August 30, 2019 22:05
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการปวดประจำเดือน มีสาเหตุการเกิดสองแบบ ได้แก่
>>แบบแรก คือ เกิดจากการหดตัวของมดลูก เพื่อขับเลือดประจำเดือน สามารถเกิดได้เป็นปกติครับ โดยอาการอาจจะเกิดขึ้น ก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน และในช่วงการมีประจำเดิอน โดยเฉพาะ 12-72 ชมแรกครับ
อาการปวด จะปวดแบบบีบๆ เหนือหัวหน่าว บางคนอาจร้าวไปหลังได้ด้วย และร่างกาย อาจหลั่งสารความเจ็บปวดออกมา ทำให้มีอาการตามระบบร่วมด้วย เช่น ปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศรีษะ ท้องเสียถ่ายเหลว เป็นต้นครับ
>>แบบที่สอง คือ การปวดประจำเดือนทีมีสาเหตุมาจากความผิดปกติขอวระบบสืบพันธ์สตรีอื่นๆ เช่น
- เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่
- เนื้องอก ในมดลูก
- -โรคของรังไข่ เช่น ชอคโกแลตซีส ถุงน้ำรังไข่ PCOS เป็นต้น
- การติดเชื้อ เป็นต้น
ผู้ป่วยอาจประสบปัญหา เช่น ปวดมากจนรบกวนการเรียน / การทำงาน ปวดจนพักไม่ได้ ปวดนานไม่หาย ปวดข้างใดข้างหนึ่งของท้องน้อยมากกว่าปกติ คลำได้ก้อนหรือ มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุตรยาก หรือมีตกขาวผิดปกติได้ครับ
คำแนะนำเบื้องต้น เมื่อมีประจำเดือนและมีอาการปวดประจำเดือนคือ
1.ทานน้ำมากๆ
2.ยาแก้ปวดที่ช่วยได้ เช่น mefenamic acid หรือ ponstan , diclofenac , ibuprofen , พาราเซตามอล เป็นต้น
3.การประคบอุ่น หรือ การใช้ถุงน้ำร้อน
4.พักผ่อนมากๆ
5.พยายามไม่มีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดิอน เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อต่างๆได้ง่ายครับ
หากมีอาการผิดปกติ ที่หมอกล่าวไป ที่อาจมีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติที่จะทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนแบบที่สอง ได้แก่ ปวดมากจนรบกวนการเรียน / การทำงาน ปวดจนพักไม่ได้ ปวดนานไม่หาย มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุตรยาก หรือมีตกขาวผิดปกติ ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน หรือส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมครับ
การรักษาจะเป็นไปตามสาเหตุครับ เช่น การให้ยาปรับฮอร์โมน การผ่าตัด เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ การมีอาการปวดท้องหรือหลังมาก ก่อนจะมีประจำเดือน และตกขาวสีดำคล้ำ อาจจะพบได้ในโรคที่เรียกว่า เนื้อเยื่อมดลูกเจริญผิดที่ ครับ ซึ่งจะมีอาการปวดดังกล่าวได้ครับ การรักษา คือการกินยาแก้ปวด เช่น mefenamic acid แล้วนอนพักครับ
แนะนำให้ไปพบสูตินารีแพทย์ครับ
นอกจากภาวะเนื้อเยื่อมดลูกเจริญผิดที่แล้วยังพบในโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆครับ เช่น
1. การติดเชื้อที่ปากมูกลูก
2.การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
3. การติดเชื้อที่ปากมดลูก เป็นต้นครับ
ซึ่งตกขาวของการติดเชื้อเหล่านี้ จะมีสีผิดปกคิไปครับ เช่น เหลือง เขียว น้ำตาล และจะมีกลิ่นเหม็นผิดปกติครับ การรักษาคือ การกินยาฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสมครับ
และแนะนำว่าควรไปตรวจยืนยันกับสูตินารีแพทย์อีกทีครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
อาจเกิดขึ้นได้ครับ แต่อย่างไรก้ตามให้ดูในวันถัดๆไปก่อนครับว่ายังมีอาการปวดประจำเดือนมากขึ้นเรื่อยๆหรือไม่ครับ หากยังมีอาการปวดมากขึ้น อาจเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น เนื้องอกมดลูก เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ซีสต์ที่มดลูก การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น
ฉะนั้นคนไข้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายในเพิ่มเติม ตรวจการตั้งครรภ์หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันมาก่อนครับ เพื่อหาสาเหตุต่อไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
พิมพกา ชวนะเวสน์ (สูตินรีแพทย์)
ประจำเดือนปกติ จะมีลักษณะดังนี้ค่ะ
1. มาสม่ำเสมอ ทุก 24-35 วัน โดยส่วนใหญ่ จะมาทุก 28 - 30 วันค่ะ
2. มาครั้งละ 3-7 วันค่ะ
3. ใช้ผ้าอนามัย วันละ ประมาณ 2-3 แผ่นค่ะ
4. มีอาการปวดท้องน้อยได้เล็กน้อย ช่วงวันแรกๆ ไม่ปวดรุนแรงค่ะ
การปวดประจำเดือน มีได้หลายแบบค่ะ
ทั้งการปวดแบบปกติ ที่ไม่ได้มีโรคอะไร (Primary dysmenorrhea)
และการปวดประจำเดือนแบบมีโรคแอบแฝง (Secondary dysmenorrhea)
ซึ่งลักษณะการปวดแบบที่อาจจะมีโรคแอบแฝง Secondary dysmenorrhea ที่พอสังเกตจากอาการได้ คือ จะมีการปวดที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกรอบเดือน ปีที่แล้วปวดเท่านี้ ปีนี้ปวดมากขึ้น ปีหน้าปวดมากขึ้นไปอีก อาการปวดจะเป็นนาน ไม่เหมือนการปวดแบบปกติ ที่มันจะปวดแค่วันแรกๆ ของประจำเดือน แล้วก็หายปวด
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีอาการปวดประจำเดือน แล้วไม่แน่ใจว่าเป็นแบบไหน ควรไปปรึกษาแพทย์นะคะ การตรวจภายใน อัลตราซาวด์ จะช่วยหาสาเหตุได้ค่ะ ว่ามีโรคอะไรแอบแฝงรึเปล่า
โรคที่พบบ่อย ในผู้หญิงที่ปวดประจำเดือน คือ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือ ช๊อกโกแลตซิสต์ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
อาการปวดประจำเดือนเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ครับ การที่ไม่ได้มีอาการปวดประจำเดือนจึงไม่ได้เป็นอาการที่ผิดปกติครับ
โดยถ้าหากประจำเดือนมีลักษณะตามนี้ก็จะถือว่าเป็นประจำเดือนที่ปกติได้แล้วครับ
- มาห่างกันอย่างสม่ำเสมอรอบละ 21-35 วัน
- มาติดต่อกันครั้งละ 3-7 วัน
- ใช้ผ้าอนามัยวันละ 2-3 แผ่น
- ลักษณะเป็นเลือดเก่าสีคล้ำ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ
อาการปวดประจำเดือนจะเกิดจากมดลูกหดรัดตัวทำให้เกิดอาการปวดบริเวณท้องน้อยซึ่งสามารถพบได้ในผู้หญิง เป็นการปวดที่พบได้บ่อย อาการปวดนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทุกเดือน และไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ไม่ทราบว่าเดือนก่อนๆปวดรุนแรงมากหรือไม่ ปวดเพียงไม่กี่วันแรก หรือปวดรุนแรงจนกระทั้งประจำเดือนหายไป กรณีมีอาการปวดมากจนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือทำให้ต้องพักงาน ปวดจนทนไม่ไหวทุกเดือน ปวดรุนแรงมากขึ้น แบบนี้ก็ควรไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เพราะอาจคิดถึงสาเหตุของการปวดประจำเดือนที่ตรวจพบพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกรานซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น
-มีเนื้องอกมดลูก
-เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่
-มีพังผืดในช่องท้อง
-ใส่ห่วงอนามัยหรือห่วงคุมกำเนิด
-มดลูกย้อยไปด้านหลังมาก
-ปีกมดลูกอักเสบเรื้อรัง
กรณีที่ปวดไม่รุนแรง ปวดแต่พอทนได้ ยังใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ เป็นๆหายๆ ไม่ได้เป็นทุกเดือน สามารถบรรเทาอาการได้โดยการประคบอุ่นและใช้ยาแก้ปวดร่วมด้วย เช่น พาราเซตามอล ยากลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen, Mefenamic acid, Naproxen เป็นต้นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เดือนนี้เป็นประจำเดือนวันแรกไม่รู้สึกปวดเลยแต่ปกติเดือนก่อนๆหน้านี้จะปวดมากๆถือว่าผิดปกติไหมคะ แล้วก็เลือดเป็นสีน้ำตาลดำเข้มเลย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)