August 31, 2019 15:53
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ไข้หวัดใหญ่ มีอาการปวดหัวทั่วๆได้ครับ ถ้าปวดมาก พิจารณากินยาเช่น Paracetamol ช่วยได้ครับ เเละถ้ายังพอใช้ชีวิตประจำวันได้ ให้สังเกตอาการก่อนได้ครับ
แต่ถ้าปวดมากจนทนไม่ไหวเลยใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้ หรือมีประวัติศรีษะกระเเทกรุนเเรงมาก่อน มีเเขนขาอ่อนเเรงยกไม่ขึ้นมีปากเบี้ยวหน้าเบี้ยว ให้พบเเพทย์อีกครั้งครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ในกรณีที่มีอาการปวดศีรษะรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่รับประทานยารักษาไข้หวัดใหญ่อยู่นั้นในเบื้องต้นอาจลองรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการดูก่อนได้ครับ แต่ถ้าหากรับประทานยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมก่อน เนื่องจากอาจต้องมีการให้การรักษาเพิ่มเติมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ ไข้หวัดใหญ่ควรกินยาให้ครบ 5 วันครับ
อาการปวดหัว สามารถกินพารา ไปก่อนได้ครับ
แต่ถ้ากินพาราแล้วยังปวดหัวอยู่ ควรไปตรวจกับแพทย์ ใหม่อีกครั้งได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
หากทานยาไปแล้ว3วัน ยังมีไข้สูง ปวดหัวมากขึ้น เวียนหัว เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หายใจเหนื่อยและไอมากขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจเลือดเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุอื่นๆ เช่นการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย หรือ อาจเกิดได้จากตัวโรคของไข้หวัดใหญ่ที่ทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ และมีอาการปวดหัวได้ โดยปกติ ไข้หวัดใหญ่จะมีวงจรชีวิตประมาณ7วันครับ
หากทานยาแก้ปวด เช่น paracetamol,Ibuprofen แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติมครับ เพื่อหาสาเหตุและการติดเชื้ออื่นๆครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
ไข้หวัดใหญ่ อาการมักมีไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลียมากและเป็นนานเป็นสัปดาห์ ซึ่งนานกว่าไข้หวัดธรรมดาได้ครับ
อาจลองทานยาบรรเทาอาการได้ครับ แต่ถ้า อาการไม่ดีขึ้น หรือปวดศีรษะรบกวนการนอน เช่น ตื่นขึ้นมาเพราะปวดศีรษะ. ปวดแบบไม่เคยปวดมาก่อน, มีคลื่นไส้อาเจียน ตาพร่ามัวร่วมด้วย, ชัก สับสน ชา แขนขาอ่อนแรง แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม จะดีที่สุดครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการเวียนหัวและปวดหัว ต้องได้รับการซักประวัติอย่างละเอียด เกี่ยวกับลักษณะการปวดเพิ่มเติม อาการร่วมกับปวดหัว เช่น ตามัว อาเจียน แขนขาอ่อนแรง การเห็นแสงสิบวับ เป็นต้น รวมถึงต้องตรวจร่างกายทางระบบประสาทอย่างละเอียดด้วยครับ จึงตะสามารถวินิจฉัยและรักษาได้อยาางเหมาะสมครับ
ตัวอย่างโรคเกี่ยวกับการปวดหัว ที่สามารถเป็นได้ ได้แก่
-โรคไมเกรน (migrain) คือ โรคชนิดหนึ่งซึ่งยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่น่าเชื่อได้ว่าอาจมีจุดกำเนิดจากก้านสมองที่ทำงานผิดปกติ หรือเกิดจากภาวะที่สารเคมีในสมองไม่สมดุล ส่งผลให้หลอดเลือดมีความไวต่อการกระตุ้นมากเป็นพิเศษกล่าวคือ มีการหด และขยายตัวของหลอดเลือดอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศรีษะได้
โดยลักษณะอาการปวดศรีษะจะมีลักษณะ ปวดบริเวณขมับโดยอาจจะปวดข้างเดียว หรือทั้งสองข้างก็ได้ บางกรณีอาจมีการปวดวนกันไป และมักจะปวดข้างเดิมอยู่ซ้ำ ๆ
ส่วนอีกบริเวณหนึ่งที่พบมาก ได้แก่ บริเวณเบ้าตา ลักษณะของการปวด ก็มักจะปวดตุ้บๆ ตามจังหวะของชีพจร ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
การรักษาโดยการกินยาลดอาการปวด การกินยาป้องกันไม่ให้หลอดเลือดหดและขยายตัวซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเกิดขึ้น
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคกำเริบซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เช่นความเครียด บางคนเจออาการร้อนหรือที่ๆแสงสว่างมากๆก็กระตุ้นได้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดืมที่มีคาเฟอีนครับ
—อย่างที่สองที่นึกถึงได้ คือ การติดเชื้อโดยเฉพาะ การติดเชื้อที่ระบบทางดินหายใจส่วนบน เช่น ไซนัสอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้มีอาการปวดศรีษะ บางรายอาจมีอาการปวดบริเวณใบหน้า ปวดรอบเบ้าตา อาจมีน้ำมุกสีเขียวผิดปกติ คัดจมูก มาก หรือบางคนอาจมีการได้กลิ่นลดลงได้ครับ เป็นต้น
การรักษาคือ การให้ยาฆ่าเชื้อ และการล้างจมูกบ่อยๆ
-Tension headache เป็นการปวดศรีษะชนิดหนึ่ง ที่พบได้บ่อยที่สุด วินิจฉัยโดยอาศัยลักษณะ อาการปวดโดยมักจะปวดตื้อๆ บีบๆเริ่มจากบริเวณท้ายทอยร้าวไปขมับ สองข้าง
บางครั้งอาจจะกดเจ็บบริเวณหนังศรีษะร่วมด้วย มักมีสาเหตุเกิดจากความเครียด การทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอครับ
-cluster headache เป็นการปวดหัวอีกแบบหนึ่ง ที่คนไข้ จะมีอาการปวดหัวมากๆ จะข้างเดียว หรือสองข้างก็ได้ ลักษณะคือ จะปวดรอบตาก่อน และอาจกระจายไปปวดที่อื่นๆของใบหน้าและศรีษะ คนไข้บางคนอาจปวดมากจนน้ำตาไหล เหงื่อไหล บางคนอาจปวดจนตื่นมากลางคืนครับ ระยะเวลาของช่วงที่ปวดแตกต่างกัน อาจปวดได้นานเป็นช่วงๆ ช่วงละ 30-90 นาที ยาวนาน6-12 สัปดาห์ครับ
สาเหตุของการปวดหัวชนิดนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดครับ
การรักษาเบื้องต้น ได้แก่ การทานยาแก้ปวด งดดื่มแอลกอฮอล์ ( เพราะบางตำราเชื่อว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของอาการปวดได้) การให้ยาโดยแพทย์ มักเป็นยากลุ่ม triptans หรือ การให้ออกซิเจน จะช่วยบรรเทาอาการได้ครับ
อย่างไรก็ตาม โรคปวดศรีษะ มีมากมายหลากหลาย ต้องอาศัยการซักประวัติและการตรวจร่างกายทางระบบระสาทอย่างละเอียดครับ
ซึ่งการรักษาก็ขึ้นกับว่าวินิจฉัยเป็นโรคอะไรครับ หากไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นนั้นเข้าได้กับอาการที่กล่าวทางด้านต้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจและวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีอาการเหล่านี้ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษครับ
1.ปวดมาก ปวดตลอดเวลาไม่มีช่วงที่หายสนิทเลย
2.ปวดจนสะดุ้งตื่น ขึ้นมากลางดึก หลังจากที่หลับไปแล้ว
3.มีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่นชักเกร็งกระตุก คลื่นไส้ มีอาเจียนพุ่ง หนังตาตก แขนขาอ่อนแรงหรือชาเป็นต้น
4.มีไข้
5.มีอุบัติเหตุกระทบกระแทกศรีษะ
5.มีโรคประจำตัวบางอย่างเช่น มะเร็งชนิดต่างๆ โรคเลือด โรคติดเชื้อ HIV เป็นต้น
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอนนี้เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์Aค่ะ ได้เข้ารับการรักษาแล้ว กินยามาได้3วันแล้วค่ะ แต่อยู่ๆก็เกิดอาการปวดหัวรุนแรงขึ้นมาอีก ทั้งๆที่เมื่อวานอาการปวดหัวทุเลาลงแล้ว อย่างนี้เสี่ยงต่อการมีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นไม๊คะ ควรรีบไปพบแพทย์หรือควรกินยาต้านไวรัสให้ครบ5วันก่อน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)