April 24, 2019 04:25
สวัสดีค่ะ คำถามของคุณอาจกว้างเกินไป ทำให้คุณหมอไม่สามารถให้ความเห็นได้ กรุณาอธิบายอาการอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร บริเวณไหน เป็นมานานและถี่แค่ไหน รวมไปถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น เพศ อายุ ยาหรืออาหารเสริมที่ทานอยู่ เป็นต้น หรือคุณอาจค้นหาคำตอบคุณหมอ และกว่า 5,000 บทความสุขภาพในเว็บของเรา หากคุณถามเกี่ยวกับโรงพยาบาล คุณสามารถค้นหาข้อมูลติดต่อของโรงพยาบาลได้ที่นี่ หรือส่งอีเมลมาที่ [email protected] ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
วลีรักษ์ จันทร (พว.)
การรักษาโรคเริ่มต้องใช้ยารักษา ยากลุ่มต้านไวรัสช่วยให้แผลตุ่มที่เริมอวัยวะเพศหายได้เร็วขึ้น และยังช่วยลดการระบาดของเชื้อด้วย ซึ่งยานี้ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของแพทย์ค่ะ
ยาต้านไวรัสต่อไปนี้อาจนำมาใช้ในการรักษาเริมที่อวัยวะเพศได้ ได้แก่:Zovirax (acyclovir) Famvir (famciclovir)
Valtrex (valacyclovir) ยาเหล่านี้มักจะเป็นยาประเภทรับประทาน ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาเพื่อรักษาขึ้นอยู่กับว่าเริมของคุณเป็นครั้งแรกหรือเคยเป็นมาแล้วก่อนหน้านี้
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นเริม
เนื่องจากเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ เพราะฉะนั้นการดูแลร่างกายให้แข็งแรง ไม่ให้ภูมิคุ้มกันลดลงไปกว่าเดิม และการรักษาสุขอนามัยจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคนี้ค่ะ
ผู้ป่วยควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำสะอาดให้มากพอ หรือดื่ม 8 แก้วต่อวัน และถ้าหากเป็นไปได้ควรออกกำลังกายค่ะ นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่จะกระตุ้นอารมณ์ทำให้เครียด หรือวิตกกังวล หลีกเลี่ยงการอยู่ในแดดจัด ลมแรง หรืออากาศหนาวเกินไปเพราะอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้
รักษาสุขอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียและการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสต่อผู้อื่น โดยการรักษาความสะอาดของแผลและตุ่มพอง ล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังสัมผัสกับแผล ไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปในบริเวณที่เป็นแผลหรือตุ่ม ควรตัดเล็บให้สั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเกาเพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้ตุ่มติดเชื้อและเป็นหนองได้ครับ รวมถึงควรอาบน้ำและฟอกสบู่ให้สะอาดด้วย
ผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิดควรหลีกเลี่ยงการใช้ของที่อาจทำให้ติดเชื้อร่วมกัน เช่นแก้วน้ำ หรือผ้าขนหนู ช้อนส้อม และในบริเวณที่อยู่อาศัยก็ควรรักษาและทำความสะอาดอยู่เสมอเช่นกันค่ะ
หากมีไข้สูง ควรเช็ดตัวอย่างสม่ำเสมอ และปรึกษาแพทย์เพื่อทานยา รวมถึงหากมีอาการปวดหรือคันเช่นกัน
ที่สำคัญในช่วงที่เป็นโรคผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่นโดยตรง เช่น การจูบ หรือการมีเพศสัมพันธ์เพราะเป็นการแพร่เชื้อได้ จนกว่าแผลจะหายสนิทค่ะ
หากเป็นเริมครั้งแรก ผู้ป่วยสามารถไปตรวจเพื่อหาโรคอื่นๆ ในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ เพื่อความปลอดภัยและคลายกังวล รวมถึงผู้ที่เป็นเริมบ่อยๆ หรือมีอาการรุนแรง เป็นนานกว่า 1 เดือน ก็ควรตรวจเช่นกัน เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้ออื่นๆ ได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ สำหรับการติดเชื้อเริมครั้งแรกในช่องปากหรืออวัยวะเพศ แพทย์จะให้รับประทานยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม วันละ 5 ครั้ง ทุก ๆ 4 ชั่วโมง (เว้นช่วงนอนหลับตอนดึก) หรือให้รับประทานในขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ทุก ๆ 8 ชั่วโมง นาน 10-14 วัน สำหรับการติดเชื้อซ้ำในบริเวณช่องปาก (ริมฝีปากด้านนอก เหงือก หรือเพดานปาก) หรืออวัยวะเพศ แพทย์จะให้รับประทานยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ทุก ๆ 8 ชั่วโมง นาน 5 วัน นอกจากนี้อาจพิจารณาให้ยาทา Acyclovir cream หรือชื่อการค้าตามตลอดทั่วไปคือ Vilerm หรือ Zovirax ค่ะ เบื้องต้นแนะนำให้ไปพบแพทย์ค่ะ ยาที่ใช้รักษาจำเป็นต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
เริมเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง อาการจะมีตุ่มน้ำ ถ้าแตกจะปวดแสบปวดร้อน เป็นแผลและตกสะเก็ดได้ เกิดได้ตำแหน่ง เช่น ริมฝีปาก อวัยวะเพศ อาจมีไข้ อ่อนเพลีย ได้
เริมสามารถเป็นซ้ำ โดยอาการมักจะน้อยกว่าครั้งแรก เช่น ตุ่มน้ำเล็กและจำนวนน้อยกว่า
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เริม เป็นซ้ำได้ เช่น
- ความเครียด/อ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ
- การเจ็บป่วยจากโรคอื่น มีไข้
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในเพศหญิงตอนมีประจำเดือน
- แสงแดดจัดๆ
- รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน หรือเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เป็นต้นครับ
ส่วนใหญ่ถ้าอาการเป็นซ้ำ มักไม่รุนแรง และหายเองได้ครับ
เบื้องต้น แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่กล่าวมาครับ
และคนใกล้ชิด ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล สารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย ของผู้ป่วย, ควรงดการทีเพศสัมพันธ์จนกว่าแผลจะหายสนิทครับ
และแนะนำให้ไปพบแพทย์จะดีที่สุด เพื่อซักประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียด
บางครั้งถ้าเริ่มเป็นแล้วรีบไปพบแพทย์ หรือมีโรคเริมเป็นซ้ำบ่อยๆ อาจมีข้อบ่งชี้ในการกินยาลดจำนวนไวรัส เพื่อลดระยะเวลาการเป็นโรค/การเจ็บปวด ลดระยะเวลาการแพร่เชื้อ และลดโอกาสการเป็นซ้ำครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เปนเริมที่อวัยวะเพศต้องรักษายังไงคับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)