คือถ่ายแล้วมีเลือดออกหลังถ่ายอะคะ แต่ถ่ายไม่ค่อยเป็นก้อนนะคะ เคยเป็นเมื่อหลานปีมาแล้วครั้งนั้นเลือดออกมาด้วยเลย เยอะมาก มาครั้งนี้นี้ เลือดออกหลังถ่ายคะ ซับๆดูออกไม่เยอะมากคะ มันคืออาการของคิดสีดวงรึป่าวคะ แบบนี้

สวัสดีค่ะ อาการถ่ายเป็นเลือดไม่ได้เกิดจากโรคริดสีดวงเพียงโรคเดียวค่ะ อาจคิดถึงได้จากหลายสาเหตุ เช่น
-โรคริดสีดวงทวาร ถ่ายเป็นเลือด อาจมีติ่งเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนัก หรือเจ็บบริเวณทวารหนัก มีประวัติท้องผูกเรื้อรัง
-อุจจาระแข็งทำให้ทวารหนักเกิดแผลฉีกขาดจนเลือดติดอุจจาระ เลือดมักออกไม่มาก มีอาการเจ็บบริเวณแผลที่ฉีกขาด
-ติดเชื้อโรคบิด มักถ่ายเหลวเป็นมูกเลือด มีกลิ่นเหม็นมาก
-เลือดออกในทางเดินอาหาร เช่นกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ โดยถ้าเลือดสีคล้ำหรือดำมักมาจากกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก ส่วนเลือดสีสดมักมาจากลำไส้ใหญ่
-มะเร็งลำไส้ใหญ่ค่ะ โดยมักเกิดกับคนสูงอายุ อาจมีอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
-โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ มีถ่ายเป็นเลือด คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องอืด ปวดท้อง มีไข้ได้
หรืออาจเป็นจากโรคอื่นๆนอกจากนี้ที่พบได้น้อยได้ ยังไงควรไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโดยแพทย์จะซักประวัติอย่างละเอียด ตรวจร่างกาย และอาจตรวจพิเศษเพิ่มค่ะ

สวัสดีครับ
อาการถ่ายอุจจาระมีเลือดปนออกมานั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- มีแผลที่ทวารหนัก สาเหตุมักเกิดจากมีการถ่ายอุจจาระออกมาเป็นก้อนแข็งไปเสียดสีกับบริเวณทวารหนัก ทำให้เกิดเป็นแผล และมีอาการเจ็บมีเลือดออกตามมาได้
- ริดสีดวงทวาร สาเหตุเกิดจากหลอดเลือดดำในทวารหนักโป่งพองตัวออก มักสัมพันธ์กับการเบ่งถ่ายอุจจาระบ่อยๆ จะทำให้คลำพบก้อนที่ยื่นเข้าออกจากรูทวารหนักได้ และอาจถ่ายเป็นเลือดสดปนออกมาในอุจจาระได้
- ลำไส้อักเสบ จะทำให้มีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลว และถ่ายมีมูกเลือดปนได้
- แผลในทางเดินอาหาร จะทำให้ถ่ายอุจจาระออกมาเป็นสีดำหรือแดงสดก็ได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่มีเลือดออก ยิ่งเลือดออกใกล้ทวารหนักมากสีเลือดก็จะยิ่งมีสีแดงสดมาก

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

การถ่ายอุจจาระเป็นเลือดเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ
ยกตัวอย่างเช่น
-ริดสีดวงทวารหนัก
-ฝีรูทวารหนัก
-มีแผลฉีกขาดที่รูทวารหนัก
-ลำไส้ใหญ่อักเสบ
-มีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่หรือรูทวารหนัก หรือพึ่งมีการกำจัดติ่งเนื้อนั้นออกไป
-มะเร็งลำไส้ใหญ่
-ภาวะลำไส้ใหญ่ขาดเลือด
-มีเลือดออกในทางเดินอาหาร เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่
-เส้นเลือดโป่งพองในทาเงดินอาหาร
-การแข็งตัวของเลือดมีความผิดปกติ
เป็นต้นครับ การบอกแค่ว่าถ่ายเป็นเลือดอย่างเดียว อาจจะบอกสาเหตุยังไม่ได้ จะต้องมีการตรวจร่างกายเพิ่มเติม โดยเฉพาะการตรวจบริเวรูทวารหนัก เพื่อดูรอยโรคที่เกิดขึ้น และอาจจะต้องมีการส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจอุจจาระ การX-ray การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ หรือการส่องกล่อง

ส่วนริดสีดวงทวาร ก็ถือเป็นโรคที่พบได้บ่อยเช่นกัน ในผู้ที่มีประวัติว่าถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
โดยมักมีสีแดงสด เคลือบอุจจาระออกมา ไม่จำเป็นต้องถ่ายแข็งเสมอไป อุจจาระนิ่มแล้วถ่ายเป็นเลือดได้เช่นกัน หรือบางคนมักเจอเลือดหยดออกมาหลังจากอุจจาระเสร็จแล้ว มักเกิดในคนที่ชอบมีประวัติว่าท้องผูกเป็นประจำ หรือรับประทานผักและผลไม้น้อย ทานอาหารที่มีกากใบน้อย ดื่มน้ำน้อย เป็นต้น

โดยภาวะริดสีดวงทวารหนัก จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะดังนนี้
ระยะที่ 1 คือเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระก็จะปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมา มีริดสีดวงอยู่ข้างในไม่สามารถมองเห็นหรือรู้สึกได้
ระยะที่ 2 คือมีอาการมากขึ้น หัวริดสีดวงทวารโตมากขึ้น โผล่ออกมาพ้นทวารหนัก เวลาเบ่งอุจจาระก็จะออกมาให้เห็นมากขึ้น แต่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง
ระยะที่ 3 คืออาการุนแรงมากยิ่งขึ้น มีก้อนยื่นออกมา แต่ไม่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง จะต้องใช้มือดันช่วยให้หดกลับเข้าไป
ระยะที่ 4 คือ ริดสีดวงโตมากขึ้นแล้ว มองเห็นได้จากภายนอกอย่างชัดเจน เกิดอาการบวม อักเสบ อาการแทรกซ้อน ก้อนค่อนข้างใหญ่ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ เป็นต้น

สำหรับวิธีการรักษาของริดสีดวงทวารหนัก นั้นขึ้นกับระยะและความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ในเบื้องต้นแพทย์จะพิจารณาให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียก่อนครับ เช่น
-อย่าให้ท้องผูก กินผักผลไม้มาก เพิ่มอาหารที่มีกากใยสูง หรือถ้ายังท้องผูกอีก อาจใช้ยาระบายช่วยในการขับถ่าย
-ควรดื่มน้ำมากๆ
-ถ้าปวดมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
-นั่งแช่ในน้ำอุ่นวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที
-ใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวารจนอาการบรรเทาปกติใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน
-วิธ๊การรักษาอื่นๆ เช่น การฉีดยาเข้าไปทีห่ัวริดสีดวงทวารให้ฝ่อลง, การใช้ยารัดหัวริดสีดวง, การใช้เลเซอร์ และการผ่าตัดเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อความถูกต้องในการวินิจฉัยและการรักษา แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายเพิ่มเติมก่อนนะครับ

ถ่ายเป็นเลือด สามารถเป็นได้หลายอย่างครับ
ถ้าเป็นเลือดสด/ลิ่มเลือด ส่วนใหญ่จะเป็นโรคของทางเดินอาหารส่วนล่างและทวารหนักครับ เช่น ลำไส้ติดเชื้อ ลำไส้อักเสบ ก้อนเนื้อ/ตื่งเนื้อบริเวณลำไส้ ริดสีดวงทวาร แผลบริเวณรูทวาร เป็นต้นครับ
ถ้าเป็นเลือดสีดำคล้ายยางมะตอย มีกลิ่นเหม็น ส่วนใหญ่จะเป็นโรคของทางเดินอาหารส่วนบน เช่น แผลที่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น เนื้องอก หรือโรคของหลอดเลือดผิดปกติ เป็นต้นครับ
แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ครับ เพื่อซักประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียดครับ เพราะแต่ละโรคมีความรุนแรงและเร่งด่วนต่างกันครับ