ลำไส้ตรงเป็นส่วนสุดท้ายของลำไส้ใหญ่ก่อนที่จะถึงรูทวารหนัก (รูเปิดที่อุจจาระออกมาภายนอกร่างกาย) ส่วนลำไส้ตรงปลิ้น (Rectal prolapse) เป็นภาวะที่เกิดเมื่อลำไส้ตรงบางส่วน หรือทั้งหมดมีการเคลื่อนตัวออกมาภายนอกทวารหนัก
ภาวะ Rectal prolapsed เป็นภาวะที่ทำให้เกิดความไม่สบายตัวและได้รับการรักษาเพื่อแก้ไข
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ภาวะนี้มักเกิดขึ้นกับใคร?
Rectal prolapse เป็นภาวะที่พบได้น้อย โดยพบได้ในประชากรน้อยกว่า 3 คนใน 100,000 คน แม้จะสามารถเกิดได้กับทุกช่วงอายุ แต่มักพบในเด็กเล็กและพบในผู้ใหญ่เพศหญิงมากกว่าเพศชาย
ทั้งนี้ความเสี่ยงของภาวะ Rectal prolapsed นี้ จะเพิ่มมากขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น ส่วนการเกิดภาวะนี้ในผู้ชายนั้นค่อนข้างคงที่
ภาวะนี้เกิดจากอะไร?
มีหลายปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดภาวะนี้ได้ แต่ส่วนมากมักเกิดจากภาวะอ้วน ขับถ่ายน้อย หรือท้องผูก แต่ก็อาจจะเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างและกล้ามเนื้อบริเวณรอบทวารหนัก ไส้ตรง และกระบังลมได้
การตั้งครรภ์และความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการคลอดก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะนี้ได้
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด rectal prolapse
- ท้องผูกเรื้อรัง (ขับถ่ายลำบาก และถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์)
- ท้องเสียเรื้อรัง (ถ่ายเหลว หรือถ่ายเป็นน้ำที่มากกว่า 3 ครั้งต่อวันเป็นประจำ)
- มีประวัติเบ่งถ่ายเป็นเวลานาน
- กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง
- ประวัติการผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน
- เคยคลอดทางช่องคลอดมาก่อน
อาการของ rectal prolapse
- มีเนื้อเยื่อสีแดงยื่นออกมานอกรูทวารหนัก (เนื้อเยื่อนี้อาจมีเลือดออก หรือมีมูก และสามารถเคลื่อนกลับเข้าไปในร่างกายได้ด้วยตนเอง หรืออาจจะค้างอยู่ภายนอกทวารหนักก็ได้)
- ความรู้สึกไม่สบายตัว เช่น รู้สึกว่ามีบางอย่างหลุดออกมา หรือรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนลูกบอล
- มีปัญหาในการเริ่มถ่าย
- รู้สึกว่าถ่ายไม่สุด
- ไม่สามารถกลั้นอุจจาระได้
การรักษาภาวะไส้ตรงปลิ้น
แพทย์จะเป็นผู้กำหนดว่า จะใช้หัตถการแบบไหนในการรักษาอาการดังกล่าว โดยทั่วไป การรักษาขั้นแรกของภาวะนี้คือ "การผ่าตัด" เป้าหมายคือ การซ่อมแซมบริเวณที่มีการปลิ้นและป้องกันไม่ให้กลับเป็นซ้ำ
สำหรับการเลือกทำหัตถการด้วยวิธีผ่าตัดต้องพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้ ได้แก่ อายุ โรคประจำตัว ประวัติสุขภาพ เช่น เคยมีปัญหาเรื่องท้องผูกเรื้อรังมาก่อนหรือไม่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หลังจากการผ่าตัด อาการอื่นๆ ที่เกิดร่วมกับภาวะนี้ควรจะหายไปด้วยเช่นกัน โดยส่วนมากแล้วผู้ป่วยมักพบว่าภาวะกลั้นอุจจาระไม่ได้นั้นดีขึ้น
การผ่าตัดสำหรับโรค rectal prolapse
มีวิธีการผ่าตัด 2 วิธีที่มักใช้รักษาภาวะนี้
วิธีที่ 1 Abdominal repair เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะ rectal prolapsed ผ่านทางหน้าท้อง มักจะมีแผลผ่าตัดเล็กๆ หลายรอยบริเวณท้องน้อย แพทย์จะทำการดึงลำไส้ตรงกลับขึ้นไปในร่างกายและยึดลำไส้ไว้กับกระดูกชิ้นเล็กๆ บริเวณหลังส่วนล่าง เพื่อไม่ให้มีการยื่นกลับออกมาอีก
วิธีที่ 2 Rectal repair การผ่าตัดชนิดนี้จะทำผ่านรูทวารหนักแทนการเปิดแผลบริเวณหน้าท้อง เป็นการผ่าตัดที่นิยมทำให้ผู้ป่วยสูงอายุที่มีโรคประจำตัวมาก ทั้งนี้วิธีในการทำ rectal repair ที่ใช้บ่อย 2 วิธีคือ
- Altemeier วิธีนี้แพทย์จะทำการตัดลำไส้ตรงบางส่วนที่ยื่นออกมาภายนอกรูทวารหนักออก ก่อนที่จะดันลำไส้ตรงส่วนที่เหลือกลับเข้าสู่ร่างกายและยึดกับด้านในของทวารหนัก
- Delorme วิธีนี้แพทย์จะทำการตัดเยื่อบุด้านในของลำไส้ตรงที่ยื่นออกมาออก ก่อนจะทำการพับเยื่อบุส่วนนอกและเย็บกลับขึ้นไปเพื่อไม่ให้ยื่นออกมาอีก
การรักษา Rectal prolapse โดยใช้วิธีอื่น
- ยาระบาย เพื่อลดอาการเบ่งถ่าย
- การสวนอุจจาระ
- การออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหรือที่เรียกว่า "การออกกำลังกายแบบ Kegel" เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อที่ควบคุมการขับถ่าย
- การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง (มีเส้นใยอาหารอย่างน้อย 25-30 กรัมต่อวัน)
- การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวัน
- การพักผ่อนให้เพียงพอ
- การหลีกเลี่ยงความเครียด
แม้ภาวะ Rectal prolapsed จะไม่ใช่โรค แต่ก็อาจสร้างความรำคาญ ไม่สบายใจ วิตกกังวล หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้
ดังนั้นหากตรวจพบว่า มีความผิดปกติบริเวณดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยแยกระหว่างโรคริดสีดวงทวารกับภาวะนี้ จาก นั้นจะได้ทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
อยากทราบเกี่ยวกับโรคฝีคันทสูตรค่ะ เพราะคอนนี้เป็นอยู่ มีแนวทางการรักษาแบบไหน หรือต้องผ่าตัดอย่างเดียว