โรคเบาหวาน เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน แบ่งเป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ โรคเบาหวานชนิดที่ 1 และโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเกิดจากร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) หรือผลิตได้ไม่เพียงพอ
ฮอร์โมนอินซูลิน ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณของน้ำตาลกลูโคสในเลือด โดยการช่วยให้ตับ กล้ามเนื้อ และเซลล์ไขมันดูดซึมน้ำตาลเข้าไป เมื่อไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคสในเลือดไปใช้จึงเกิดการสะสม ส่งผลให้ค่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนส่งผลเสียต่อร่างกายตามมา หรือเป็นโรคเบาหวานนั่นเอง
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 คืออะไร?
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เคยรู้จักในชื่อโรคเบาหวานชนิดที่ต้องใช้อินซูลิน (Insulin dependent diabetes) หรือ โรคเบาหวานในเด็ก (Juvenile Onset Diabetes) เนื่องจากมักพบในเด็ก
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 พบได้ 5% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งหมด อ้างอิงจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (Centers for Disease Control and Prevention: CDC)
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดเมื่อร่างกายผลิตอินซูลินได้น้อย หรือไม่ได้เลย ถือเป็นความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกัน หมายความว่า ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดพลาด เข้าโจมตี และทำลาย Beta cells ของตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดแน่ชัด
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 กับชนิดที่ 2 แตกต่างกันอย่างไร?
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ตับอ่อนจะไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ซึ่งเกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายนั้นเข้าโจมตีตับอ่อน และทำลายเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างอินซูลิน
ในขณะที่เบาหวานชนิดที่ 2 นั้น ตับ กล้ามเนื้อ และเซลล์ไขมันไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน หรือเรียกว่า "ภาวะดื้อต่ออินซูลิน" ทำให้น้ำตาลกลูโคสไม่สามารถเข้าสู่เซลล์เหล่านี้ได้ดีเท่าเดิม และไปสะสมอยู่ในกระแสเลือด
ในโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ตับอ่อนจะตอบสนองต่อระดับน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นด้วยการสร้างอินซูลินออกมามากขึ้น แต่ไม่สามารถสร้างออกมาได้มากพอที่จะจัดการกับระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดในช่วงที่สูงที่สุดได้ ซึ่งพบในช่วงหลังรับประทานอาหาร
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ซึ่ง CDC ได้กล่าวว่า โรคเบาหวานชนิดที่ 2 พบมากถึง 90-95% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งหมด
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1 แต่มีข้อสันนิษฐานว่า ผู้ป่วยโรคนี้อาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการทำลาย Beta cell ของตับอ่อน ซึ่งทำให้สูญเสียความสามารถในการผลิตอินซูลิน
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่เป็นไปได้ประกอบด้วย
- พันธุกรรม
- ประวัติครอบครัว
- ภาวะขาดวิตามินดี
- เริ่มดื่มนมวัวเร็วเกินไป
- โรคทางระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ เช่น โรคที่ต่อมไทรอยด์ โรคแอดดิสัน (Addison’s disease) โรคเซลิแอค (Celiac Disease) และ Autoimmune gastritis
- ติดเชื้อไวรัสในช่วงวัยเด็ก
- การเริ่มอาหารประเภทซีเรียล และกลูเตนเร็วเกินไป (ก่อย 4 เดือน) หรือช้าเกินไป (หลัง 7 เดือน)
- ขณะคลอด มารดามีอายุมาก หรือมีภาวะครรภ์เป็นพิษ
จะรู้ได้อย่างไรว่า เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1
ทุกคนสามารถเป็นโรคเบาหวานโดยที่ไม่รู้ตัวได้ เนื่องจากบางครั้งอาการแสดงไม่ชัดเจน โดยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 สามารถเกิดได้ทั้งแบบฉับพลัน และแบบค่อยเป็นค่อยไป
เวลาที่ผู้ป่วยเพิ่งเริ่มเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 พวกเขามักจะมีอาการดังต่อไปนี้
- ปัสสาวะบ่อย เนื่องจากร่างกายพยายามกำจัดน้ำตาลกลูโคสส่วนเกินโดยการขับออกทางปัสสาวะ
- ดื่มน้ำมากขึ้น เพื่อชดเชยสารน้ำที่เสียไปทางปัสสาวะ
- กินเยอะ เนื่องจากร่างกายต้องการพลังงานชดเชยพลังงานที่ไม่ได้รับจากน้ำตาล (ไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลได้)
- น้ำหนักลด เนื่องจากร่างกายเริ่มนำไขมัน และกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงาน
- รู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลา
- เด็กผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวาน อาจมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อราที่ช่องคลอด ก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคเบาหวาน
หากไม่สามารถสังเกตพบอาการเหล่านี้ และไม่ได้รับการรักษา จะมีการสะสมสารเคมีในเลือดที่ทำให้ร่างกายมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจและอาจหมดสติได้ แพทย์เรียกภาวะนี้ว่า ภาวะคิโตซิส (Diabetic Ketoacidosis: DKA)
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อย่างไรก็ตาม การเข้ารับการรักษาจะช่วยควบคุม หรือหยุดอาการเหล่านี้ได้ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาแทรกซ้อนในระยะยาว ซึ่งแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้จากการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด
การพยากรณ์โรคเบาหวานชนิดที่ 1
โดยทั่วไป ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะมีอายุขัยสั้นลง อ้างอิงจากการศึกษาในวารสาร Journal of the American Medical Assocation (JAMA) ปี 2015 พบว่า ผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะมีอายุขัยสั้นกว่าผู้ชายที่ไม่ได้เป็นโรค 11 ปี และในผู้หญิงจะสั้นลง 13 ปี
แต่การประมาณอายุขัยนั้นขึ้นอยู่กับการควบคุมระดับน้ำตาลและตัวโรคด้วย
นอกจากนี้จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งได้รับการรักษาอย่างเข้มงวดเป็นเวลา 6.5 ปี จะสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตโดยรวมได้
การใช้ชีวิตร่วมกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะต้องใส่ใจการรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิตมากกว่าคนปกติทั่วไป ดังนี้
- ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดวันละหลายๆ ครั้ง
- ฉีดยาอินซูลินให้กับตัวเอง หรือใช้ปั๊มอินซูลิน
- รับประทานอาหารที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพ นับปริมาณน้ำตาลและแป้งในอาหารที่รับประทาน และระยะเวลาระหว่างมื้ออาหาร
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาล และป้องกันการเกิดปัญหาในระยะยาวเช่นโรคหัวใจ
- ติดตามกับแพทย์และทีมรักษาเป็นประจำ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี และได้รับการรักษาสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น
บางครั้งผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจจะรู้สึกว่า ตัวเองแตกต่างจากคนอื่น เนื่องจากพวกเขาต้องฉีดยาอินซูลิน คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองกิน และต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดทุกๆ วัน
ผู้ป่วยวัยรุ่นบางคนอาจจปฏิเสธว่า ตัวเองไม่ได้เป็นโรค พวกเขาอาจจะคิดว่า หากไม่สนใจมันก็โรคจะหายไปเอง อาจจะรู้สึกโกรธ เศร้า หรือรู้สึกว่า พ่อแม่เจ้ากี้เจ้าการกับการควบคุมโรคเบาหวาน
หากคุณเป็นโรคเบาหวานไม่ว่าจะชนิดใดก็ตาม มันเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกว่า เหมือนโลกนั้นพลิกคว่ำ แต่อย่างน้อยทีมแพทย์นั้นสามารถให้คำตอบ และการสนับสนุนได้ ดังนั้นอย่าลังเลที่จะถามแพทย์
นอกจากนี้ คุณควรขอความช่วยเหลือจากกลุ่มคนที่คุณสามารถพูดคุยแสดงความรู้สึกได้ และทำความเข้าใจว่าพวกเขาอยู่ร่วมกับโรคนี้ได้อย่างไร
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 นั้นเป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับ แต่เด็ก หรือวัยรุ่นที่เป็นโรคเบาหวานชนิดนี้ก็ยังคงสามารถเล่นกีฬา ท่องเที่ยว ออกเดท ไปโรงเรียน และทำงานได้เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ หากดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม
ดูแพ็กเกจตรวจเบาหวาน เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
เราป่วยเป็นโรคความดัน และเบาหวานรับยาต่อเนื่อง