หลายวันที่แล้ว ผมไปพบแพทย์ในที่ทำงานครับ เนื่องจากมีอาการนอนไม่หลับ ผมอธิบายเรื่องราวของผมไปหลายอย่างในชีวิตผม หมอให้ยาช่วยนอนหลับมาครับ และเขียนใบส่งตัวผมไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล แต่ผมกลัวครับ กลัวความคิดของเพื่อนร่วมงาน และคนรู้จัก ผมเป็นมานานมากแล้ว แต่ไม่เคยกล้าระบายให้ใครฟังครับ จนเพื่อนร่วมงานบางคนรู้เรื่องของผม ผมยิ่งรู้สึกว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิม ผมยิ่งรู้สึกว่า ผมระบายไปแล้ว ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม และมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม ยาที่ผมทานไป มันก็ช่วยได้ ไม่กี่วันก็เป็นอีก เหมือนสงสัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าครับ แต่ ผมคิดว่าผมไม่ได้เป็น และผมจะหายเองได้โดยไม่ต้องไปโรงพยาบาล ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนะ ถ้าใครรู้ว่าผมเข้าพบจิตเวช มันดูแย่ครับ

การพบจิตแพทย์ ไม่ได้ทำให้ดูแย่นะคะ ปัจจุบันมีแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา หากเราเจ็บป่วยด้านใดเราก็ต้องไปพบแพทย์สาขานั้น ซึ่งคุรหมอจะมีความรู้ที่เฉพาะ สามารถวินิจฉัยและให้การรักษาได้ถูกต้องตามแนวทางนะคะ

ในกรณีที่สงสัยเกี่ยวกับอาการของโรคซึมเศร้า
สามารถเช็คอาการด้วยการทำแบบประเมินซึมเศร้าด้วยตัวเองดูก่อนนะคะ
โดยในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้มีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน
ไม่มีเลย 0 คะแนน
มี 1-7 วัน 1 คะแนน
≥7 วัน 2 คะแนน
ทุกวัน 3 คะแนน
1. เบื่อหน่าย ไม่สนใจอยากจะทำอะไร
2. ไม่สบายใจ ซึมเศร้า ท้อแท้
3. หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
4. เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลีย
5. เบื่ออาหาร หรือ กินได้มาก กินจุบจิบตลอดเวลา
6. รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่าล้มเหลว หรือคิดว่าทำให้ตนเองและครอบครัวผิดหวัง
7. ขาดสมาธิ เหม่อลอย ขี้ลืมบ่อย
8. ทำอะไรช้าลง กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้
9. คิดทำร้ายตัวเอง อยากตาย หรือตายไปจะดีกว่า
จากนั้นรวมคะแนน หากได้มากกว่า 7 คะแนนขึ้นไป อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นซึมเศร้าได้ค่ะ
แนะนำให้พบจิตแพทย์ ประเมินอาการเพิ่มเติม แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม

การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดี คือการรักษาด้วยยา ร่วมกับการทำจิตบำบัด ซึ่งยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมองให้หลั่งปกติ ช่วยให้การคิด การรับรู้ สภาวะอารมณ์ การแสดงพฤติกรรมต่างๆเป็นปกติค่ะ ส่วนการทำจิตบำบัดจะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจช่วยให้ปรับตัวกับปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นนะคะ

ซึมเศร้ามีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ หากปล่อยไว้ไม่รักษา ตัวโรคอาจจะไม่สามารถหายได้เอง แต่ตัวโรคอาจจะพัฒนารุนแรงมากขึ้นจนยากแก่การรักษานะคะ

แนะนำเพิ่มเติมเรื่องซึมเศร้า อยากให้หาเวลาออกกำลังกาย เช่น วิ่ง เต้นแอโรบิค, ดูภาพยนตร์ตลกหรืออ่านหนังสือการ์ตูนตลก, ระบายผ่อนคลายความเครียดบ้าง เช่น ร้องไห้ ตะโกน เขียนระบายความรู้สึก, พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ จะทำให้ลดความเครียด ความกังวลได้ครับ และสุดท้ายคือ มองโลกในแง่ดี คิดว่าทุกปัญหามีทางแก้ครับ ส่วนโทรปรึกษาเบื้องต้นจะมีสายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323 ได้นะครับ

สวัสดีครับ

มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันครับในเรื่องที่การไปโรงพยาบาลจิตเวชแล้วจะถูกมองว่าเป็นคนบ้าหรือว่าเป็นคนแปลกไป ซึ่งจากที่คุณเล่ามาก็ทำให้เห็นนะครับว่ายาที่ได้จากคุณหมอกก็มีส่วนช่วยถึงแต่ว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นอยากจะให้ลองดูทางเลือกอื่นๆในการจัดการกับความคิด ความวิตกกังวลตรงนี้ เช่นการเข้าพบเพื่อรับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาซึ่งตามโรงพยาบาลใหญ่ๆที่มีแผนกจิตเวชก็อาจจะมีบริการจากนักจิตวิทยาอยู่ และคลินิกเอกชนในปัจจุบันก็เยอะขึ้น แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาบ้างครับ โดยผมคิดว่าการที่คุณได้รับตัวช่วยบางอย่างตรงนี้น่าจะช่วยให้คุณรับมือกับความคิดได้ดีขึ้น และส่งผลให้การนอนหลับทำได้ดีขึ้นด้วยครับ

นอกจากการเข้าพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา การดูแลตนเองในเรื่องของการบริหารจัดการความเครียดในชีวิตประจำวันของคุณก็สำคัญเช่นกันนะครับ และเป็นสิ่งที่คุณควรที่จะทำควบคู่ไปกับการรับบริการจากผู้เชี่ยวชาญ โดยคุณสามารถพูดคุยกับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่ไว้ใจ หรือลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาให้ตนเองรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือสนุกผ่อนคลาย และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ความเครียดและความวิตกกังวลลดน้อยลงได้บ้าง คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวครับ

ในส่วนของการนอน ลองดูเรื่องการปรับพฤติกรรมการนอนซึ่งสามารถทำได้โดยการจัดสภาพแวดล้อมในห้องนอนไม่ให้มีแสงสว่างเข้า ไม่มีเสียงรบกวน และนอนในที่นอนที่เรารู้สึกสบายและผ่อนคลายครับ ควรงด ชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมที่มีส่วนผสมของคาเฟอีกก่อนช่วงเวลานอนครับ การอาบน้ำอุ่น ทานนมอุ่นๆหรือกล้วย การออกกำลังกายในช่วงเย็น ก็จะสามารถช่วยให้ร่างกายมีอาการง่วงมากขึ้นได้ครับ แต่พยายามอย่าออกกำลังกายหักโหมก่อนเวลานอนนะครับเพราะการออกกำลังกายหนักๆจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายทำงานและอาจจะทำให้หลับได้ยากขึ้น การพยายามไม่ดูโทรทัศน์ หรือเล่นโทรศัพท์มือถือก่อนนอนก็จะมีส่วนช่วยให้การนอนหลับได้ง่ายขึ้นและเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้นครับ ด้านล่างนี้ผมได้แนบบทความเกี่ยวกับการนอนไม่หลับไว้นะครับหากต้องการข้อมูลก็สามารถเข้าไปศึกษาได้ครับ

https://www.honestdocs.co/insomnia-psychiatric-disorders-sleep-deprivation

สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งในเรื่องของความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ