July 22, 2019 06:19
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
ถ้าเป็นไม่มาก อาจเป็นเพียงอาการหนึ่งของการปวดประจำเดือนได้ครับ
อาการปวดประจำเดือน มีสาเหตุการเกิดสองแบบ ได้แก่
>>แบบแรก คือ เกิดจากการหดตัวของมดลูก เพื่อขับเลือดประจำเดือน สามารถเกิดได้เป็นปกติครับ โดยอาการอาจจะเกิดขึ้น ก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน และในช่วงการมีประจำเดิอน โดยเฉพาะ 12-72 ชมแรกครับ
อาการปวด จะปวดแบบบีบๆ เหนือหัวหน่าว บางคนอาจร้าวไปหลังได้ด้วย และร่างกาย อาจหลั่งสารความเจ็บปวดออกมา ทำให้มีอาการตามระบบร่วมด้วย เช่น ปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศรีษะ ท้องเสียถ่ายเหลว เป็นต้นครับ
>>แบบที่สอง คือ การปวดประจำเดือนทีมีสาเหตุมาจากความผิดปกติขอวระบบสืบพันธ์สตรีอื่นๆ เช่น
- เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่
- เนื้องอก ในมดลูก
- -โรคของรังไข่ เช่น ชอคโกแลตซีส ถุงน้ำรังไข่ PCOS เป็นต้น
- การติดเชื้อ เป็นต้น
ผู้ป่วยอาจประสบปัญหา เช่น ปวดมากจนรบกวนการเรียน / การทำงาน ปวดจนพักไม่ได้ ปวดนานไม่หาย ปวดข้างใดข้างหนึ่งของท้องน้อยมากกว่าปกติ คลำได้ก้อนหรือ มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุตรยาก หรือมีตกขาวผิดปกติได้ครับ
คำแนะนำเบื้องต้น เมื่อมีประจำเดือนและมีอาการปวดประจำเดือนคือ
1.ทานน้ำมากๆ
2.ยาแก้ปวดที่ช่วยได้ เช่น mefenamic acid หรือ ponstan , diclofenac , ibuprofen , พาราเซตามอล เป็นต้น
3.การประคบอุ่น หรือ การใช้ถุงน้ำร้อน
4.พักผ่อนมากๆ
5.พยายามไม่มีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดิอน เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อต่างๆได้ง่ายครับ
หากมีอาการผิดปกติ ที่หมอกล่าวไป ที่อาจมีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติที่จะทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนแบบที่สอง ได้แก่ ปวดมากจนรบกวนการเรียน / การทำงาน ปวดจนพักไม่ได้ ปวดนานไม่หาย มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุตรยาก หรือมีตกขาวผิดปกติ ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน หรือส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมครับ
การรักษาจะเป็นไปตามสาเหตุครับ เช่น การให้ยาปรับฮอร์โมน การผ่าตัด เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ การปวดประจำเดือนจะเกิดจากมดลูกหดรัดตัวทำให้เกิดอาการปวดบริเวณท้องน้อยซึ่งสามารถพบได้ในผู้หญิง เป็นการปวดที่พบได้บ่อยและไม่อันตราย สามารถบรรเทาอาการได้โดยยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ยากลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen, Mefenamic acid, Naproxen เป็นต้น แต่หากมีอาการปวดมากจนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือทำให้ต้องพักงาน ปวดจนทนไม่ไหวทุกเดือน แบบนี้ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไปค่ะ สำหรับสาเหตุของการปวดประจำเดือนจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆค่ะ ได้แก่
1.ปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ เป็นการปวดประจำเดือนที่แพทย์ตรวจไม่พบพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกรานที่ชัดเจน เชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างการมีประจำเดือนและมีสารพรอสตาแกลนดินหลั่งออกมาจากเยื่อบุโพรงมดลูกมากผิดปกติ ทำให้มดลูกมีการบีบเกร็งตัวและปวดที่บริเวณท้องน้อยค่ะ การปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมินี้มักพบได้ในผู้หญิงวัยรุ่นค่ะ เป็นการปวดที่พบบ่อยและไม่อันตราย สามารถบรรเทาอาการได้โดยยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ยากลุ่ม NSAIDs เป็นต้น
2.ปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ เป็นการปวดประจำเดือนที่แพทย์ตรวจพบพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกรานร่วมด้วยค่ะ เช่น
-มีเนื้องอกมดลูก
-เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่
-มีพังผืดในช่องท้อง
-ใส่ห่วงอนามัยหรือห่วงคุมกำเนิด
-มดลูกย้อยไปด้านหลังมาก
-ปีกมดลูกอักเสบเรื้อรัง
เป็นต้นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เวลามีประจำเดือนมักจะปวดหลัง บางทีก็ปวดขา แต่มักจะเป็นแค่วันอรกของการมีประจำเดือนค่ะ เรากังวลมาก แบบนี้ควรตรวจไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)