะรู้สึกว่ามีลมหายใจเหม็นนั่นเอง


4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
การกินแบบ Ketogenic - อนามัยมีเดีย. อนามัยมีเดีย. (https://multimedia.anamai.moph.go.th/help-knowledgs/ketogenic-diet/)
Should you try the keto diet?. Harvard Health. (https://www.health.harvard.edu/staying-healthy/should-you-try-the-keto-diet)
Keto Diet: What is a Ketogenic Diet?. WebMD. (https://www.webmd.com/diet/ss/slideshow-ketogenic-diet)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป