โรคเบาหวานชนิดที่ 1 คือภาวะที่ร่างกายไม่สร้างฮอร์โมนอินซูลิน อันเนื่องมาจากระบบภูมิคุ้มกันไปทำลายเซลล์ตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน ปกติแล้วจะพบในเด็กและผู้ใหญ่อายุน้อย ซึ่งจะต้องได้รับยาอินซูลินเพื่อรักษา
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 คืออะไร
โรคเบาหวานคือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าปกติ น้ำตาลกลูโคสเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ได้จากอาหารที่รับประทาน ซึ่งฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อนและทำหน้าที่นำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์สำหรับใช้เป็นพลังงาน ส่วนฮอร์โมนกลูคากอน (glucagon) เป็นฮอร์โมนที่ทำงานร่วมกับอินซูลินในการควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด
ตรวจเบาหวานวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 83%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ปกติจะต่อสู้กับเชื้อโรค จะทำลายเซลล์ในตับอ่อน ทำให้ตับอ่อนหยุดการสร้างฮอร์โมนอินซูลิน เมื่อร่างกายไม่มีอินซูลินแล้ว จะไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงานได้ ทำให้น้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าปกติ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จำเป็นต้องได้รับยาอินซูลินทุกวันเพื่อที่จะสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 มักจะพบในเด็กและในผู้ใหญ่อายุน้อย แต่ก็สามารถพบได้ทุกช่วงอายุ หากมีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคเบาหวาน จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ในสหรัฐอเมริกาพบเบาหวานชนิดที่ 1 ประมาณ 5% ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด
อาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 1
อาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะร้ายแรงและเกิดขึ้นเร็ว อาจจะใช้เวลาไม่กี่วันจนถึงสัปดาห์ โดยอาการมีดังนี้
- กระหายน้ำ และปัสสาวะบ่อย
- หิวบ่อย
- ตามัว มองภาพไม่ชัด
- อ่อนเพลีย
- น้ำหนักลดที่หาสาเหตุไม่ได้
บางครั้งอาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นสัญญาณเตือนของภาวะที่อันตรายถึงชีวิต คือภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตน ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคเบาหวาน (diabetic ketoacidosis; DKA) โดยอาการของภาวะนี้ เช่น
- ลมหายใจมีกลิ่นผลไม้
- ผิวหนังแดง หรือ แห้ง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง
- หายใจผิดปกติ หายใจลำบาก
- มึนงง สับสน
ภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตน (DKA) นี้เป็นภาวะที่ร้ายแรงและอันตราย หากคุณหรือลูกของคุณมีอาการดังกล่าวนี้ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
สาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 1
ผู้เชี่ยวชาญคิดว่าโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มีสาเหตุมาจากยีนและปัจจัยสิ่งแวดล้อม เช่น ไวรัส ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรค ปัจจุบันนักวิจัยอยู่ระหว่างศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1
ตรวจเบาหวานวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 83%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
จะวินิจฉัยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้อย่างไร
แพทย์จะวินิจฉัยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จากอาการของโรค ร่วมกับค่าระดับน้ำตาลในเลือดที่เวลาใดก็ตาม (random plasma glucose (RPG)) โดยค่านี้จะได้มาจากการเจาะเลือดผู้ป่วยที่เวลาใดๆ ก็ตาม บางครั้งอาจใช้ค่าระดับน้ำตาลสะสม (A1C) เพื่อหาระยะเวลาในการเป็นโรคเบาหวานว่าเป็นมานานเท่าไรแล้ว
ถึงแม้ว่าการทดสอบต่างๆ นี้จะช่วยยืนยันการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน แต่มันไม่สามารถบอกได้ว่าคุณเป็นโรคเบาหวานชนิดไหน การรักษาจะขึ้นกับประเภทของโรคเบาหวานที่เป็น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้ว่าคุณเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 กันแน่
ในการหาว่าคุณเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หรือไม่นั้น แพทย์อาจนำเลือดคุณไปตรวจหาสารออโต้แอนติบอดี้ (autoantibodies) ซึ่งสารออโต้แอนดิบอดี้นี้เป็นสารภูมิคุ้มกันของตัวเองที่ไปทำลายเซลล์ปกติในร่างกาย หรือที่เรียกว่าภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง การตรวจพบสารออโต้แอนติบอดี้บางชนิดจะพบได้บ่อยในเบาหวานชนิดที่ 1 แต่ไม่พบในเบาหวานชนิดที่ 2
เนื่องจากโรคเบาหวานชนิดที่ 1 สามารถพบได้ในครอบครัวเดียวกัน แพทย์อาจพิจารณาตรวจคนในครอบครัวของคุณเพื่อหาสารออโต้แอนติบอดี้ด้วย หากตรวจพบสารออโต้แอนตี้บอดี้ แต่ไม่มีอาการของโรคเบาหวาน นั่นหมายถึงบุคคลในครอบครัวนั้นมีโอกาสที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ถ้าคุณมีพี่น้อง, ลูก, หรือพ่อแม่ เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 คุณควรเข้ารับการตรวจหาสารออโต้แอนตี้บอดี้ด้วย คนที่มีน้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 ปี ที่มีลูกพี่ลูกน้อง ลุง ป้า หลาน ปู่ย่า ตายาย พี่น้องร่วมพ่อหรือแม่ เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจสารออโต้แอนตี้บอดี้
ยาสำหรับรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1
ถ้าคุณเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 คุณจะต้องได้รับฮอร์โมนอินซูลิน เพราะว่าร่างกายของคุณไม่สามารถสร้างฮอร์โมนนี้ได้ อินซูลินมีหลายชนิด แต่ละชนิดต่างกันที่ความเร็วในการออกฤทธิ์และระยะเวลาที่ยายังมีฤทธิ์อยู่ คุณอาจจำเป็นต้องได้รับอินซูลินมากกว่า 1 ชนิด คุณสามารถได้รับยาอินซูลินได้หลายวิธี เช่น ผ่านเข็มฉีดยา, ผ่านปากกาอินซูลิน, หรือผ่านเครื่องให้อินซูลิน (insulin pump)
ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ด้วยการใช้อินซูลินเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับยารักษาโรคเบาหวานเพิ่ม นอกจากนี้ยาเบาหวานคือ เมทฟอร์มิน (metformin) อาจช่วยลดปริมาณการใช้อินซูลินลงได้ แต่ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม ปัจจุบันนักวิจัยกำลังศึกษายาเบาหวานตัวอื่นๆ ที่เป็นยารับประทานสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 เพื่อใช้ร่วมกับอินซูลิน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) จะเกิดขึ้นถ้าคุณฉีดยาอินซูลิน แต่ไม่สัมพันธ์กับการรับประทานอาหารหรือกิจกรรมที่คุณทำ ซึ่งภาวะนี้หากเกิดรุนแรงจะเป็นอันตรายและต้องได้รับการรักษาทันที
ฉันจะดูแลตนเองได้อย่างไร
นอกจากการใช้อินซูลินและยาอื่นๆ คุณสามารถดูแลโรคเบาหวานของคุณได้ดังนี้ รับประทานอาหารทุกมื้อตามเวลา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจระดับน้ำตาลในเลือดของตนเองอย่างสม่ำเสมอ แนะนำให้รักษาโรคเบาหวานโดยการวางแผนร่วมกับทีมแพทย์ของท่าน เพื่อให้การรักษาเบาหวานของท่านเป็นไปอย่างดีที่สุด ถ้าคุณวางแผนจะตั้งครรภ์ คุณจะต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับเป้าหมายก่อนการตั้งครรภ์
มีการรักษาทางเลือกอื่นสำหรับเบาหวานชนิดที่ 1 หรือไม่
ในต่างประเทศมีเทคโนโลยีตับอ่อนเทียม นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเรื่องการปลูกถ่ายเซลล์ไอเลตส์ของตับอ่อน โดยเซลล์ไอเลตส์คือกลุ่มของเซลล์ในตับอ่อนที่ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งเบาหวานชนิดที่ 1 จะมีการทำลายของเซลล์นี้ ทำให้ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้ การปลูกถ่ายเซลล์ไอเลตส์นี้จะนำเซลล์นี้จากตับอ่อนของผู้บริจาคเข้ามาปลูกถ่ายในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 แต่วิธีนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา
โรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากโรคเบาหวานชนิดที่ 1
เมื่อเวลาผ่านไป ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปจะส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา เช่น
- โรคหัวใจ
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคไต
- ปัญหาที่ดวงตา การมองเห็น
- โรคในช่องปาก
- ความเสียหายต่อเส้นประสาท
- ปัญหาที่เท้า แผลที่เท้า
- ซึมเศร้า
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ถ้าคุณเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 คุณสามารถป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนได้ โดยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมความดันโลหิตและไขมันคอเลสเตอรอล และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
ฉันจะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้อย่างไร
ณ ปัจจุบัน โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ไม่สามารถป้องกันได้ อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาถึงแนวทางในการป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคนี้อยู่
https://www.niddk.nih.gov/health-information/diabetes/overview/what-is-diabetes/type-1-diabetes