เวลาเป็นประจำเดือนมักมีอาการปวดที่ก้น ปวดแบบสะดุ้งเหมือนเป็นตะคริว บางครั้งขยับไม่ได้เลย อยู่ท่าไหนต้องท่านั้น ผิดปกติไหมคะ

สวัสดีครับ
อาการปวดในขณะที่มีประจำเดือนนั้นเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะในช่วงวันแรกๆของการมีประจำเดือนครับ แต่ถ้าหากอาการปวดนั้นรุนแรงหรือเกิดขึ้นบ่อยๆ หมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมก่อนเนื่องจากอาจมีความผิดปกติบางอย่างซ่อนอยู่ได้ เช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกมดลูก เพราะถ้าหากตรวจพบความผิดปกติเหล่านี้ก็ควรได้รับการรักษาที่เหมาะสมไปตามสาเหตุครับ

อาการเวลามีประจำเดือนของแต่ละคน จะมีอาการแตกต่างกันไปค่ะ เช่น บางคน ปวดท้อง บางคน ปวดหัว บางคน ท้องเสีย ปวดเมื่อยตามตัวก็มีค่ะ

อย่างไรก็ตาม แนะนำ พบแพทย์ เพื่อตรวจภายใน นะคะ เพื่อตัดสาเหตุที่อาจมีอันตราย เช่น ก้อน หรือ ถุงน้ำรังไข่

ถ้าตรวจแล้วปกติดี จะได้สบายใจ การรักษา ก็ใช้ยา รักษาตามอาการเอาค่ะ

สวัสดีค่ะ
อาการปวดประจำเดือนจะเกิดจากมดลูกหดรัดตัวทำให้เกิดอาการปวดบริเวณท้องน้อยซึ่งสามารถพบได้ในผู้หญิง เป็นการปวดที่พบได้บ่อย ปกติแล้วจะปวดได้ในช่วงที่มีประจำเดือน และมักปวดไม่มาก ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ซึ่งสามารถบรรเทาอาการได้โดยการประคบอุ่นและใช้ยาแก้ปวดร่วมด้วย เช่น พาราเซตามอล ยากลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen, Mefenamic acid, Naproxen เป็นต้น แต่หากมีอาการปวดมากจนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือทำให้ต้องพักงาน ปวดจนทนไม่ไหวทุกเดือน ปวดรุนแรงมากขึ้น กรณีที่เล่ามามีอาการปวดที่ก้น ปวดแบบสะดุ้งเหมือนเป็นตะคริว บางครั้งขยับไม่ได้เลย แบบนี้ก็ควรไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไปค่ะ สำหรับสาเหตุของการปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ เป็นการปวดประจำเดือนที่แพทย์ตรวจพบพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกรานร่วมด้วยค่ะ เช่น
-มีเนื้องอกมดลูก
-เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่
-มีพังผืดในช่องท้อง
-ใส่ห่วงอนามัยหรือห่วงคุมกำเนิด
-มดลูกย้อยไปด้านหลังมาก
-ปีกมดลูกอักเสบเรื้อรัง
เป็นต้นค่ะ

สวัสดีครับ
อาการดังกล่าว อาจเป็นอาการปวดประจำเดือนครับ

อาการปวดประจำเดือน มีสาเหตุการเกิดสองแบบ ได้แก่
>>แบบแรก คือ เกิดจากการหดตัวของมดลูก เพื่อขับเลือดประจำเดือน สามารถเกิดได้เป็นปกติครับ โดยอาการอาจจะเกิดขึ้น ก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน และในช่วงการมีประจำเดิอน โดยเฉพาะ 12-72 ชมแรกครับ
อาการปวด จะปวดแบบบีบๆ เหนือหัวหน่าว บางคนอาจร้าวไปหลังได้ด้วย และร่างกาย อาจหลั่งสารความเจ็บปวดออกมา ทำให้มีอาการตามระบบร่วมด้วย เช่น ปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศรีษะ ท้องเสียถ่ายเหลว เป็นต้นครับ

>>แบบที่สอง คือ การปวดประจำเดือนทีมีสาเหตุมาจากความผิดปกติขอวระบบสืบพันธ์สตรีอื่นๆ เช่น
- เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่
- เนื้องอก ในมดลูก
- -โรคของรังไข่ เช่น ชอคโกแลตซีส ถุงน้ำรังไข่ PCOS เป็นต้น
- การติดเชื้อ เป็นต้น
ผู้ป่วยอาจประสบปัญหา เช่น ปวดมากจนรบกวนการเรียน / การทำงาน ปวดจนพักไม่ได้ ปวดนานไม่หาย ปวดข้างใดข้างหนึ่งของท้องน้อยมากกว่าปกติ คลำได้ก้อนหรือ มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุตรยาก หรือมีตกขาวผิดปกติได้ครับ

คำแนะนำเบื้องต้น เมื่อมีประจำเดือนและมีอาการปวดประจำเดือนคือ
1.ทานน้ำมากๆ
2.ยาแก้ปวดที่ช่วยได้ เช่น mefenamic acid หรือ ponstan , diclofenac , ibuprofen , พาราเซตามอล เป็นต้น
3.การประคบอุ่น หรือ การใช้ถุงน้ำร้อน
4.พักผ่อนมากๆ
5.พยายามไม่มีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดิอน เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อต่างๆได้ง่ายครับ
หากมีอาการผิดปกติ ที่หมอกล่าวไป ที่อาจมีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติที่จะทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนแบบที่สอง ได้แก่ ปวดมากจนรบกวนการเรียน / การทำงาน ปวดจนพักไม่ได้ ปวดนานไม่หาย มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุตรยาก หรือมีตกขาวผิดปกติ ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน หรือส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมครับ
การรักษาจะเป็นไปตามสาเหตุครับ เช่น การให้ยาปรับฮอร์โมน การผ่าตัด เป็นต้นครับ