ฝังยาคุมมาเกือบ2ปีแล้ว จู่ๆก็มีประจำเดือนมา คือมีอะไรกับแฟนไม่ได้ป้องกันเลยหลั่งในตลอดจะท้องมั้ยคะ (ขอบอกก่อนนะคะก่อนฝันเป็นคนประจำเดือนมาไม่ปกติมาไม่เยอะมาก)

ถ้ายังไม่หมดอายุครบรอบเอาออก ก็ไม่มีปัญหาครับ โอกาสหลุดท้องนั้นเเทบไม่มี
เลือดออกกระปริบประปรอย เป็นผลจากยาฝังได้อยู่เเล้วครับ

เรื่องผลข้างเคียงของยาฝังคุมกำเนิด

ปกติจะมีประจำเดือนออกกระปริบกระปรอย มาติดๆกันหลายๆวัน หรือประจำเดือนขาด เป็นผลข้างเคียงจากยาฝังคุมกำเนิดได้ครับ
อาจจะรำคาญเนื่องจากต้องใส่ผ้าอนามัย
เเต่ไม่ได้อันตราย ถ้าฝังไปนานๆหลายเดือน จะค่อยๆลดลงจนเลือดหายไปครับ
..........
ยกเว้น ถ้าเลือดออกมากชุ่มผ้าอนามัยหลายเเผ่น 4-5 แผ่นต่อวัน ปวดท้องน้อย มีหน้ามืดใจสั่น เเบบนี้ผิดปกติควรไปพบเเพทย์ครับ เพื่อตรวจภายในหาสาเหตุอื่นครับ
............
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยในการฝังยา เช่น
............
- ประจำเดือนผิดปกติ ในช่วง 3 เดือนแรกประจำเดือนอาจมาไม่สม่ำเสมอ ส่วนใหญ่จะมาน้อยลงและห่างออกจนถึงอาจไม่มีรอบเดือนเลย บางคนรอบเดือนมามากขึ้น มาทุกวันหรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอย ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง เเละไม่ได้อันตรายครับ แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นสามารถพิจารณารักษาโดยการให้เอสโตรเจนเสริมในช่วงสั้นๆ เช่น Diane35 กิน 7-10 วัน
............
- อารมณ์แปรปรวน อาจมีภาวะซึมเศร้าเกิดขึ้นได้ เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ค่อนข้างบ่อยกว่าเมื่อเทียบกับการคุมกำเนิดวิธีอื่น
- ภาวะแทรกซ้อนในตำแหน่งที่ฝังยา เช่น ติดเชื้อ, ระคายเคืองตรงตำแหน่งที่ฝังยา, หลอดยาหลุด หรือเคลื่อนออกจากตำแหน่งที่ฝัง, เกิดพังพืดยึดติด, หลอดยาขาดออกทำให้เอาออกยาก เป็นต้น
อาการอื่นๆ ที่พบได้น้อย เช่น ปวดศีรษะ, ปวดท้องน้อยและปวดประจำเดือน, เป็นสิว เป็นต้นครับ

ผลข้างเคียงเด่น ๆ ของยาฝังคุมกำเนิดก็คือ อาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนค่ะ ซึ่งลักษณะและระยะเวลาที่พบอาจแตกต่างกันไปในผู้ใช้แต่ละรายนะคะ

หากผู้ถามมีประจำเดือนมาไม่ตามรอบปกติ หรือมีเลือดกะปริบกะปรอย โดยที่ไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง เลือดที่ออกมานั้นก็น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมนั่นเอง และถ้าเลือดไม่ได้ออกมามากหรือนานผิดปกติ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ

ยาฝังคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงมากนะคะ ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบัน ดังนั้น เมื่อมีผลป้องกันจากยาฝังคุมกำเนิดอยู่ ผู้ถามจึงมีความเสี่ยงน้อยมากที่จะตั้งครรภ์ค่ะ

อย่างไรก็ตาม หากกังวลใจว่าจะตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจสอบเพื่อความชัดเจนได้นะคะ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

สวัสดีครับ

การฝังยาคุมกำเนิด เป็นการคุมกำเนิดที่ประสิทธิภาพดีมากครับ
โอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.05% คนไข้จึงมั่นใจได้ แม้มีการหลั่งอสุจิภายในช่องคลอดครับ

ยาฝังคุมกำเนิด เป็นฮอร์โมนที่บรรจุในแท่งพลาสติกเล็กๆจำนวน 6 แท่ง ขนาดแท่งละ 3.4 x 0.24 เซนติเมตร(ซม) เช่น ยา Norplant® สามารถใช้ได้คุมกำเนิดได้ 5 ปี ปัจจุบันมีการพัฒนาให้สะดวกขึ้นเหลือเพียงชนิดแบบ 1 แท่ง (Implanon®) ขนาดแท่งละ 4.0 x 0.20 ซม. คุมกำเนิดได้ 3 ปี และแบบ 2 แท่ง (Jadelle®) ขนาดแท่งละ 4.3 x 0.25 ซม. คุมกำเนิดได้ 5 ปี

อาการดังกล่าว น่าจะมาจากผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดครับ

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีเลือดออกทางช่องคลอดเมื่อใด โดยบางคนเมื่อเวลาผ่านไป อาการดังกล่าวจะหายไปเอง ส่วนบางคนจะพบว่ามีอาการปวดท้องประจำเดือนน้อยลง หรือบางคนจะพบว่าทำให้ประจำเดือนขาดได้
ได้
**กรณี มีเลือดออกกระปริบกระปรอย การไปพบแพทย์ จะมียาช่วยได้ครับ โดยให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน 0.05 มิลลิกรัม วันละ 1 เม็ด ประมาณ 7-10 วัน เพื่อลดอาการเลือดออกกระปริดกระปรอยครับ

ผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้แก่
-อารมณ์แปรปรวน
-มีภาวะซึมเศร้า
-ปวดศีรษะ
-ปวดท้อง
-คลื่นไส้
-สิวขึ้น
-มีอาการกดเจ็บที่เต้านม
-บวมน้ำ
-บางคนจะพบว่ามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเพราะยาฝังคุมกำเนิดหรือไม่
-ยาฝังคุมกำเนิดอาจมีปฏิกิริยาต่อยาชนิดอื่น ๆ ได้ครับ
ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะหยุดไปเองหลังผ่านช่วงเดือนแรก ๆ ที่ฝังยาไป แต่หากพบว่ามีอาการต่อไปอีก หรือมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง รวมไปถึงหากพบว่ามีผลข้างเคียงอื่น ๆ เกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์ครับ

ขออภัยที่ตอบช้าค่ะ

เคยมีรายงานภาวะแทรกซ้อนจากการฝังยาคุมกำเนิด ในลักษณะของการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทและปวดบริเวณที่ฝังยาคุมกำเนิด ทั้งในระหว่างที่ฝังยาคุมอยู่ และหลังจากที่ถอดยาฝังคุมกำเนิดออกแล้ว จากการใช้ยาฝังคุมกำเนิดแบบ 6 แท่ง (คุมได้นาน 5 ปี) ที่เคยมีการใช้ในอดีตนะคะ

จึงมีการเปลี่ยนมาใช้ยาฝังคุมกำเนิดแบบ 2 แท่ง (คุมได้นาน 5 ปี) และแบบ 1 แท่ง (คุมได้นาน 3 ปี) อย่างที่มีใช้ในปัจจุบันแทน และพบว่ามีความเสี่ยงน้อยมากที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว

ในกรณีของผู้ถาม ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการฝังยาคุมกำเนิดหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากผู้ถาม...

- มีอาการปวดแปลบบริเวณที่ฝังยาคุม หรือปวดเหมือนถูกไฟช็อตที่แขนข้างที่ฝังยาคุม โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหวของแขนข้างที่ฝังยาคุมไว้

- หรือ มีอาการปวดเรื้อรัง, ชา และอ่อนแรง ของแขนข้างที่ฝังยาคุม ซึ่งอาจไม่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวก็ได้

- หรือ มีอาการปวด, บวม, แดง, ร้อน ในบริเวณที่ฝังยาคุม

- หรือ มีความกังวลใจมาก กับอาการเจ็บแปลบบริเวณที่ฝังยา ตามที่เป็นอยู่

แนะนำให้ไปพบแพทย์/สูตินรีแพทย์โดยเร็ว เพื่อตรวจเพิ่มเติมว่าความผิดปกตินั้นมีสาเหตุมาจากการฝังยาคุมหรือไม่ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาแนวทางแก้ไขให้ตามความเหมาะสมค่ะ