ระหว่างทางของการเจ็บป่วยตั้งแต่เริ่มรู้การวินิจฉัยไปจนถึงปลายทางของชีวิต ผู้ป่วยโรคมะเร็งอาจจะต้องเจอกับอาการต่างๆ หลากหลายมากมาย ถึงแม้จะไม่อาจรักษาให้อาการหลายๆ อย่างหายขาดได้ แต่การรู้เทคนิคการดูแลผู้ป่วยสำหรับอาการต่างๆ ที่พบบ่อยเหล่านี้อาจจะช่วยให้ผู้ป่วยก้าวผ่านวันเวลาและความทุกข์ทรมานจากอาการ ต่างๆ เหล่านี้ได้ดีขึ้น
สำหรับทางการแพทย์ เรามีแบบสอบถามที่เรียกว่า ESAS (Edmonton Symptoms Assessment System) ไว้สำหรับให้ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วยลองตอบดูก่อน ซึ่งพบว่ามีอาการที่พบบ่อยสัมพันธ์กับโรคมะเร็งมากถึง 9 อาการ และผู้ป่วยสามารถเติมอาการอื่นๆ ที่พบบ่อยลงเพิ่มเติมในข้อ 10 ได้ การดูแลภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้ควรเริ่มจากการดูแลโดยยังไม่ต้องใช้ยาก่อน แต่หากอาการเป็นมากขึ้นจนเริ่มควบคุมได้ยากจึงควรพิจารณาใช้ยาเพิ่มเติม
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
9 อาการที่พบบ่อย ในผู้ป่วยระยะสุดท้าย
1) ปวด
2) อ่อนเพลีย
วิธีดูแลให้พักบ่อยและนานขึ้นระหว่างการทำกิจกรรมที่เคยทำ ทำความเข้าใจว่าอาการอ่อนเพลียอาจเป็นส่วนหนึ่งของโรคที่เป็น ไม่ควรหักโหมหรือสร้างมาตรฐานสูงเกินไปสำหรับตัวผู้ป่วย
3) คลื่นไส้อาเจียน
วิธีดูแล
- หลีกเลี่ยงอาการกลิ่นฉุน
- อาหารที่ไม่น่ารับประทาน
- ให้กินน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
- เลี่ยงอาหารมัน เลี่ยงอาหารรสจัด
- รักษาความสะอาดในช่องปาก
- จัดท่าให้ผู้ป่วยนั่งหลังมื้ออาหาร
- ดูแลเรื่องความกังวลของผู้ป่วย เพราะความกังวลอาจเป็นสาเหตุของการอาเจียนได้
- อาจพิจารณาให้ยากินแก้อาเจียน หากยังไม่ดีขึ้นควรฉีดยา
4) ซึมเศร้า
วิธีดูแล รับฟังความรู้สึกของผู้ป่วย ให้กำลังใจด้วยคำพูดดีๆ
แก้ไขอาการทางกายที่เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบาย เช่นอาการปวด อาการคลื่นไส้อาเจียน อาการเหนื่อยหอบ หรืออาการอื่นๆ หากภาวะซึมเศร้าเป็นรุนแรงขึ้นอาจพิจารณาให้ยาต้านอารมณ์ซึมเศร้า
5) วิตกกังวล
วิธีดูแล
- รับฟังความรู้สึกของผู้ป่วยและเรื่องราวที่กังวล
- ให้คำอธิบายเรื่องที่กังวล
- ช่วยให้ผู้ป่วยจัดการเรื่องที่กังวลอยู่หากทำได้
- หากอาการเป็นมากขึ้นอาจพิจารณาให้ยาคลายกังวล
6) ง่วงซึม
วิธีดูแล หาสาเหตุว่าเป็นจากการได้รับยาคลายกังวล ยานอนหลับ หรือยาแก้ปวดมากเกินไปหรือไม่ หากไม่พบสาเหตุ อาจเป็นส่วนหนึ่งของอาการอ่อนเพลีย ควรให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนเต็มที่ บางครั้งผู้ป่วยอาจใช้วิธีเก็บพลังงานสะสม และอาจจะกระปรี้กระเปร่าขึ้นในวันถัดไป
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
7) เบื่ออาหาร
วิธีดูแล
- ให้ผู้ป่วยกินอาหารที่ตนเองชอบ
- ให้กินน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
- ผู้ป่วยมักกินได้มากที่สุดในมื้อเช้า และเมื่อกินในมื้อเช้าแล้วอาจรู้สึกไม่อยากกินในมื้อถัดไป
- เลี่ยงอาหารมัน
- เลี่ยงอาหารรสจัด
- รักษาความสะอาดในช่องปาก
- หาสาเหตุที่อาจแก้ไขได้ เช่นท้องผูก ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรือซึมเศร้า
- อาจพิจารณาใช้ยาเจริญอาหารกลุ่มสเตียรอยด์หากไม่มีข้อห้าม
- ญาติหรือผู้ดูแลควรทำความเข้าใจว่า ไม่ใช่ความผิดของญาติ หรือผู้ดูแลที่ดูแลไม่ดี แต่เป็นอาการของโรคที่เป็นมากขึ้นที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเบื่ออาหาร
8) เหนื่อยหอบ
วิธีดูแล
- ให้พักเหนื่อย
- ไม่ทำกิจกรรมที่หักโหมเกินไป เลือกทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย
- ฝึกการหายใจ หรือการกำหนดลมหายใจ
- ใช้พัดลมเป่าให้ผู้ป่วยรู้สึกเย็นสบาย
โดยทั่วไปการให้ออกซิเจนมักไม่ได้ช่วยให้อาการหอบลดลงในผู้ป่วยกลุ่มนี้ เนื่องจากออกซิเจนในเลือดของผู้ป่วยมักไม่ต่ำ แต่การให้ออกซิเจนอาจช่วยให้ผู้ป่วยและญาติผู้ดูแลรู้สึกคลายความกังวลได้
การดูแลอาการเหนื่อยของผู้ป่วยจึงควรเป็นการแก้ไขที่สาเหตุ เช่น หากเป็นจากการมีน้ำในปอดปริมาณมาก อาจต้องใช้วิธีการเจาะน้ำในปอดออก อย่างไรก็ตามน้ำในปอดสามารถกลับมาใหม่ได้ เนื่องจากตัวโรคยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องอาจพิจารณาใช้ยากลุ่มมอร์ฟีนช่วยลดอาการเหนื่อยควบคู่ไปด้วยหรือเป็นทาง เลือกหลักกรณีที่ผู้ป่วยไมอ่ยากใช้วิธีเจาะนำ้ในปอดออก
ในผู้ป่วยที่มีอาการเหนื่อยหอบมักมีความวิตกกังวลร่วมด้วยจากความกลัวเรื่องอาการที่เกี่ยวข้องกับการหายใจไม่สะดวก การให้ ยาคลายกังวลอาจช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นได้
9) สบายดีทั้งกายและใจ
สำหรับข้อนี้เป็นการประเมินว่าผู้ป่วยรู้สึกสบายดีมากน้อยเพียงใด เป็นการวัดคุณภาพชีวิตแบบคัดกรองเบื้องต้นด้วยแบบสอบถาม หากผู้ป่วยให้คะแนนข้อนี้น้อยอาจลองถามดูว่ามีอะไรที่ผู้ป่วยยังอยากทำอยู่และยังไม่ได้ทำหรือไม่