ปวดเข่าทานยาอะไรถึงจะรักษาอาการ และยาที่รับประทานเป็นอันตรายมั้ยค่ะถ้ากินเป็นระยะเวลานานๆ

วิธีรักษาอาการปวดหัวเข่า ปวดขา

1. บริหารกล้ามเนื้อ การบริหารกล้ามเนื้อจะช่วยรักษาอาการปวดข้อเข่า ปวดขา โดยการบริหารนั้นต้องบริหารอย่างเหมาะสม ไม่หักโหมมากเกินไป เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อได้ดียิ่งขึ้น
ท่าที่ 1 : นอนเหยียดขาไปด้านหน้า เกร็งปลายเท้า ประมาณ 5-10 นาที หรือ นับ 1 – 10 แล้วปล่อยคลายกล้ามเนื้อ นับ 1 – 10 เริ่มกลับไปเกร็งปลายเท้าอีกรอบ ประมาณ 5-10 นาที หรือ นับ 1 – 10 ทำแบบนี้ประมาณ 5 – 10 ครั้งต่อวัน ทำไปสักระยะเราอาจจะเพิ่มน้ำหนักที่ปลายเท้า ด้วยการเอาน้ำใส่ถุงจาก 0.5 – 1.5 กิโลกรัม การบริหารกล้ามเนื้อแบบนี้ จะช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อ เอ็นต่างๆ มีความยืดหยุ่นมากขึ้น จึงทำให้ร่างกายรู้สึกปวดน้อยลง หรือหายขาดได้ หากทำเป็นประจำ
ท่าที่ 2 : นั่งบนเก้าอี้ แล้วค่อยๆยกขาซ้ายขึ้น ค้างไว้ 5 – 15 นาที เอาขาซ้ายลง สลับขา ยกขาขวาขึ้น ค้างไว้ 5 – 15 นาที เอาขาขวาลง ทำไปสักระยะเราอาจจะเพิ่มน้ำหนักที่ปลายเท้า ด้วยการเอาน้ำใส่ถุงจาก 0.5 – 5 กิโลกรัม

2. การรักษาโดยยาสมัยใหม่ หรือยาตามโรงพยาบาล คลินิก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาบำรุงกระดูกอ่อน ส่วนใหญ่แล้วยาประเภทนี้จะเป็นบรูเฟน , อินโดซิด , steroid ซึ่งจะมีผลข้างเคียงอาจเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคกระเพาะอาหาร ดังนั้นไม่แนะนำให้ทานติดต่อกันเป็นเวลานานครับ ควรจะปรึกษาแพทย์ ครับ

3. การผ่าตัด ที่สามารถรักษาได้ผลดี ไม่มีโรคแทรกซ้อนมาก ซึ่งการผ่าตัดนั้นจะมีอยู่ 3 วิธี คือ
วิธีที่ 1 การผ่าตัดโดยการส่องกล้อง (arthroscope) ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการข้อเสื่อมไม่มาก แพทย์จะใช้การส่องกล้องนำเป็นสิ่งสกปรกออกมา เพื่อให้ข้อเข่าใช้งานได้ตามปกติ
วิธีที่ 2 การผ่าตัดแก้ความโก่งงอของเข่า วิธีนี้ต้องตัดกระดูกบางส่วนออก ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าจะใช้งานได้
วิธีที่ 3 การผ่าตัดใส่ข้อเทียม คือการใส่ข้อเข่าเทียมแทนข้อที่เสื่อม ซึ่งผลการผ่าตัดทำให้หายปวด ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ดีขึ้น

ยาที่ใช้รักษาอาการปวดเข่าก็มีตั้งแต่การใช้ยาแก้ปวดธรรมดาๆเช่น พาราเซตามอล ไม่ค่อยพบปัญหาหาใช้ตามขนาดที่กำหนด ยาแก้ปวดกลุ่มNSAID ซึ่งยากลุ่มนี้มักเป็นปัญหาเพราะหาซื้อง่ายแก้ปวดได้ดี แต่มักส่งผลให้ระคายเคืองกระเพาะอาจทำให้เลือดทางในทางเดินอาหาร หรือกระเพาะทะลุได้ รวมทั้งอาจมีผลต่อหัวใจได้ครับ ดังนั้นควรใช้อย่างระวังในความควบคุมการสั่งโดยแพทย์ครับ