กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

ไอเรื้อรัง เรื่องน่ากังวลที่ไม่ควรปล่อยไว้

เผยแพร่ครั้งแรก 25 มิ.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 2021 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
ไอเรื้อรัง เรื่องน่ากังวลที่ไม่ควรปล่อยไว้

อาการไอ เป็นการตอบสนองของร่างกายเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ เช่น เชื้อโรค เสมหะ และฝุ่นควัน เมื่อสิ่งแปลกปลอมถูกกำจัดหมดไปอาการไอก็จะหายไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งส่วนมากจะใช้เวลาไม่เกิน 3-4 สัปดาห์ แต่หากใครที่ไอติดต่อกันเป็นเดือนๆ คงรู้สึกกังวลใจไม่น้อยเลยจริงไหม? เพราะนอกจากจะหวั่นวิตกว่า “นี่ฉันป่วยเป็นอะไร?” บางครั้งยังทำให้เรารำคาญใจ และอาจเป็นที่รังเกียจของคนรอบข้างอีกต่างหาก ... เรามาดูกันดีกว่าว่า ไอเรื้อรัง เกิดจากอะไรบ้าง และเราจะรักษาได้อย่างไร

ไอเรื้อรัง (Chronic cough) คืออาการไอที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันนานกว่า 8 สัปดาห์ ซึ่งอาจเป็นการไอแบบแห้งๆ ไอมีเสมหะ หรือการไอที่มาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ เสียงแหบ มีไข้ หายใจติดขัด แสบร้อนหน้าอก และไอเป็นเลือด ซึ่งลักษณะการไอที่แตกต่างกันเหล่านี้ ก็เกิดจากสาเหตุที่ต่างกันไป

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ยุค New Normal สุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนใส่ใจมากยิ่งขึ้น

ถ้าเริ่มมีอาการเจ็บคอ คันคอ ระคายคอ หรือมีเสมหะ เหนียวคอ มาดู 5 วิธี บรรเทาง่ายๆ ได้ผล อย่ารอให้เป็นหนัก

ไอเรื้อรัง อันตรายหรือไม่?

อาการไอเรื้อรังโดยที่เราไม่ทราบสาเหตุ นับเป็นความผิดปกติที่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อสืบหาต้นสายปลายเหตุ โดยเฉพาะเมื่อการไอเรื้อรังของเรามีอาการเหล่านี้พ่วงมาด้วย...

  • ไอเป็นเลือดสดๆ หรือเสมหะมีเลือดปน
  • เบื่ออาหาร
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • หอบเหนื่อยง่าย
  • เกิดปอดอักเสบบ่อยครั้ง

สาเหตุของอาการไอเรื้อรัง

สาเหตุหรือความผิดปกติที่ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรังนั้นมีอยู่มากมาย เช่น

การรักษาอาการไอเรื้อรัง

การรักษาอาการไอเรื้อรัง จะต้องตรวจหาสาเหตุของอาการและรักษาความผิดปกตินั้น เช่น

  • หากมีเสมหะไหลลงคอ หรือเสมหะปิดกั้นทางเดินหายใจ มักรักษาด้วยยาแก้แพ้ (Antihistamine) ยา Chlorpheniramine หรือยา Fluticasone รวมถึงอาจใช้ยาพ่น Ipratropium เพื่อทำให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้นด้วย
  • หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียจนเกิดปอดบวมหรือหลอดลมอักเสบ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อที่เป็นต้นเหตุ
  • หากคนไข้เป็นโรคหอบหืด จะต้องรักษาด้วยยาพ่นเพื่อขยายหลอดลม หรือใช้สเตียรอยด์เพื่อบรรเทาความอักเสบที่หลอดลม
  • หากเป็นโรคกรดไหลย้อน คนไข้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการทานอาหาร เช่น ไม่นอนหลังทานอาหารอิ่ม และงดอาหารที่เป็นกรดสูง อย่างน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ หรืออาหารรสจัด นอกจากนี้อาจรักษาด้วยยา เช่น ยา Omeprazole และ Ranitidine
  • หากพบว่าป่วยเป็นวัณโรค แพทย์อาจรักษาด้วยยา Isoniazid ยา Rifampicin หรือยา Streptomycin เพื่อกำจัดเชื้อก่อโรค ร่วมกับการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง

นอกจากนี้ หากอาการไอรุนแรงจนรบกวนชีวิตประจำวัน แพทย์อาจให้ยาระงับอาการไอ เช่น Codeine และบางครั้งเราอาจทานยาอมหรือยาน้ำแก้ไอ เพื่อช่วยให้รู้สึกชุ่มคอ และช่วยบรรเทาอาการไอได้ระยะหนึ่ง

การป้องกันอาการไอเรื้อรัง

  • งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นควัน มลพิษ
  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค ปอดบวม หลอดลมอักเสบ เพื่อป้องกันการติดโรค
  • ในผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้
  • ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยการทานผักผลไม้ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ

28 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Patient education: Chronic cough in adults (Beyond the Basics). UpToDate. (https://www.uptodate.com/contents/chronic-cough-in-adults-beyond-the-basics)
Chronic Cough: Causes, Treatment, and More. Healthline. (https://www.healthline.com/health/chronic-cough)
Chronic Cough: Causes, symptoms, and treatment. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/321597)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)